จุดเปลี่ยนสำคัญของมนุษยชาติ

โดย “เสรี พพ”

 


ตามเทคโนโลยีให้ทัน

 


การเปลี่ยนโลกของมนุษยชาติ ของ homo sapiens (มนุษย์ผู้ฉลาด) ที่พัฒนามาหลายล้านปีจากบรรพบุรุษเดียวกับลิง แต่แยกออกมาเป็นต้นกำเนิดพันธุ์มนุษย์เมื่อกว่า 5 ล้านปี มาเป็น “คน” สักสองแสนปี พูดภาษาได้เมื่อ 50,000 ปีที่แล้ว

 


ในช่วง 500 ปีที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่กว่า มากกว่า 5 ล้านปี 50,000 ปีรวมกัน และ 50 ปีที่ผ่านมา เกิดการเปลี่ยนแปลงมากกว่า 500 ปีทั้งหมดรวมกัน

 


ผมเห็นว่ามี 5 เรื่องใหญ่สุดที่กำหนดการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญ คือ

 


1. การประดิษฐเครื่องพิมพ์เมื่อปี 1440 เปลี่ยนโฉมหน้ายุโรปเรื่องข้อมูลข้าวสารความรู้ ที่แพร่ไปหมู่ประชาชน ที่เริ่มเรียนเขียนอ่าน ก่อนนั้น หนังสือใช้การลอกด้วยมือ แต่ละเล่มจึงมีจำนวนน้อย แพร่หลายในแวดวงนักบวช ผู้นำศาสนา และคนชั้นสูงเท่านั้นที่อ่านเขียนเป็น

 


การพิมพ์ก่อเกิดขบวนการทางปัญญา (intellectual movement) ที่ร่วมกันพัฒนาความรู้และวิชาการต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม ในยุคเกิดใหม่ (Renaissance) นำไปสู่ยุคเรื่องปัญญา (Enlightenment)

 


ไม่เพียงแต่ด้านศิลปวรรณกรรม แต่วิชาการต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับนวัตกรรม สิ่งประดิษฐใหม่ ๆ ที่นำไปสู่การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ปฏิวัติการศึกษาและสังคมการเมือง

 


2. ไฟฟ้า การประดิษฐนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญ เกิดสิ่งประดิษฐใหม่ ๆ โดยผู้นำอย่างโทมัส เอดิสัน กับนิโกลา เทสลา ทำให้เกิดปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่สอง การสื่อสาร การคมนาคม การเติบโตของเมือง การผลิตขนาดใหญ่ นำไปสู่การเกิดเทคโนโลยีโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์

 


3. รถยนต์ การประดิษฐรถยนต์ปลายศตวรรษที่ 19 ต้นศตวรรษที่ 20 เปลี่ยนรูปการขนส่งและรูปแบบเศรษฐกิจและสังคม นำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมัน เหล็ก ถนนหนทาง การค้าพาณิชย์ การบริโภค วัฒนธรรม และโครงสร้างของเมือง

 


4. อินเทอร์เน็ต การมาของอินเทอร์เน็ต ปฏิวัติการไหลเวียนของข้อมูลข่าวสารในปลายศตวรรษที่ 20 ปฏิวัติการสื่อสาร การค้า การศึกษา และความบันเทิง ทำให้โลกเล็กลงเป็นเพียงหมู่บ้านที่ทุกคนติดต่อสื่อสารกันได้หมดทุกเมื่อไม่ว่าอยู่ที่ไหน นับเป็นการวางรากฐานการพัฒนาไปสู่ AI เศรษฐกิจดิจิทัล โซเซียลมีเดีย และการเชื่อมโยงโลกทั้งโลกแบบเรียยลไทม์ และ “ฟรี”

 


5. AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งความจริงก็เริ่มตั้งแต่ 1950 แล้ว เพียงแต่มาพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในต้นศตวรรษที่ 21 และพัฒนาจาก AI ไปสู่ Generative AI ที่ใช้ได้แพร่หลายจริง ๆ ไม่กี่ปีมานี้เอง

 


# ปัญญาประดิษฐ์ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด

 


AI กับ Generative AI ต่างกันที่พัฒนาการ และฟังชั่นที่หลากหลายและก้าวหน้า

 


AI เป็นปัญญาประดิษฐที่ทำงานแทนมนุษย์ได้ในหลายเรื่อง เช่น การแก้ปัญหา การเรียนรู้ และการตัดสินใจ การประมวลผลข้อมูล การทำงานอัตโนมัติ การพัฒนาระบบที่สามารถรับรู้และตอบสนองต่อสภาพแวดล้อม

