เลือกตั้งสหรัฐ.....เหยี่ยวทรั๊มป์คืนรัง
โดย “คนข้างทาง”

เสียงของประชาชนคือเสียงสวรรค์ นี่คือหลักการและตัวชี้วัดของระบอบประชาธิปไตย
ไม่ว่าผลที่ออกมานี้เราจะชอบใจ หรือถูกใจ หรือไม่ก็ตาม
ผู้ใดหรือพรรคใดได้รับคะแนนเสียงการเลือกตั้งจากประชาชนมากที่สุดแม้เพียงคะแนนเดียวก็ได้เป็นผู้นำหรือผู้จัดตั้งรัฐบาล ต่างจากระบอบประชาธิปไตยแต่เปลือกของประเทศไทย
ระบอบการเมืองของอเมริกาแม้ว่าจะมี 2 พรรคใหญ่ คือพรรคเดโมแครต และพรรครีพับลิกัน แต่ทั้ง 2 พรรคล้วนมีนโยบายพื้นฐานเหมือนกัน เสมือนมีพรรคเดียว คือพรรคฝ่ายขวา และพรรคฝ่ายขวาจัด (ตามนิยามทางรัฐศาสตร์) คืออนุรักษ์นิยมอ่อน กับอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง
นโยบายการหาเสียงและการดำเนินนโยบายที่ผ่านมาของพรรคเดโมแครตที่ส่งตัวนาง กมลา แฮริส ลงชิงตำแหน่งแข่งกับนายโดนัลด์ ทรั๊มป์ แห่งพรรครีพับลิกัน สะท้อนและยืนยันคำนิยามของนโยบายของ 2 พรรคข้างต้น
ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯประจำปี 2024 เบื้องต้นที่ออกมาแล้วในเช้าวันที่ 6 พฤศจิกายน ซึ่งยืนยันและไม่เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์แล้วเพราะเป็นชัยชนะที่เด็ดขาด คือ ได้คะแนนเสียงในระบบใครชนะในแต่ละรัฐได้เสียงตัวแทนเลือกประธานาธิบดีทั้งหมดของรัฐนั้น ซึ่งชี้ขาดที่ 270 เสียง
ทรั๊มป์ได้คะแนนไปแล้ว 279 เสียงของผู้ตัวแทนเลือกที่คิดจากคะแนน 72 ล้านเสียงของป๊อบปูล่าโหวต แฮริสได้ 224 เสียงจาก 66 ล้านป๊อบปูล่าโหวต แม้ว่าจะยังนับคะแนนไม่ครบทั้งหมด แต่ผลไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว
ชัยชนะของทรั๊มป์เป็นชัยชนะของพญาเหยี่ยว เขากลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 และมีอายุสูงสุดคือ 78 ปี
สาเหตุที่ทรั๊มป์ได้รับชัยชนะ มีหลายเหตุปัจจัย แต่ที่แน่นอนคือ จุดอ่อนของพรรคเดโมแครต ที่มีนโยบายหรู พูดดี พูดเอาใจคน แต่ลงมือปฏิบัติช้า หรือทำตรงกันข้าม คือพูดอย่างทำอย่าง ทำนองตระบัตสัตย์ เช่น นโยบายสวัสดิการบางด้าน นโยบายพลังงานสะอาด นโยบายสนับสนุนอิสราเอลอย่างสุดจิตสุดใจ โดยส่งทั้งอาวุธและงบประมาณให้อิสราเอลอย่างไม่จำกัด รวมทั้งการส่งทหารไปร่วมรบด้วย ทำให้แม้แต่เมืองที่มีชาวอาหรับเป็นชุมชนใหญ่ก็ยังไม่เลือกแฮริส เพราะแถลงว่าต้องการให้สงครามในกาซ่าสงบ ต้องการให้ยอมรับสถานะปาเลสไตน์เป็นประเทศ แต่ทำตรงกันข้าม ส่วนเศรษฐกิจภายในประเทศก็แก้ปัญหาค่าครองชีพแพงไม่ได้ มาตรการลดภาวะเงินเฟ้อเชื่องช้า
พรรคเดโมแครตทอดทิ้งฐานเสียงของตนเอง โดยไม่ได้ปกป้องหรือมีนโยบายที่สนองความต้องการของกลุ่มคนเหล่านี้ มีแต่หยอดคำหวานให้คนเหล่านี้ คือ คนผิวดำ สหภาพแรงงาน (Teamster Union) ชาวอเมริกาใต้ หรือลาติโนอเมริกัน
รัฐบาลไบเดนคุกคามการใช้สิทธิเสรีภาพ ปราบปรามการชุมนุมประท้วงด้วยการใช้ความรุนแรงต่อชนชั้นกลาง และปัญญาชนที่ประท้วงอิสราเอลในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยชั้นนำต่าง ๆ ทั่วประเทศ เช่นที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เมืองนิวยอร์ก และอีกหลายแห่ง มีอาจารย์มหาวิทยาลัยหลายคนถูกจับและถูกทำร้าย
พรรคเดโมแครตเคยได้ชื่อว่าเป็นพรรคที่มีจุดยืนด้านสิทธิพลเมือง Civil Rights มายาวนานได้กลืนน้ำลายตนเอง
ผู้ลงคะแนนเสียงจำนวนมากถือว่าพรรคเดโมแครตทรยศต่อตน จึงเลือกที่จะเลือกใครก็ได้
ในขณะที่ทรั๊มป์ แม้ว่าจะมีคดีฉกรรจ์ติดตัวจำนวนมากที่ฟ้องร้องกันอยู่ในศาล แต่กลับได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนที่อยู่ในวงแหวนในของประเทศทั้งประเทศ ตามภาพผลการเลือกตั้งที่มีสีแดง
ทรั๊มป์ได้ชื่อว่าเป็นคนพูดจริง ทำจริง (ผิดหรือถูกเป็นอีกเรื่องหนึ่ง) เขาเห็นว่าชาวอพยพมาแย่งงานคนอเมริกัน เขาก็ลงมือสร้างกำแพงยาวปิดกั้น ตัดงบสนับสนุนยูเอ็น ตัดงบสนับสนุนนาโต ให้กลุ่มประเทศสมาชิกควักกระเป๋า หรือลงขันเพิ่ม เป็นต้น
ทรั๊มป์หาเสียงด้วยการปลุกระดมการเหยียดผิว การคลั่งชาติ American first และ America will be great again หรือเขาจะทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ด้วยนโยบายต่อต้านจีนซึ่งเป็นคู่แข่ง
เขาโยนความผิดทั้งปัญหาเศรษฐกิจ และอาชญากรรม ให้คนต่างชาติที่อพยพเข้ามาอยู่ในอเมริกาอย่างผิดกฎหมายคนเข้าเมือง โดยประกาศว่าจะขับไล่ออกไปทั้งหมด ด้วยสาเหตุมาแย่งงานคนอเมริกันทำ จะสร้างกำแพงยาวกั้นพรมแดนอเมริกากับเม็กซิโก
ประกาศว่าจะลดภาษีคนรวยและภาคธุรกิจ จากร้อยละ 28 ลงเหลือร้อยละ 21 จะกีดกันสินค้าจากจีน และเก็บภาษีนำเข้าจากจีนร้อยละ 60
เขาประกาศจะขุดน้ำมันใต้ดินด้วยวิธีการสกัดมาส่งออกขายเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
พรรครีพับลิกันได้รับชัยชนะทั้ง 2 สภาในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย โดย ได้ในสภาซีเนตได้ตัวแทน 52 คนจาก 100 คน และสภาล่างคองเกรส 197 คนจากจำนวน 374 คน
ส่วนพรรคเดโมแครตได้วุฒิสมาชิก 42 คน และสภาล่าง 177 คน
พรรครีพับลิกันยังควบคุมเสียงข้างมากของคณะตุลาการศาลสูงสุด (Supreme Court) อีกด้วย


ดังนั้น ระบบการถ่วงดุลของระบอบประชาธิปไตยจะหายไปอย่างสิ้นเชิงในยุคทรั๊มป์นี้


ทรั๊มป์จึงกลายเป็น จักรพรรดิทรั๊มป์ ไปโดยปริยาย เพราะมีอำนาจเบ็ดเสร็จ


การมีอำนาจเบ็ดเสร็จเป็นดาบ 2 คม ซึ่งสามารถแก้ปัญหา หรือสร้างปัญหา ได้เท่า ๆ กัน


เช่นเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชนต้องถูกกระทบแน่นอน ซึ่งทรั๊มป์ประกาศว่า จะนำกองทัพหรือกำลังทางทหารมารักษาดูแลความเรียบร้อย และความสงบของสังคม แทนที่จะปล่อยให้เป็นอำนาจของแต่ละมลรัฐ หรือผู้ว่าการรัฐเป็นผู้รับผิดชอบและมีอำนาจสูงสุด เป็นผู้ดูแล รวมทั้งเรื่องสิทธิการทำแท้งและการผลิตเด็กในหลอดแก้วของผู้เป็นหมัน เป็นต้น.

 

สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก