ทักษิโนมิคส์ 2.0 : ทุนใหญ่อิ่ม ชาวบ้านอด…ทนรอ
โดย “อภิวัฒน์ เจ็ดห้า”
สัปดาห์ที่ผ่านมา คุณทักษิณได้กล่าวสุนทรพจน์แสดงวิสัยทัศน์ วาดวิมานให้คนไทยเคลิบเคลิ้ม ด้วยนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต, เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์, การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน, เนกาทีฟอินคัมแท็ก, การซื้อกิจการขนส่งสาธารณะจากทุนใหญ่แล้วให้รัฐบริหาร เพื่อลดราคาค่าบริการเป็น 20 บาทตลอดสาย, การแก้หนี้ครัวเรือน ฯลฯ.
นายทุนใหญ่หลงใหลได้ปลื้ม ชนชั้นกลางมีความหวังว่าทักษิโณมิกส์ 2.0 จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยกลับฟื้นสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้ง คุณทักษิณสามารถสื่อสารนโยบายที่พรรคเพื่อไทยจะทำได้อย่างมีพลัง.
รายการเดอะโพลิติกส์ โดยคุณอ็อก และคุณศิโรตม์ ได้เชิญคุณวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร ทีมงานเศรษฐกิจของพรรคประชาชน ออกรายการพูดคุยถึงวิสัยทัศน์และนโยบายทักษิโณมิกส์ 2.0 เปรียบเทียบกับนโยบายของพรรคประชาชน ซึ่งให้ความรู้ความเข้าใจที่ลึกและรอบด้าน ครอบคลุมบริบทด้านต่าง ๆ อย่างน่าสนใจ.
ท่านที่มีเวลาสักสองชั่วโมงกว่า สามารถรับฟังสุนทรพจน์ของคุณทักษิณ และบทสนทนาของคุณวีระยุทธได้โดยตรง ท่านที่ไม่มีเวลาสามารถอ่านบทสรุปเบื้องต้นได้ดังต่อไปนี้ :-
1. คุณทักษิณได้พูดถึงประโยชน์ของการแจกเงินผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ต เหมือนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว คือ กระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นคืนความคึกคัก, ทำให้ประชาชนไทยรู้จักใช้เทคโนโลยีทางการเงินสมัยใหม่อย่างทั่วถึง และสามารถนำไปสู่การทำนโยบายอื่น ๆ ทางการเงินเพิ่มเติม เช่นการออกพันธบัตรชำระเงินแบบบอนด์ เป็นต้น.
ขณะเดียวกัน คุณทักษิณได้เน้นย้ำให้ชักนำทุนใหญ่ต่างชาติมาลงทุนด้านเทคโนโลยี และส่งเสริมการท่องเที่ยว เพิ่มรายได้รวมของประเทศ เมื่อเศรษฐกิจเติบโตขยายตัวจากการลงทุนของทุนใหญ่ ผลประโยชน์ก็จะไหลลงสู่ชนชั้นล่างเอง นอกจากนี้ ดูเหมือนคุณทักษิณจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับการส่งออก ซึ่งเคยมีบทบาทสำคัญต่อการนำรายได้เข้าประเทศอย่างมีนัยสำคัญ.
ประการต่อมาคือ การใช้ทรัพยากรในประเทศให้เต็มที่ อนุญาตให้ทุนใหญ่ต่างประเทศมาสำรวจขุดเจาะใช้ประโยชน์จากแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาทับซ้อนทางทะเล แก้ได้ด้วยการหาแหล่งพลังงานใหม่ ทรัพยากรธรรมชาติใหม่ ๆ.
คุณวีระยุทธวิจารณ์ว่า ฟังผิวเผิน นโยบายที่นำเสนอดูดี เหมือนจะเปิดเป็นตลาดเสรี แต่แฝงด้วยการเกื้อหนุนทุนใหญ่ นำสู่การผูกขาด คุณทักษิณไม่ได้พูดถึงประเด็นการส่งเสริมธุรกิจและอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแข่งขันเสรี ซึ่งเป็นหลักสำคัญของตลาดเสรี.
2. กรณีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ พรรคประชาชนเห็นด้วยกับการนำธุรกิจใต้ดินมาสู่บนดิน แต่วิธีการต่างกัน พรรคประชาชนมีฐานคิดที่ต่างจากคุณทักษิณ คุณทักษิณจะเปิดให้มีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ในเมืองใหญ่ที่เจริญแล้ว และเปิดให้ธุรกิจขนาดใหญ่มาลงทุน แต่พรรคประชาชนเสนอให้ประมูลแข่งขันระหว่างทุนทุกฝ่ายอย่างเป็นธรรม ป้องกันการให้สัมปทานกับทุนผูกขาดบางกลุ่ม และไม่ได้ทำในเมืองที่เจริญแล้ว แต่ให้ทำในดินแดน หรือเมืองที่ยังพัฒนาต่ำ แห้งแล้ง ไม่อาจทำเกษตรกรรมหรืออุตสาหกรรมได้ เพื่อกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคที่ขาดโอกาสพัฒนา.
3. นโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมและการเกษตร คุณทักษิณเสนอนโยบายแบบเดียวกับที่อดีตนายกฯเศรษฐาทำ คือ เน้นการดึงทุนใหญ่ต่างประเทศมาลงทุน ด้วยการให้อภิสิทธิ์สารพัดด้าน เช่น ลงทุนด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์, ด้านแบตเตอรี่รถไฟฟ้า คุณวีระยุทธวิจารณ์ว่า คุณทักษิณไม่ได้เสนอนโยบายด้านอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ เช่นอุตสาหกรรมในประเทศที่มีอยู่จะส่งเสริมอย่างไรให้ปรับตัวสู่การผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ การผลิตแบบเก่าไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้ และต้องล้มหายตายจากไป เหมือนการผลิตชามตราไก่ของจังหวัดลำปางที่ถูกชามตราไก่จีนตีตลาดจนแตกกระเจิง เราจะช่วยเอสเอ็มอีให้อยู่รอดและพัฒนาได้อย่างไร.
ถ้ารัฐไม่ส่งเสริมอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม ธุรกิจเหล่านี้มีความเป็นไปได้ที่จะล้มละลาย ต่อไปประเทศไทยจะเป็นประเทศผู้ซื้อ เพราะซื้อสินค้าจากต่างประเทศได้ในราคาที่ถูกกว่าการผลิตในประเทศมาก เกิดปัญหาการจ้างงาน ปัญหาไทยไม่มีเทคโนโลยีของตนเอง กลายเป็นประเทศที่ผลิตสินค้าไม่เป็น ซื้อเป็นอย่างเดียว แล้วประเทศไทยจะอยู่อย่างไร ?
ด้านการเกษตร ยกตัวอย่างข้าว สิบล้านครัวเรือนเกษตรกรไทยยังปลูกข้าวด้วยวิธีดั้งเดิม พันธุ์ข้าวก็เป็นพันธุ์ที่พัฒนาต่ำ ผลิตภาพการผลิตข้าวต่อไร่ต่ำกว่าเท่าตัวเมื่อเปรียบเทียบกับผลิตภาพของชาวนาเวียดนาม จนเวียดนามผลิตข้าวได้มากแซงหน้าไทยไปแล้ว แต่คุณทักษิณไม่ได้คิดถึงนโยบายด้านนี้.
4. ข้อเสนอที่สร้างความฮือฮาอีกประการหนึ่งคือ เนกาตีฟอินคัมแทกซ์ คือการให้ทุกคนเข้าสู่ระบบการเสียภาษี หากถึงสิ้นปี ใครและ/หรือครอบครัวใด มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ต่ำสุด รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้ เช่นกำหนดว่าครัวเรือนหนึ่ง สมาชิก 4 คน ควรมีรายได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 40,000 บาท ปีละ 480,000 บาท หากครัวเรือนใดมีรายได้เพียง 20,000 บาทต่อเดือน ปีละ 240,000 บาท รัฐบาลจะต้องจ่ายเงินชดเชยให้ครัวเรือนนั้นอีก 240,000 บาท เพื่อให้มีรายได้ขั้นต่ำตามเกณฑ์ที่กำหนด ใครมีรายได้เกินก็ต้องชำระภาษีตามสัดส่วน.
ข้อเสนอนี้น่าสนใจมาก ๆ แต่จะทำได้อย่างไร ไม่ให้เกิดการรั่วไหล หรือคดโกงอย่างมโหฬาร ประเทศที่สามารถทำได้จะเป็นประเทศที่เจริญก้าวหน้า ประชาชนเข้าระบบภาษีถูกต้องทุกคน แต่ประเทศไทยยังห่างไกล เช่นถ้าผู้ประกอบการขายอาหารริมถนน หรือหาบเร่ ไม่แจ้งว่ามีรายได้หรือรายได้ต่ำ แล้วขอเงินสนับสนุนชดเชยจากรัฐบาล รัฐบาลจะตรวจสอบอย่างไรให้เป็นธรรมและทั่วถึง.
การแจกเงินที่ผ่านมา รัฐบาลหลายประเทศค้นคิดวิธีการหลากหลาย เช่นรัฐบาลฝ่ายก้าวหน้าของบราซิล แจกเงินโดยพ่วงเงื่อนไข พิจารณาจากปัญหาของประเทศ เช่น บราซิลมีปัญหาเรื่องเด็กอ่อนที่พ่อแม่ไม่พาไปฉีดวัคซีน และพ่อแม่ไม่นำเด็กเข้าโรงเรียน เพราะต้องการใช้แรงงานเด็ก รัฐบาลบราซิลกำหนดแจกเงินให้ประชาชนชั้นล่าง ด้วยเงื่อนไขคือแจกผ่านคุณแม่ของครอบครัว และครอบครัวต้องพาเด็กอ่อนไปฉีดวัคซีนครบถ้วน และเด็กที่ครบกำหนดวัยเรียน ต้องได้เข้าโรงเรียน ครอบครัวได้เงินสนับสนุน และรัฐบาลได้แก้ปัญหาจุดอ่อนของสุขอนามัยและการศึกษาของเด็ก เป็นต้น.
5. เวลาที่จำกัด ทำให้คุณทักษิณไม่ได้พูดถึงนโยบายสิ่งแวดล้อม การผลิตสะอาด การผลิตพลังงานซ้ำ และการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งในอนาคตจะเป็นเงื่อนไขสำคัญของการส่งออกสินค้าไปยังประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลก ถ้าไม่ดำเนินโครงการรูปธรรมตั้งแต่เวลานี้ ต่อไปสินค้าไทยจะถูกกีดกันจากตลาดการค้าโลก.
สรุปคือสุนทรพจน์คุณทักษิณให้ความสำคัญกับทุนใหญ่ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ส่งเสริมทุนใหญ่ แล้วคาดหวังว่าประโยชน์ที่ทุนใหญ่ได้รับจะไหลต่ำลงสู่ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ได้แตะต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิตทั้งอุตสาหกรรม, เกษตรกรรม, เทคโนโลยี รวมทั้งภาคบริการ.
ขอขอบคุณรายการสนทนาของเดอะโพลิติคส์ที่เปิดโลกทัศน์ แง่มุมความคิด ต่อการฟื้นเศรษฐกิจของประเทศไทย ขอบคุณคุณทักษิณและคุณวีระยุทธที่มากระตุ้นปัญญาความคิดของคนไทยให้รู้จักคิดและตั้งคำถาม ทั้งด้านลึกและด้านกว้าง.
สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก