รายงานการประชุมกลุ่มบริคส์ : ทางเลือกใหม่ของประเทศกำลังพัฒนา

โดย “รุ่งอรุณ”

การประชุมประจำปีของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ที่ใช้ชื่อว่า “กลุ่มบริคส์” ณ กรุงคาซาน รัสเซีย เมื่อวันที่ 22 – 24 ตุลาคม ศกนี้ ได้มีข้อเสนอที่น่าตื่นตะลึง โดยเฉพาะต่อมหาอำนาจโลกเก่าอย่างสหรัฐอเมริกา และประเทศพันธมิตรในยุโรป.

ประเทศกลุ่มบริคส์ตั้งขึ้นมา เพื่อท้าทายระเบียบโลกเก่า ซึ่งครอบงำการค้า, การเงิน, การคลัง รวมถึงเศรษฐกิจโลกทุกด้าน ตลอดจนมีอำนาจเหนือสถาบันทางการเมืองระหว่างประเทศ อย่างองค์การสหประชาติ และเครือข่าย เป็นต้น.
เริ่มต้นจากการรวมตัวของ 4 ประเทศ อันประกอบด้วยบราซิล, รัสเซีย, อินเดีย และจีนในปี ค.ศ. 2009 ปีต่อมาจึงขยายเพิ่มอีกหนึ่งประเทศคืออัฟริกาใต้ จุดมุ่งหมายของการก่อตั้งชัดเจนคือการเสนอทางเลือกใหม่แก่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ที่ต้องการสร้างระเบียบโลกใหม่ทั้งทางเศรษฐกิจ, การเมือง, สังคม และวัฒนธรรม สรุปสั้น ๆ คือเป็นกบฏต่อโลกเก่า.
กลุ่มประเทศบริคส์มีศักยภาพเพียงพอที่จะกบฏกับมหาอำนาจที่ควบคุมระเบียบโลกเก่าเพียงใด
แน่นอน กลุ่มประเทศบริคส์ประกอบด้วยประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรโลก ร่ำรวยทรัพยากรธรรมชาติ ตั้งแต่น้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ, ถ่านหิน, แร่หายาก ฯ เป็นแหล่งผลิตธัญญาหารราว 40 % ของโลก มีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ราว 35 - 40 % ของโลก และมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 3.8 % ในปี 2024 – 2025 ขณะที่ตัวเลขเฉลี่ยของโลกอยู่ที่ 3.2 – 3.3 %”
ทั้ง 5 ประเทศเริ่มแรกของบริคส์ มีศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจระดับสูง ทั้งมีอิทธิพลและบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจ, การเมือง และวัฒนธรรมในภูมิภาคและในสากล ทั้งหมดรวมตัวกันโดยเน้นความเสมอภาค เที่ยงธรรม โปร่งใส สนับสนุนช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน ถือเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์.
ปีที่ผ่านมา ได้ขยายสมาชิกเพิ่มอีก 5 ประเทศ ประกอบด้วยอียิปต์, เอธิโอเปีย, อิหร่าน, สหรัฐอาหรับอิมิเรต และซาอุดิอาระเบีย.
การประชุมกรุงคาซาน มีประเทศสมาชิก และประเทศที่สนใจสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกถึง 20 กว่าประเทศ เงื่อนไขของการรับสมัครเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มบริคส์ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ไม่ใช้มาตรฐานเรียกร้องด้านการเมืองการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยแบบตะวันตก, มาตรการรักษาสภาพแวดล้อมโลกสีเขียว, การปล่อยคาร์บอน ฯลฯ มากีดกันจำกัดการเข้าเป็นสมาชิก.
ที่สำคัญคือที่ประชุมได้ออกแถลงการณ์ร่วม เสนอข้อเรียกร้องที่สะท้านสะเทือนระเบียบโลกเก่า ประกอบด้วย
1. จัดระเบียบการค้าโลกใหม่ การค้าระหว่างประเทศไม่จำเป็นต้องใช้เงินสกุลดอลลาร์ และเงินยูโรของยุโรปตะวันตก ผ่านระบบการชำระเงินสากลที่เรียกว่าระบบสวิฟท์ การค้าระหว่างประเทศสามารถใช้เงินตราของคู่ค้าในการชำระเงินต่อกัน ต่อไปอาจนำไปสู่การสร้างระบบการชำระเงินระหว่างประเทศใหม่แทนระบบสวิฟท์.
2. ปฏิรูปองค์การสหประชาชาติอย่างทั่วด้าน โดยเฉพาะสภาความมั่นคง ให้มีประชาธิปไตยมากขึ้น ขยายสมาชิกใหม่ในสภาความมั่นคง ประกอบด้วยตัวแทนจากประเทศกำลังพัฒนาและด้อยพัฒนา ให้มีสิทธิมีเสียง เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก เป็นปากเสียงของประเทศด้อยโอกาส.
ส่งเสริมองค์การสหประชาชาติให้มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการนวัตกรรมโลกสมัยใหม่ เช่นเอไอให้เป็นประโยชน์กับคนทั้งโลก ร่วมกันวางข้อกำหนดการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ มีมาตรฐานทางจริยธรรม ป้องกันการใช้อย่างผิดกฎหมาย และเข้าถึงได้สำหรับทุกประเทศ.
3. ริเริ่มโครงการแลกเปลี่ยนธัญญาหารระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร ป้องกันการขึ้นราคาสินค้าเกษตรอย่างสูง และ/หรือการงดการขายธัญญาหารเพื่อหวังบีบคั้นทางการเมือง.