 


ที่เราคุ้นเคยกันวันนี้ อย่างการพัฒนา AI ในรถไร้คนขับ ทางการแพทย์ใช้วินิจฉัยโรค การค้าขายใช้ในการจัดระบบสินค้า การจัดการเชิงพาณิชน์ต่าง ๆ และโลจิสติกส์

 


Generative AI เป็นสาขาย่อยของ AI ที่เน้นการสร้างเนื้อหาใหม่จากข้อมูลที่มีอยู่แล้ว ระบบนี้สามารถสร้างสิ่งต่าง ๆ เช่น ข้อความ รูปภาพ ดนตรี หรือแม้กระทั่งวิดีโอ ที่ไม่ได้มาจากการสั่งการแบบตรง ๆ แต่เป็นการสร้างแบบอัตโนมัติโดยใช้ข้อมูลที่เรียนรู้มา ไม่ว่าจะถามสั้นหรือยาว ให้วิเคราะห์ สังเคราะห์ ประมวลข้อมูล สรุป หรือเขียนให้ใหม่

 


Generative AI ถูกฝึกมาในการสร้างเนื้อหาใหม่ โดยไม่ใช่เพียงแค่ตอบสนองหรือจำลองข้อมูลที่มี แต่สามารถ "สร้าง" ผลลัพธ์ใหม่ได้ โดยการเรียนรู้จากตัวอย่างข้อมูลเดิม

 


เรารู้จัก ChatGPT (Chat Generative Pre-trained Transformer) ยังกับว่าเป็นเครื่องมือเดียว (เหมือนเราเรียกแฟ็บแทนผงซักฟอก เรียกมาม่าแทนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เรารู้จัก Bitcoin เป็นคริปโตเคอร์เรนซี ทั้งๆ ที่ยังมีอีกมากมายหลายสกุล)

 


Generative AI ที่น่าใช้มีหลายเจ้า เช่น Gemini ของ Google หรือ Claude และอื่น ๆ แต่ละอย่างก็มีข้อเด่นข้อด้อยแตกต่างกัน

 


# ตามไม่ทันตกยุค

 


การเปลี่ยนแปลงทุกยุคสมัยไม่ได้เกิดขึ้นง่าย มีการต่อต้าน มีความกลัว อำนาจทางอาณาจักรและศาสนจักรกลัวการพิมพ์ว่าจะเผยแพร่สิ่งชั่วร้าย ความผิดต่อความเชื่อทางศาสนา ความมั่นคงของ “ชาติ”

 


คนกลัวไฟฟ้าจะช็อต ไฟไหม้ และอันตรายอื่น ๆ จนคนหัวโบราณยังยินดีใช้เทียนไข ใช้ไฟแบบเดิม ๆ ต่อไป

 


เมื่อรถยนต์ออกมาใหม่ ๆ ที่อังกฤษมีกฎหมายให้มีคนถือธงแดงนำหน้า และร้องประกาศว่า สิ่งประดิษฐ์นี้อันตรายมาก อาจฆ่าคนได้ คนจึงใช้ม้า ใช้รถม้าต่อไปไม่น้อย ซึ่งความจริงก้ไม่ผิด เพราะวันนี้ ทั่วโลกมีคนตายด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ปีละ 10 ล้านคน

 


คนจำนวนมากกลัวคอมพิวเตอร์ว่าจะทำให้คนตกงาน กลัว AI จะฉลาดกว่ามนุษย์ จนมีความพยายามให้หยุดการพัฒนา AI กลัวว่ามนุษยชาติจะล่มสลายเพราะ AI อาจคิดอะไรที่ทำลายล้างโลก อาจไปถอดรหัสนิวเคลียร์ และเป็นเหตุให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3

 


คนที่ออกมาพูดเรื่องนี้ที่สื่อนำมาแพร่มากกว่าใคร คือ Yuvan Noah Harari คนเขียนหนังสือ Homo Sapiens ! มีประเด็นที่น่ากลัว หรือความท้าทายจริงด้วย การเปลี่ยนแปลงทุกยุคสมัยก็เป็นเช่นนี้ แต่ครั้งนี้ดูจะเปลี่ยนแปลงแบบ “หักโค่น” และ “ถึงรากถึงโคน” (disruptive) จริง ๆ และเร็วมากจนตามไม่ค่อยทัน

 


อย่างไรเสียก็ควรรับรู้ เรียนรู้ และใช้ให้เป็น อะไรจะเกิดก็ให้เกิด.

 


22 กันยายน 2567

 

  

สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก  

whitebanner