ข่าวด่วน........รายงานจากหน้าทำเนียบ......การเคลื่อนไหวของ พีมูฟ และเครือข่าย

โดย ศรายุทธ ฤทธิพิณ : กรรมการบริหารเครือข่ายปฎิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ) และในฐานะกรรมการบริหารขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือพีมูฟ

7 ต.ค. 2567 ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ p-move (People Movement)ประกาศเจตนารมณ์ เนื่องในวันที่อยู่อาศัยสากล เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาของ พีมูฟ ได้เริ่มปักหลักชุมนุมต่อสู้ทวงสิทธิ บริเวณทำเนียบรัฐบาล (ประตู 3 และประตู 4) มุ่งหวังให้รัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี ต้องเปิดการเจรจากับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ให้มีความชัดเจน สร้างหลักประกันทางนโยบาย ด้วยการมีมติเห็นชอบในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)


โดยให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือพีมูฟ


หลังจากแพทองธาร ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีอีก 35 คน เริ่มปฏิบัติหน้าที่บริหารบ้านเมือง โดยในระหว่างนั้นขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ ได้เคลื่อนไหวผลักดันการแก้ไขปัญหาของภาคประชาชนโดยการชู ‘นโยบาย 10 ด้าน’ ยื่นถึงรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย


- สิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย
- การกระจายอำนาจ
- การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
- ที่ดินและการคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม
- การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- การป้องกันภัยพิบัติ
- การคุ้มครองชาติพันธุ์และสิทธิความเป็นมนุษย์
- สิทธิและสถานะบุคคล
- รัฐสวัสดิการ
- และที่อยู่อาศัย


นอกจากนั้นได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2567 เพื่อให้ดำเนินการสั่งการไปยังกระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาของสมาชิกพีมูฟ และพร้อมกันนั้นได้เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเร่งลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เพื่อเป็นกลไกในการติดตาม ซึ่งในครั้งนั้นได้มีตัวแทนรัฐบาลคือ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (นายสมคิด เชื้อคง) และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มาประสานงานกับพีมูฟ


จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในหลายพื้นที่ยังถูกหน่วยงานรัฐและกลุ่มทุนคุกคามอย่างต่อเนื่อง


พีมูฟจึงประกาศปักหลักชุมนุมอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในรัฐบาลแพทองธาร ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีข้อเรียกร้องที่ต้องบรรลุและรัฐบาลแพทองธารต้องตอบสนองทั้งสิ้น 3 ข้อ ดังนี้


1.นายกรัฐมนตรีต้องสั่งการให้รองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) ในฐานะที่ได้รับมอบหมายและมอบอำนาจให้ปฏิบัติหน้าที่ประธานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และได้รับมอบหมายและมอบอำนาจให้กํากับการบริหารราชการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และรองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ในฐานะที่ได้รับมอบหมายและมอบอำนาจให้ปฏิบัติหน้าที่ประธานคณะกรรมการโฉนดชุมชน และกํากับดูแลสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาของพีมูฟโดยตรง เป็นตัวแทนรัฐบาลเพื่อเจรจากําหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกับตัวแทนพีมูฟ และนําข้อสรุปเสนอให้นายกรัฐมนตรีทราบและพิจารณาดำเนินการต่อไป


2.ลงนามในร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อ สังคมที่เป็นธรรม ซึ่งมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ตามที่พีมูฟได้เสนอ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567


3.เพื่อในการแก้ไขปัญหาของพีมูฟดำเนินการต่อไปอย่างเป็นระบบ ต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ ให้นายกรัฐมนตรีนำข้อสรุปตามข้อ 1. และ 2. แจ้งให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้พิจารณาเห็นชอบ และแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบต่อไป


และสืบเนื่องจากที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกา โครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 พ.ศ. ...และร่างพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 พ.ศ. ...รวม 2 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วมาเพื่อดำเนินการ ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะนำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีในวันที่ 22 ต.ค. 2567


ข้อเรียกร้องเร่งด่วนของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ คือ


1. ให้นำเรื่องการพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ ออกจากการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันอังคารที่ 22 ต.ค. 2567 โดยทันที เพื่อเป็นการชะลอการผลักดันร่างกฎหมายลำดับรอง ให้ภาคประชาชนได้มีส่วนร่วมในการตรากฎหมายไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน


2. ให้พิจารณาดำเนินการตามแนวทางการชะลอ การศึกษาผลกระทบของกฎหมาย และการปรับปรุงร่างกฎหมายลำดับรองประกอบพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ตามที่คณะรัฐมนตรีได้รับทราบแนวทางแล้วในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2565 และ 10 ต.ค. 2566 ทั้งนี้ในระหว่างนี้ควรชะลอการนำร่างกฎหมายลำดับรองเข้า ครม. ออกไปก่อนเพื่อให้รัฐบาลได้ดำเนินการตามนโยบายแก้ไขปัญหาที่ดินโดยการกำหนดให้มีการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ให้แล้วเสร็จ


3. เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปรับปรุงร่างกฎหมายลำดับรอง รวมถึงกฎหมายระดับพระราชบัญญัติฯ ทั้ง 2 ฉบับ (พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562) เป็นไปอย่างมีส่วนร่วมกับภาคประชาชนและมีประสิทธิภาพสูงสุด ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีได้พิจารณาลงนามในร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม โดยเร่งด่วน


ทั้งนี้ พีมูฟได้ยื่นข้อเรียกร้องดังกล่าวถึงภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ นายกรัฐมนตรี (แพทองธาร ชินวัตร), รองนายกรัฐมนตรี (ประเสริฐ จันทรรวงทอง), รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (เฉลิมชัย ศรีอ่อน), รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นฤมล ภิญโญสินวัฒน์) และ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี


พีมูฟยืนยันจะปักหลักชุมนุมยืดเยื้ออย่างไม่มีกำหนด และจะระดมกำลังพี่น้องขึ้นมาสมทบอย่างต่อเนื่อง จนกว่ารัฐบาลจะตอบสนองข้อเรียกร้องทุกข้อ และขอประกาศต่อสาธารณชน พี่น้องเครือข่ายภาคประชาชน สื่อมวลชน และพรรคการเมือง ให้ร่วมจับตาการเคลื่อนไหวของพีมูฟอย่างใกล้ชิด และติดตาม ตรวจสอบ การทำงานของรัฐบาลแพทองธารต่อไปว่า พรุ่งนี้จะถอนเรื่องของกระทรวงทรัพยากรฯออกจากการประชุม ครม.หรือไม่ และจริงใจแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชนหรือไม่.


รายงานเมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2567

สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก  

whitebanner