4. เน้นความจำเป็นที่จะป้องกันการแข่งขันด้านอาวุธในอวกาศ มีข้อกำหนดเป็นหลักประกันความมั่นคงปลอดภัยในอวกาศ ทุกประเทศมีสิทธิเสมอภาคในการใช้อวกาศเพื่อประโยชน์มนุษยชาติ.
5. สนับสนุนการจัดตั้งองค์กรการลงทุนของกลุ่มบริคส์ โดยอาศัยโครงสร้างของ “ธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่” ของกลุ่มที่ตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2015 แต่ยังมีบทบาทเกื้อหนุนประเทศกำลังพัฒนา และด้อยพัฒนาได้น้อย เงินทุนยังจำกัด ไม่อาจแข่งขันกับธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ของอเมริกา และยุโรป.
6. คัดค้านการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจตามอำเภอใจฝ่ายเดียวอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ, พลังงาน, ความมั่นคงทางอาหาร เพิ่มทวีภาวะความยากจนข้นแค้นของประเทศล้าหลังทางการพัฒนา.
7. ข้อเสนอริเริ่มทางเศรษฐกิจหลากหลายประการ ปฏิรูปโครงสร้างทางการเงินของโลกปัจจุบันเพื่อสามารถสนองความท้าทายทางการเงินใหม่ ๆ ของโลก บนพื้นฐานที่เป็นธรรม และส่งผลดีต่อทุกประเทศ พัฒนาความร่วมมือที่มีคุณภาพระดับสูงในกลุ่มประเทศสมาชิก ส่งเสริมการเชื่อมต่อโครงสร้างทางการเงินระหว่างประเทศ เป็นต้น.
8. ส่งเสริมโลกพหุภาคีที่ทุกประเทศมีสิทธิมีเสียงเสมอภาคเท่าเทียมกัน เศรษฐกิจการเมืองของโลกต้องไม่ถูกครอบงำโดยมหาอำนาจบางประเทศ ทุกประเทศได้รับประโยชน์จากโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ พัฒนาโลกอย่างยั่งยืน.
9. ที่ประชุมแสดงความกังวลต่อความรุนแรงและความขัดแย้งด้วยกำลังอาวุธที่เพิ่มสูงขึ้นในส่วนต่าง ๆ ของโลก เสนอให้แก้ไขข้อขัดแย้งด้วยการพูดคุยเจรจาตามวิถีทางการทูต.
ต่อปัญหาความรุนแรงในฉนวนกาซ่า ที่ประชุมเรียกร้องการหยุดยิงทันที ยุติความเป็นปฏิปักษ์ กลุ่มฮามาสปลดปล่อยตัวประกันเป็นอิสระ และอิสราเอลยุติปฏิบัติการทางทหาร ถอนกองทัพจากฉนวนกาซ่า รับรองการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ที่มีอธิปไตย และเป็นอิสระ โดยมีเขตแดนตามที่ทั่วโลกยอมรับในปี 1967 ทั้งสนับสนุนให้ปาเลสไตน์เป็นสมาชิกถาวรขององค์การสหประชาชาติ.
10. ต่อปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน กลุ่มบริคส์วางตัวเป็นกลาง ที่ประชุมรับทราบข้อเสนอต่าง ๆ ที่มุ่งนำสู่ข้อยุติความขัดแย้งผ่านกระบวนการเจรจาทางการทูต แถลงการณ์ไม่ผูกมัดการสนับสนุนฝ่ายใด เน้นให้ทุกประเทศปฏิบัติตามเป้าประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ เสนอแก้ไขกรณีพิพาทด้วยสันติวิธี เคารพข้อคำนึงถึงความมั่นคงของทุกประเทศ.
11. ที่ประชุมประณามการก่อการร้ายทุกรูปแบบ และเรียกร้องให้จัดประชุมเรื่องการก่อการร้ายสากลอย่างทั่วด้าน.
คำแถลงการณ์ครอบคลุมบริบทหลากหลายด้วยการริเริ่ม และโครงการสวยหรูเป็นประโยชน์
กับประเทศกำลังพัฒนาและด้อยพัฒนา ในด้านการได้รับความเสมอภาค เป็นธรรม มีสิทธิมีเสียง ร่วมเสพประโยชน์จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี รวมทั้งมีสันติภาพ ความสุขสงบ ความกินดีอยู่ดี ฯลฯ.
น่าเสียดายที่แถลงการณ์ไม่ได้กำหนดระยะเวลาดำเนินการของข้อเสนอต่าง ๆ ไม่มีการจัดลำดับการปฏิบัติการก่อนหลัง ขาดแผนปฏิบัติการรูปธรรม ไม่มีเจ้าภาพ ไม่มีกองเลขาธิการถาวรช่วยผลักดันขับเคลื่อนแผนการตามข้อเสนออันมีประโยชน์ยิ่งต่าง ๆ.
สุดท้าย ที่ประชุมได้รับรองสมาชิกเข้าใหม่อีก 13 ประเทศ รวมทั้ง 4 ประเทศในกลุ่มอาเซี่ยนคืออินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ไทย และเวียดนาม.
การรับสมาชิกใหม่ด้วยเงื่อนไขที่เรียบง่าย อาจจะมีผลต่อความเป็นเอกภาพ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และความร่วมมือสนับสนุนอย่างแข็งแกร่ง ตลอดจนบทบาทความเอาการเอางานของสมาชิกใหม่ ๆ.
อย่างไรก็ดี คาดหวังว่าไทยจะได้ประโยชน์ทางการค้า การลงทุน การเงิน และเศรษฐกิจโดยรวมจากการเข้าร่วมกลุ่มบริคส์อย่างเป็นรูปธรรม ตามเป้าหมายหลักของกลุ่มบริคส์ที่เน้นส่งเสริมความกินดีอยู่ดีของประชาชนทั่วโลก.

 

สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก