หนังสือชื่อ “ถังแดง : การซ่อมสร้างประวัติศาสตร์ และความทรงจำหลอนในสังคมไทย”

โดย จุฬารัตน์ ดำรงวิถีธรรม   จากคอลัมน์ “ชวนอ่านหนังสือ”  โดย “โสมนภา”

 


เพิ่งเร็ว ๆ นี้ที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หยิบยกกรณีเผาลงถังแดงที่พัทลุง ระหว่างปี ๒๕๑๔-๒๕๑๖ มากล่าวถึงในฐานะ​ ๑ใน ๓ เหตุการณ์ที่ตอกย้ำ “วัฒนธรรมผู้พ้นผิดลอยนวล คนที่ทำผิดไม่เคยถูกดำเนินคดีเลยสักครั้ง เจ้าหน้าที่รัฐที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชน จนเข่นฆ่าชีวิตประชาชน ดำเนินคดีไม่ได้” ตามมาด้วยการสวมบททนายประชาชนเล่าเรื่องเผาลงถังแดง ของพรรณิการ์ วานิช เผยแพร่ลงในช่องยูทูป กรณีถังแดงจึงกลับมาอยู่ในความสนใจของสังคมอย่างกว้างขวางอีกครั้ง

 


ฉันเคยไปเยือนหมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา ของอดีตชาวพรรคคอมมิวนิสต์มลายา ที่จังหวัดยะลา ไปรู้ไปเห็นแล้วกลับมาครุ่นคิดอยู่นานว่า ทำไมหลังจากพังพ่ายแล้วพรรคฯมลายาจึงยังรวมกันติด สามารถอยู่ด้วยกันเป็นหมู่เป็นกลุ่ม ร่วมกันสร้างบ้านสร้างถิ่นที่อยู่ของตัวเองเป็นปึกแผ่น มีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีพอสมควร ในหมู่บ้านมีทั้งอนุสรณ์แห่งการต่อสู้ มีที่เก็บกระดูกสหาย มีพิพิธภัณฑ์เก็บศาสตราวุธที่เคยใช้ในการต่อสู้กับรัฐบาลมลายา มีพิพิธภัณฑ์เลขาธิการพรรคฯ มีหนังสือบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ฉันเฝ้าแต่ถามว่า ทำไมเราไม่มีอย่างนั้นบ้าง

 


หลังจากสหายชาวพัทลุง โดยเฉพาะคนบ้านนาและลำสินธุ์ กลับจากการร่วมต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์ไทย พวกเขาได้ช่วยกันสร้างอนุสาวรีย์ “ถังแดง” เก็บรวบรวมเรื่องราวของชาวบ้านแถบนี้ที่ถูกทำทารุณอย่างโหดร้ายป่าเถื่อนขึ้น ในพื้นที่ที่เคยเป็นค่ายทหารที่จับปู่ย่าตายายพ่อแม่พี่ป้าน้าอาของพวกเขาเผาในถังแดง มีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้เป็นประจำทุกปี เป็นหมุดหมายของมิตรสหายนักต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมแวะเวียนกันมารับรู้เรื่องราว รับฟังเรื่องเล่าจากผู้ดูแลสถานที่ที่เป็นผู้สูญเสียอยู่เสมอ

 


นอกจากนั้น สหายชาวพัทลุงยังได้ร่วมกันก่อร่างสร้าง “เครือข่ายสินธุ์แพรทอง” ที่เข้มแข็งทุกด้านขึ้นมาในชุมชนด้วย

 


หนังสือ “ถังแดง : การซ่อมสร้างประวัติศาสตร์ และความทรงจำหลอนในสังคมไทย” ให้ความสำคัญกับการรวมตัวกันเป็น “เครือข่ายสินธุ์แพรทอง” และได้สรุปสั้น ๆ ถึงองค์กรนี้ว่า “ใช้วัฒนธรรมและวิธีคิดแบบ พคท. อันได้แก่ การทำงานทางความคิด การวางแผน การทำงานอย่างเป็นระบบ มีหน้าที่และความรับผิดชอบชัดเจน มีการวางยุทธศาสตร์ มีเข็มมุ่งอันเดียวกัน รวมไปถึงการประเมินการทำงานและการถอดบทเรียน ผสมผสานทางวัฒนธรรมวิธีคิดแบบเอ็นจีโอ แนวคิดเศรษฐกิจชุมชนพึ่งตนเอง และวัฒนธรรมของชุมชน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดอำนาจรัฐและให้ประชาชนพึ่งตนเองได้”

 


“ถังแดง : การซ่อมสร้างประวัติศาสตร์ และความทรงจำหลอนในสังคมไทย” มาจากวิทยานิพนธ์ของ จุฬารัตน์ ดำรงวิถีธรรม นักศึกษาระดับปริญญาโท คณะศิลปศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ศึกษาความทรงจำกรณี “ถังแดง” ในชุมชนลำสินธุ์ อำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง เมื่อปี ๒๕๕๒ วิทยานิพนธ์เรื่องนี้ได้รับรางวัลวนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ ในฐานะวิทยานิพนธ์เพื่อคนจนประจำปี ๒๕๕๓ ผู้เขียนได้ลงไปอยู่ในชุมชนนี้ถึง ๒ ปี ได้คลุกคลีสัมภาษณ์สังเกตความเป็นไปของผู้คนอย่างถ่องแท้แน่ใจ

 


หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือวิชาการ ผู้เขียนพูดถึงกระบวนการเกิดประวัติศาสตร์จากความทรงจำ ซึ่งมีทั้งความทรงจำหลัก ความทรงจำปัจเจกและความทรงจำร่วม ประวัติศาสตร์บาดแผลของถังแดง มีความทรงจำหลายรูปแบบ ผู้ที่เกี่ยวข้องหรืออยู่ในเหตุการณ์ มีทั้งผู้ถูกกระทำและผู้กระทำ และมีกระบวนการสร้างความทรงจำหลักให้เป็นความทรงจำร่วม นำไปสู่การจดจำหรือประวัติศาสตร์ด้านเดียว ผ่านองค์กรของชุมชนที่นำเอาหลักการทำงานและวิธีคิดแบบ พคท.มาใช้

 


ผู้เขียนปูเรื่องให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครองที่มีผลสำคัญต่อพื้นที่พัทลุง ตั้งแต่การปฏิรูปการปกครองในสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่พัทลุงถูกรัฐส่วนกลางเข้ามามีอำนาจ สร้างความขัดแย้งในชุมชนอย่างกว้างขวาง การเกิดชุมโจรระหว่างปี ๒๔๕๕-๒๔๖๕ สภาพบ้านเมืองที่กลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน เจ้าหน้าที่จับมือกับโจร กดขี่ข่มเหงปล้นชิงชาวบ้านจนเดือดร้อนแสนสาหัส การเข้ามาของ พคท.เมื่อปี ๒๕๐๓ ที่โฆษณานโยบายขจัดความไม่เป็นธรรมจากอำนาจรัฐและปราบโจร อันนำมาซึ่งค่ายทหารในปี ๒๕๐๙ และการจับกุมปราบปรามอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเกิดถังแดงระหว่างปี ๒๕๑๔-๒๕๑๖

 


ถังแดง ที่คนทั่วไปรู้กันก็คือ ทหารจับชาวบ้านที่สงสัยว่าจะเป็นฝ่ายคอมมิวนิสต์ไปฆ่าแล้วเผาอย่างทารุณโหดร้ายป่าเถื่อนในถังน้ำมัน ที่ค่ายเกาะหลุงเขตตำบลลำสินธ์ุ จำนวนมากถึง ๓,๐๐๘ คน ตัวเลขนี้ผู้เขียนก็ไม่ค่อยแน่ใจ เพราะไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด นอกจากรายงานของศูนย์นิสิตฯที่เข้ามาเก็บข้อมูลหลัง ๑๔ ตุลา ๑๖ ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจรวมเอาตัวเลขยิงทิ้ง ถีบลงจาก ฮ.ในพื้นที่บางส่วนของจังหวัดสุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช ในช่วงระยะเวลาเดียวกันเข้าไปด้วย
เหตุการณ์นี้มีผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย มีทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ มีทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายอำนาจรัฐ ฝ่ายคอมมิวนิสต์ และชาวบ้านที่ไม่ใช่พวกทหารตำรวจ และไม่ใช่พวกคอมมิวนิสต์ มีทั้งผู้อยากจะจำ และผู้อยากจะลืม มีความเจ็บปวดขมขื่นซับซ้อนหลายมิติ

 


งานวิทยานิพนธ์เป็นงานวิเคราะห์ศึกษาสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นอยู่ มีรายละเอียดมากมายในประเด็นต่าง ๆ เป็นเรื่องที่น่ารู้ น่าศึกษา สำหรับผู้ที่สนใจปัญหาสังคม โดยเฉพาะเพื่อนมิตรชาวอดีต พคท. อยากให้ได้อ่านกัน เผื่อมีโอกาสจะได้แวะไปศึกษาดูงานของ “เครือข่ายสินธุ์แพรทอง” แล้วเอามาปรับใช้กับชุมชนของตัวเองบ้าง

 


หนังสือเล่มนี้หาซื้อยาก ไม่ได้วางขายตามร้านหนังสือทั่วไป อาจเพราะเป็นวิทยานิพนธ์และพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ของมหาวิทยาลัย จึงมีขายเฉพาะที่ ฉันได้มาจากการอนุเคราะห์ของ คุณอากร ภูวสุธร แห่งร้านหนังสือดาวแดง ที่จัดหามาให้ ขอขอบคุณอย่างมาก

 

 

โปรดติดตามและมีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท.  โปรดคลิ๊ก