ทรัมป์มาเพื่อเขย่าโลก
โดย..คนข้างทาง

 


ทรัมป์ สาบานตัวเข้ารับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของอเมริกาในวันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2025 เวลาเที่ยงตรง และเป็นคนที่ 2 ที่ได้รับการเลือกตั้งซ้ำอย่างไม่ต่อเนื่องกัน พิธีสาบานตนจะจัดขึ้นที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยมีคณะกรรมการรัฐสภาร่วมสำหรับพิธีสาบานตนเป็นผู้รับผิดชอบวางแผนและดำเนินการจัดพิธีครั้งที่ 60
ทั่วโลกกำลังจับตามองว่าโดนัลด์ ทรัมป์ จะนำพาพายุลูกใดมาสู่โลกหลังจากเข้าพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกา
ในระหว่าง การหาเสียง ทรัมป์ ประกาศว่า สงครามอิสราเอลฮามาสต้องยุติก่อนวันที่เขาเข้ารับตำแหน่ง มิฉะนั้น เขาจะส่งนรกไปให้ ซึ่งเขาทำได้จริง โดยทรัมป์บีบให้อิสราเอลต้องลงนามสัญญาหยุดยิงและแลกเปลี่ยนตัวนักโทษสำเร็จในวันที่ 19 มกราคมก่อนเขาเข้าสาบานตัว 1 วัน
เขาให้คำมั่นว่าจะยุติสงครามในยูเครนหลังจากเขาเข้ารับตำแหน่ง
นอกจากนี้ เขายังให้คำมั่นหลายประการ เช่น ยกเลิกนโยบายช่วยค่ารักษาพยาบาลคนจนที่เรียกว่า โอบามาแคร์และเริ่มการเนรเทศผู้ที่อยู่อย่างไม่มีวีซ่าเข้าเมืองอย่างถูกต้อง หรืออยู่เกินกำหนด
ทรัมป์ให้คำมั่นถึงการเอาคืน “ความยิ่งใหญ่ของอเมริกา” กลับมาหากเขาได้รับเลือกเข้ามาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง
เขาประกาศจะเข้ายึดครองคลองปานามา และ เกาะกรีนแลนด์
ในระหว่างการหาเสียง ทรัมป์เน้นย้ำจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อจีน โดยมองว่าจีนเป็นคู่ปรับหลักของอเมริกา เขากล่าวหาปักกิ่งในเรื่อง “การค้าที่ไม่เป็นธรรม” “การขโมยทรัพย์สินทางปัญญา” และการขาดความรับผิดชอบเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 ทรัมป์ยังได้พูดถึงแผนที่จะ “นำงานกลับสู่สหรัฐฯ” และลดการพึ่งพาทางเศรษฐกิจจากจีน โดยมุ่งเสริมสร้างการผลิตและการผลิตในประเทศ
ทั่วโลกจึงเฝ้าจับตามองถึง “สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง” เมื่อทรัมป์เริ่มดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยที่สอง นี้
ในวันแถลงเข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์ประกาศจุดยืนซ้ำในประเด็นและนโยบายที่เขาให้สัญญาว่าจะทำเมื่อเข้ารับตำแหน่งว่า “อเมริกาต้องกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง”
“ผลประโยชน์ของอเมริกาต้องมาก่อน” (America First)
“ยุคทองของอเมริกาเริ่มต้นแล้วในวันนี้”
“อเมริกาจะไม่เสื่อมลงกว่านี้อีกต่อไป”
เขาประกาศเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา จะเข้ายึดคลองปานามา และเกาะกรีนแลนด์
ประกาศเข้ายึดครองปักธงอเมริกาบนดาวอังคาร
พัฒนาอาวุธให้ทันสมัยที่สุดในโลก เพื่อยุติสงครามโดยไม่ต้องทำสงคราม(ถล่มก่อน)
เขาประกาศ ไม่ยอมรับเพศที่สาม โดยในพาสปอรต์ และบัตรประชาชนของอเมริกาจะมีเพียง 2 เพศ คือ ชาย และหญิง ตามเพศของวันที่คลอดออกมา เท่านั้น
จะประกาศยกเลิกนโยบายส่งเสริมความหลากหลายทางเพศและชาติพันธุ์ อย่างเท่าเทียมกัน
เขาจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเมกซิโก ร้อยละ 20-60
เตือน กลุ่มประเทศสหภาพยุโรปให้ต้องเพิ่มงบประมาณทางทหารเป็นร้อยละ 5 ของจีดีพี อเมริกาจะไม่แบกรับค่าใช้จ่ายทางทหารอย่างเดิม
ในวันแรกที่เขาเข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์ได้ลงนาม “คำสั่งของผู้บริหาร” 28 คำสั่งจากจำนวน 100 ที่เขาได้แถลงไว้ทันที เพื่อให้ทุกหน่วยงานของรัฐนำไปปฏิบัติเพื่อให้บรรลุตามสัญญาที่เขาได้หาเสียงไว้และที่แถลงในวันรับตำแหน่ง
“คำสั่งของผู้บริหาร” คือ คำสั่งหรือนโยบายที่มีผลผูกพันตามกฎหมายที่หน่วยงานของรัฐบาลทั้งประเทศต้องนำไปปฏิบัติ โดยคำสั่งนี้ไม่ต้องผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภา
“คำสั่งของผู้บริหาร” กำหนดอยู่ในมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญของอเมริกาที่ให้อำนาจประธานาธิบดีคนปัจจุบันมีอำนาจประกาศใช้เพื่อยกเลิก “คำสั่งของผู้บริหาร” ของประธานาธิบดีคนก่อนๆได้ทั้งหมด โดยรัฐสภายับยั้งหรือเพิกถอนไม่ได้
แต่ระบบถ่วงดุลของอเมริกาก็ให้อำนาจรัฐสภาตัดงบประมาณในการปฏิบัติเพื่อดำเนินการตามคำสั่งนี้ หรือเพื่อชะลอการทำตามคำสั่งนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งปี 2024 ที่ผ่านมานี้ พรรครีพับลิกันของทรัมป์ได้เสียงข้างมากทั้ง 2 สภา ดังนั้นการดำเนินการตาม “คำสั่งของผู้บริหาร” ของทรัมป์จึงไม่น่าจะติดขัดแต่อย่างใด
คำสั่งที่ทรัมป์ลงนามในวันแรกครอบคลุมนโยบายสำคัญๆทั้งภายในและภายนอกประเทศ ที่สำคัญๆ เช่น การถอนตัวออกจากองค์กร อนามัยโลก (WHO ) และข้อตกลงปารีส ด้านร่วมกันปกป้องภาวะโลกร้อน (Climate Change)
เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา
ยกเลิกนโยบายส่งเสริมความหลากหลายทางเพศและชาติพันธุ์ อย่างเท่าเทียมกัน
ประชาชนของอเมริกาจะมีเพียง 2 เพศ คือ ชาย และหญิง ตามเพศของวันที่คลอดออกมา เท่านั้น
ระงับงบประมาณช่วยเหลือต่างประเทศ(งบสนับสนุนสงคราม) เป็นเวลา 90 วันเพื่อทบทวน
ยืดเวลาการห้ามใช้แอป TIK Tok ออกไป 75 วัน
ตั้งกระทรวงใหม่ ชื่อกระทรวงประสิทธิภาพแห่งรัฐ เพื่อปรับปรุงระบบงานของรัฐทั้งหมดให้ทันสมัย
สั่งทหารเข้าควบคุมพรมแดนเพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมือง
นิรโทษกรรมคดีบุกทำเนียบขาว
ยกเลิกกฎหมายควบคุมการขุดเจาะพลังงาน
ยกเลิกกฎหมายบังคับเส้นตายของปีที่ต้องใช้รถไฟฟ้า ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม นโยบายการลดความช่วยเหลือทางทหารต่อสหภาพยุโรป และการขึ้นภาษีนำเข้า จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปอย่างรุนแรง และย่อมส่งผลเป็นลูกโซ่ไปทั้งโลก
ในด้านจีนซึ่งเป็นเป้าหมายหลักที่ทรัมป์ มองว่าเป็นคู่แข่ง ก็จะถูกกระทบไม่น้อยเมื่อเจอภาวะการใช้กำแพงภาษีของทรัมป์มาเป็นอาวุธ
หากการส่งออกลดลง ย่อมกระทบกับการจ้างงานภายในประเทศ และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
การเข้ายึดคลองปานามามีจุดประสงค์เพื่อสะกัดอิทธิพลของจีนที่ขยายตัวทางการค้าผ่านคลองนี้สู่ตลาดกลุ่มประเทศอเมริกาใต้ ก็จะขยายการเผชิญหน้าระหว่างจีนกับอเมริกาในอนาคต
ส่วน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางสำคัญของห่วงโซ่อุปทานโลกและผู้เล่นหลักในเวทีการค้าระหว่างประเทศ กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่จากการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในยุคทรัมป์ เช่นเดียวกัน
โจทย์ในขณะนี้ คือ โลกทั้งโลกจะตั้งรับกับการส่งออก“พายุมหาภัย”ของทรัมป์กันอย่างไร

 


Trump signs executive order

 

US President Donald Trump signs executive orders during the inaugural parade inside Capital One Arena, in Washington, DC, on January 20, 2025. [Angela Weiss/AFP]

 

 

สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก