แนวโน้มการเคลื่อนตัววัฒนธรรมการเรียนรู้ใหม่

สัญจร ชัยทัศน์

 


การศึกษาไทยยังคงเป็นระบบการศึกษาของศตวรรษที่ 19 ที่มุ่งสอนเนื้อหารายวิชาตายตัวตามมาตรฐานกลางหลักสูตร ชนิดทุกคนทุกพื้นที่ทุกบริบทต้องเรียนเหมือนกันหมด วันนี้กำลังกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางวิถีการเรียนรู้ใหม่ในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การปฏิรูปการศึกษาโดยภาครัฐเป็นไปไม่ได้เลยด้วยเหตุจากขาดวิสัยทัศน์ ใหญ่เทอะทะและมีปัญหามากมายสั่งสมมานาน สังคมจำเป็นต้องขับเคลื่อนการศึกษาลู่ใหม่ในทางสาธารณะขึ้น เพื่อสร้างโอกาสและทางเลือกสำหรับผู้ที่ตระหนักแล้วถึงความเสียหายจากการยังก้าวข้ามไม่พ้นการศึกษาแบบโบราณ

 


โลกยุคใหม่ ความรู้กลายเป็นของฟรี ผูกขาดกักขังไม่ได้ เหมือนลอยอยู่ในอากาศ เมื่อการเข้าถึงความรู้ทำได้โดยง่ายด้วยตนเองการได้มาซึ่งความรู้นั้นจึงยังไม่เพียงพอ ที่สำคัญควบคู่กันไปคือการเชื่อมโยงสร้างนัยยะนำความรู้สู่การสร้างสรรค์ (Producing Meaning) อีกทั้ง สิ่งที่รู้แล้วไม่สามารถยึดถือเอาไว้ได้ ต้องมีการเรียนรู้ใหม่ด้วยมุมมองใหม่อย่างให้ทันการณ์เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ (Learn - Unlearn - Relearn)
เมื่อหมดยุคผูกขาดความรู้ วิทยาการเคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยอัตราความเร็วเป็นพหุคูณ ทุกวันนี้การสร้างนวัตกรรมใหม่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา วิถีการสื่อสารและการดำเนินธุรกิจกลายเป็นเรื่องของการแชร์การแบ่งปันกันมากขึ้น ลักษณะของงานที่ต้องมีการร่วมมือประสานกันมากขึ้น นำมาสู่เรื่องผลประโยชน์ร่วม การเน้นสร้างคุณค่าร่วม ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนจากการมุ่งความคิดสร้างสรรค์รายบุคคลเป็นการมุ่งระดมความคิดสร้างสรรค์แบบกลุ่ม ทั้งยังส่งผลต่อการสร้างเสริมจิตสำนึกสาธารณะ ยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง
สิ่งใหม่เข้าทดแทนสิ่งเก่า นวัตกรรมย่อมพัดพาหอบเอาความล้าสมัยให้หายไป เมื่อโลกเปลี่ยน วิถีการดำเนินชีวิตเปลี่ยน วิถีการงานเปลี่ยน วิถีการศึกษาเรียนรู้ก็ต้องเปลี่ยน
การศึกษาไทยมีแนวโน้มและความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ให้สอดคล้องกับระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ การเกิดขึ้นของอาชีพใหม่ๆ มากมายที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน การเรียนรู้ยุคใหม่ต้องมุ่งเน้นการแสวงหา ท้าทาย เรียนรู้ได้เอง เลิกติดอยู่กับกรอบหลักสูตรตายตัวล้าสมัยมาเป็นการสร้างสรรค์ความรู้ใหม่ต่อยอดความรู้เดิม ประยุกต์ให้เกิดประโยชน์เหมาะกับตนเองและสังคมตามสถานการณ์เป็นปัจจุบัน พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ตามความต้องการ ความถนัด ความสนใจของตัวผู้เรียนรู้มากขึ้น ในคุณค่าและความหมายของการศึกษาเรียนรู้ตลอดชีวิต
การศึกษาในระบบอย่างที่รัฐผูกขาดไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป การศึกษาไทยวันนี้กำลังถูกเรียกร้องให้ก้าวเข้าสู่การศึกษาสาธารณะรูปแบบหลากหลายที่สถาบันสังคมต่างๆ เป็นผู้จัด ในนามของ “วัฒนธรรมการเรียนรู้ใหม่” เพื่ออนาคต

 


แนวโน้มการเคลื่อนตัววัฒนธรรมการเรียนรู้ใหม่ศตวรรษที่ 21
1 พลังการเรียนรู้มีอยู่ในตัวเรา เราเป็นเจ้าของการเรียนรู้ของตัวเราเอง การศึกษาออกแบบได้ เราสามารถออกแบบ วางแผน และเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง โลกยุคใหม่การเรียนรู้ด้วยตัวเอง เรียนรู้ 24/7 (เรียนรุ้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทั้งเจ็ดวันของสัปดาห์) เรียนรู้ตลอดชีวิต สำคัญกว่าการเรียนอย่างเป็นทางการ
2 เรียนรู้ขุมทรัพย์ในตน “Learning :The Treasure Within” (ตามข้อเสนอยูเนสโก) คือเป้าหมายใหม่ของการเรียนรู้ เพื่อการค้นหานำทางสู่การค้นพบตัวเอง ด้วยสี่เสาหลักทางการศึกษา Learning to know เรียนรู้ให้รู้จริง Learning to do เรียนรู้ให้ทำได้จริง Learning to live together เรียนรู้เพื่อที่จะอยู่ร่วมกัน Learning to be เรียนรู้เพื่อความมีชีวิต
3 สมดุลในความเป็นเลิศและความเป็นมนุษย์ สามารถมุ่งสู่ความเป็นเลิศโดยยังคงไว้ซึ่งหัวใจความเป็นมนุษย์ เรียนรู้วิทยาการใหม่ อาทิ Coding , Design Thinking , Systems Thinking , Ecosystems พร้อมทั้ง เรียนรู้ความเป็นมนุษย์ในระดับจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก เรียนรู้ทั้งภูมิปัญญาตะวันตก-ตะวันออก ความจริงทางวัตถุวิสัย ความจริงอันเป็นสากลทั่วไป ความจริงดำรงอยู่ที่เหนือวัตถุวิสัยเหนือกาล
4 สร้างชุมชนการเรียนรู้ร่วมกัน จากการแข่งขันมาเป็นการทำงานร่วมกัน จากความคิดสร้างสรรค์ความสำเร็จรายบุคคลมาเป็นการระดมความคิดจากกลุ่มความสำเร็จของทีม จากการฟาดฟันมาเป็นการแบ่งปัน
5 สร้างหน้าต่างแห่งโอกาสการเรียนรู้ ภาวะปลอดภัย มีอิสระ มีความสุข ในภาวะดังกล่าวการเรียนรู้จะเป็นไปโดยสัญชาตญาณ ง่ายราวฟองน้ำดูดซับหยดน้ำ เราจะพบว่า การเรียนรู้มีอยู่ในตัวเรา การเรียนรู้มีอยู่ในที่อื่น การเรียนรู้มีอยู่ในการเดินทาง การเรียนรู้มีอยู่ในบทสนทนา การเรียนรู้มีอยู่ในเรื่องเล่า การเรียนรู้มีอยู่ในความสัมพันธ์ และในทุกๆ สิ่ง
6 มุ่งสู่การเรียนรู้วิธีการเรียนรู้ (Learn to Learn) รักในการเรียนรู้ (Love to Learn) เรียนรู้ที่จะรัก (Learn to Love) เรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) เรียนให้รู้จริง จากโจทย์จริง ผู้รู้จริง ทำได้จริง เกิดประสบการณ์จริง ใช้ประโยชน์ในชีวิตได้จริง
7 สร้างความสุขในการเรียนรู้ การเรียนรู้ที่นำสู่การสร้างสรรค์ต้องเริ่มจากความชอบ ความสนใจ ความถนัด จินตนาการ และแรงบันดาลใจของผู้เรียน จากความสุขของการเรียนรู้ ค่อยฝึกฝน พัฒนาให้เต็มศักยภาพตามธรรมชาติ เชี่ยวชาญขึ้น สังคมเห็นคุณค่า กลายเป็นมูลค่าและการประกอบการ
8 เรียนรู้ได้ทั้งสิ่งชอบใจไม่ชอบใจ ยิ่งยากยิ่งท้าทาย ยิ่งยากยิ่งเรียนรู้
9 พัฒนาจากนักเรียนรู้ไปเป็นนักสร้างสรรค์นวัตกรรม อยากแก้ปัญหา ต้องการทำให้ดีขึ้น (Data – Knowledge – Wisdom – Innovation)

