# แล้วเราจะพบกันอีก

โดย ปรีดา ข้าวบ่อ

 

คมวรรณศิลป์
.
นักคิดนักเขียนนามอุโฆษทั่วฟากฟ้าเมืองไทย ได้ส่งทอดความฝัน ความหวัง และความเชื่อมั่น ถึงเยาวมิตรรุ่นแล้วรุ่นเล่า
.
ฟังท่อนจบสำนวนกวี “อยู่เพื่ออะไร” ที่ “อุชเชนี” รจนาไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2493 ดูสิ
“…………………………………
ฉันอยู่เพื่อยุคทองของคนยาก
ที่เขาถากทรกรรมซ้ำปั่นหัว
เพื่อความถูกที่เขาถมจมทั้งตัว
เพื่อความกลัวกับกล้าบั่นอาธรรม
เพื่อโลกใหม่ใสสะอาดพิลาสเหลือ
เมื่อคนเอื้อไมตรีอวยไม่ขวยขำ
เพื่อแสงรักส่องรุ่งพุ่งเป็นลำ
สว่างนำน้องพี่มีชัยเอย“.
.
อีกหนึ่งบทที่เข้มข้นและร้อนแรง ชื่อสำนวน “จงเป็นอาทิตย์เมื่ออุทัย” ประพันธ์โดย ”ทวีปวร“ เมื่อ พ.ศ.2495
”…………………………………
จงเป็นอาทิตย์เมื่ออุทัย
พลังใหม่เข้มแข็งแกร่งกล้า
พากเพียรเรียนรู้โลกา
เปลี่ยนแปลงสู่อาริยะยุค
แรงอรุณหนุนเนื่องเรืองล้ำ
แรงดรุณจักนำสันติสุข
มืดมนอนธกาลทานทุกข์
มือสองจักปลุกประกายพลัน“.
.
ไฟปรารถนาแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เปล่งจากปาก “สาย สีมา“ ตัวละครเอกในนิยายเรื่อง ”ปีศาจ“ ของ “เสนีย์ เสาวพงศ์” เมื่อ พ.ศ.2496 ก็ยังดังกึกก้องกุมหัวใจคนหนุ่มสาวมาทุกยุคทุกสมัย
”…ผมเป็นปีศาจที่กาลเวลาได้สร้างขึ้นมาหลอกหลอนคนที่อยู่ในโลกเก่า ความคิดเก่า ทำให้เกิดความละเมอหวาดกลัว และไม่มีอะไรที่จะเป็นเครื่องปลอบใจท่านเหล่านี้ได้ เท่ากับไม่มีอะไรหยุดยั้งความรุดหน้าของกาลเวลาที่สร้างปีศาจเหล่านี้ให้มากขึ้นทุกที“.
.
เน้นย้ำด้วยบทบรรยายอันเป็นหัวใจของนิยายเรื่อง ”แลไปข้างหน้า“ จากปลายปากกา ”ศรีบูรพา“ เมื่อ พ.ศ.2500 ที่ชี้ชัดถึงสัจธรรมสังคมว่า
”…ระบอบการปกครองอันมีมาแต่โบราณกาล ถึงจะมีอายุเก่าแก่เพียงใด ก็หาใช่สิ่งที่จะอยู่ค้ำฟ้าไปได้ไม่ หาใช่สิ่งที่จะท้าทายกาลเวลาไปได้ไม่ ที่แท้มันก็เป็นสิ่งที่จะต้องประสบกับความเสื่อม ถูกเปลี่ยนแปลง และถูกทำลายในวันหนึ่ง”.
.
แม้ขบวนแถวประชาธิปไตยถูกพิฆาตเข่นฆ่าทำลายล้างมาเป็นระยะ แต่เชื้อไฟแห่งการต่อสู้ไม่เคยมอดดับ เหมือนสายธารศิลปวัฒนธรรมของปวงชนที่ยังคงส่งทอดสืบต่อกันมาไม่ขาดสาย
จากยุคบุกเบิกห้วงก่อนและต้น พ.ศ.2500 ผ่านยุคสายลมแสงแดดสู่การแสวงหา กระทั่ง หลัง พ.ศ.2516 ประชาธิปไตยเบ่งบาน ผ่านสงครามประชาชนเมื่อเกิดเหตุการณ์ “6 ตุลาหฤโหด” จากนี้ถึงเวลาพลิกฟื้นวรรณศิลป์ ยืนตรงทนงนามท่ามกลางซากปรักหักพังกันอีกครั้ง
เปรียบสภาพสังคมไทยเสมือนร่างกายมนุษย์ ขณะนี้อวัยวะภายในร่างนั้นชำรุดทรุดโทรมแทบจะหมดสภาพ เหลือเพียงหัวใจใฝ่สันติสุขสันติธรรมที่ยังกระตุกเต้น ร่วมถนอมรักผู้มีใจใฝ่ดีงามนี้ไว้ รวมพลังพุ่งซัดปลายปากกาเข้าทำลายความอัปลักษณ์มืดดำ หงายคมอาวุธวรรณศิลป์กระทบสะท้อนแสงสว่างเรืองรองให้ปรากฏ.

 

โปรดติดตามและมีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท.  โปรดคลิ๊ก