 


โอกาสนำสู่ความสำเร็จ
สถานการณ์โลก ในความสุ่มเสี่ยงสุดโต่งทั้งในภาวะธรรมชาติ สงคราม การเมือง ที่ทำให้อำนาจเปลี่ยนแกนจากภาครัฐ/ทุนผูกขาดไปสู่ภาคประชาสังคม เป็นไปไม่ได้อีกแล้วที่รัฐจะเอื้อมมือไปถึงการจัดการในทุกเรื่องอย่างรวมศูนย์อำนาจสั่งการเด็ดขาด
สถานการณ์การศึกษาไทย ซึ่งแม้ผ่านการปฏิรูปรอบสามมายี่สิบกว่าปี(นับจาก 2542) ก็ยังคงวนเวียนซ้ำรอยปัญหาพื้นฐานเดิมๆ ความเหลื่อมล้ำยิ่งแพร่ขยาย การกระจายอำนาจทำไม่ได้จริง และคุณภาพการศึกษายังคงตกต่ำดิ่งลง แม้มีความพยายามที่จะสร้างนโยบายใหม่จากแรงกดดันของการศึกษาโลกศตวรรษที่ 21 แต่ด้วยความเทอะทะไร้สมรรถภาพของระบบ บวกกับการแสวงหาผลประโยชน์ทุจริตคอรัปชั่น นับวันการศึกษาไทยจึงเข้าตาจนมากขึ้นทุกที

 


ประเด็นความท้าทาย
ระดับปัจเจกชน ต้องการความเป็นอิสระจากค่านิยมการศึกษาในระบบ เพื่อส่งเสริมและเปิดโอกาสให้มีเสรีภาพที่จะเลือกเรียนรู้ตามความสนใจทั้งในและนอกสถานศึกษา รวมถึงการเรียนรู้ด้วยตนเองแบบออฟไลน์/ออนไลน์ ต้องการความเป็นอิสระจากค่านิยมปริญญา ที่ยิ่งนับวันยิ่งไม่สามารถรับประกันความสำเร็จของอาชีพการงาน คนยุคดิจิตอลสำคัญกว่าปริญญาคือความเป็นผู้รู้รอบ รู้จริง ชำนิชำนาญในสื่อเทคโนโลยี อย่างสามารถที่จะวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ ริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้
ระดับนโยบายภาครัฐ รณรงค์ให้เกิดปฏิบัติการที่เป็นจริงตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฯ คืนอำนาจการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน สิทธิที่จะได้รับการศึกษาตามความต้องการในรูปแบบต่างๆ เสรีภาพที่ผู้เรียนจะได้เลือกเรียนรู้ตามความถนัด ปฏิบัติการที่เป็นจริงในพันธกิจการศึกษาเพื่อคนทั้งมวลไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง และปฏิบัติการที่เป็นจริงในแนวทาง “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” โดยให้มีมาตรการสนับสนุน อาทิ (1) เช้าเรียนในโรงเรียนครึ่งวัน บ่ายให้เลือกเรียนรู้ตามที่สนใจ (2) รัฐจ่ายเงินอุดหนุนเข้าบัญชีการศึกษาอิสระแก่ผู้เรียนทุกคน (3) ยกเลิกการสอบ มุ่งประเมินผลพัฒนาการรายบุคคล (4) ทุกมหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยเปิด เป็นตลาดวิชาของการศึกษาเรียนรู้ตลอดชีวิต

 


การศึกษาถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่พัฒนาสังคมโดยรวมให้ดีร้ายกลายเป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ขณะเดียวกัน ก็สามารถใช้การศึกษาเป็นสะพานเชื่อมระหว่างปัจจุบันกับอนาคตได้ ภาพฉายของอนาคตจึงมีการศึกษาเป็นตัวแปรหนึ่งที่สำคัญยิ่ง

 

โปรดติดตามและมีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท.  โปรดคลิ๊ก