บทวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศ :   แร้งทึ้งซีเรีย

โดย นายก้าน แซ่ติง


หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป หลังระบอบการปกครองของอดีตประธานาธิบดีซีเรีย นายอัล อัสซาดล่มสลายเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ศกนี้.
เหตุการณ์ช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลสับสนวุ่นวาย เกิดการปล้นสะดมแย่งชิงทั่วเมืองใหญ่ อย่างเมืองดามัสกัสที่เป็นเมืองหลวง ตลอดจนเมืองอเลปโปเมืองใหญ่อันดับสอง เมืองฮามา และฮอมส์.
รัฐบาลเฉพาะกาลของนายกรัฐมนตรีโมฮัมเหม็ด อัลบาเชียร์ (Mohammed al-Bashir) พยายามฟื้นความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง บังคับใช้กฎหมาย ฟื้นระบบราชการกลไกอำนาจรัฐให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ รักษาความสงบ ฯลฯ.
เหตุการณ์ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
1. ประเทศมหาอำนาจ และประเทศใหญ่รอบดินแดนซีเรีย ถือโอกาสรุกคืบทั้งโดยการรุกราน หรือผ่านกลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่หนุนหลังอยู่ เพื่อแบ่งปัน (แย่งชิง) ผลประโยชน์ และด้วยข้ออ้างเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศตนเอง.
1. อิสราเอล ฉวยโอกาสส่งกำลังทหารพร้อมอาวุธหนักครบครัน บุกรุกเข้าไปในเขตกันชนและเขตปลอดทหารบนที่ราบสูงโกลัน ประมาณมากกว่า 14 กิโลเมตร ยึดครองยอดสูงสุดบนที่ราบสูงโกลันคือเมาท์เฮอมอน (Hermon) ซึ่งห่างจากกรุงดามัสกัส เพียง 40 กิโลเมตร ยึดครองเขตชนบทและชานกรุงดามัสกัส.
แล้วยังได้ส่งเครื่องบินพร้อมขีปนาวุธมากกว่า 350 เที่ยว โจมตีที่มั่นทางทหาร, คลังอาวุธยุทโธปกรณ์, สนามบิน, ฐานทัพ และศูนย์ศึกษาและวิจัยทางวิทยาศาสตร์กด้วยข้ออ้างว่าต้องการทำลายอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารของซีเรีย ไม่ให้ตกไปในมือของกลุ่มกองกำลังหัวรุนแรง ข่าวจากอิสราเอลแจ้งว่าสามารถทำลายเป้าหมายข้างต้นได้รวม 80 %.
เลขาธิการสหประชาชาติ นายอันโตนีโอ กูเตียเรซ (Antonio Guterres) ได้ออกมาแถลงแสดงความกังวลต่อปัญหาอธิปไตย และบูรณะภาพเหนือดินแดนของซีเรีย เขาได้ประณานอิสราเอล ที่ละเมิดข้อตกลงปี 1974 ที่สหประชาชาติกำหนดให้มีเขตกันชน และเขตปลอดทหารบนที่ราบสูงโกลัน แต่อิสราเอลไม่เคารพข้อตกลงนี้ อ้างว่าคู่สัญญาคืออดีตประธานาธิบดีอัล อัสซาดล่มสลายไปแล้ว ข้อตกลงจึงไม่มีผลผูกพันอีกต่อไป.
อิสราเอลยึดครองที่ราบสูงโกลันบางส่วนในปี 1967 หลังสงครามใหญ่ในตะวันออกกลาง และประกาศผนวกดินแดนที่ราบสูงโกลันที่ยึดครองให้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนอิสราเอลในปี 1981 โดยมีสหรัฐอเมริกาให้การรับรอง แต่นานาชาติไม่ยอมรับ.
อิสราเอลอ้างเหตุผลเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ไม่อนุญาตให้กองกำลังติดอาวุธใด ๆ มาตั้งฐานประชิดติดพรมแดน จึงได้บุกรุกล้ำซีเรียและยึดครองดินแดนเพิ่มเติม.
2. สหรัฐอเมริกาได้แสดงบทบาทสนับสนุนอิสราเอลเต็มกำลัง
สหรัฐฯเป็นมหาอำนาจที่มีฐานทัพประจำในเมืองอัลทันฟ์ เขตรอยต่อของประเทศจอร์แดน, ซีเรีย และอิรัค เพื่อควบคุมพื้นที่ และส่งกำลังสนับสนุนอิสราเอล.
สหรัฐฯ ยังสนับสนุนกองกำลังติดอาวุธของชาวเคิร์ด ชื่อกองกำลังประชาธิปไตยเคิร์ดิซซีเรีย (Kurdish Syrian Democratic Forces – SDF) ซึ่งยึดครองพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือราว 1 ใน 3 ของซีเรีย แต่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย ทั้งนี้เพื่อใช้กองกำลัง SDF ต่อต้านกองกำลังกลุ่ม IS (Islamic States) ที่ยึดครองพื้นที่ในทะเลทรายแถบนี้เช่นกัน.
สหรัฐอเมริกาได้เข้าร่วมประชุมกับกลุ่มประเทศอาหรับ และชาติตะวันตกในจอร์แดนเพื่อแสวงหาทางออกที่สมประโยชน์ของทุกฝ่ายในการจัดตั้งรัฐบาลเปลี่ยนผ่านของซีเรีย ทั้งยังได้รักษาผลประโยชน์แทนอิสราเอลที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุม.
3. ตุรกีเป็นประเทศใหญ่ติดด้านทิศเหนือของซีเรีย ตุรกีสนับสนุนกองกำลังติดอาวุธที่ชื่อว่ากองทัพแห่งชาติซีเรีย (Syria National Army) และยังอยู่เบื้องหลังกลุ่มฮายัต ทาเรียร์ อัลชาม (Hayat Tahrir al-Sham – HTS) ภายใต้การนำของนายอาบู โมฮัมเหม็ด อัล-จอลานี (Abu Mohammad al-Julani) ปกครองเมืองอิดิป (Idlib) ทางตะวันตกเฉียงเหนือ เฮซทีเอส เป็นกองกำลังที่บุกโจมตีกองทัพซีเรียแตกพ่ายตั้งแต่เมืองอเลปโป, ฮามา, ฮอมส์ จนยึดกรุงดามัสกัสได้เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ศกนี้.
ผลประโยชน์ของตุรกีคือการทำลายล้างกลุ่มกบฎติดอาวุธเคิร์ด ที่ต้องการจะสร้างรัฐอิสระในดินแดนตุรกี และมีฐานที่มั่นทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย ตลอดจนหมายตาขยายดินแดนที่ติดซีเรีย รวมไปถึงเมืองอเลปโปที่มั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ.
4. อิหร่าน เป็นประเทศที่ส่งกำลังทหารจากกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ไปช่วยกองทัพซีเรียสู้รบกับกลุ่มกบฎกำลังติดอาวุธต่าง ๆ ร่วมมือกับรัสเซียส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดฐานที่มั่นกลุ่มกบฎตั้งแต่ปี 2515 เพื่อพิทักษ์รัฐบาลอัล-อัสซาดให้อยู่ในอำนาจจนถึงปัจจุบัน และมีทหารจากกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ในเลบานอนร่วมสู้รบ.
อิหร่านได้อาศัยดินแดนซีเรียเป็นทางผ่านในการลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ไปช่วยฮิซบอลเลาะห์รบกับอิสราเอล จึงได้ช่วยรัฐบาลอัล-อัสซาดอย่างเต็มที่.
แต่เนื่องจากกองทัพซีเรียขาดขวัญกำลังใจสู้รบ มีปัญหาการคอรัปชั่นสูง ประกอบกับความขัดแย้งแตกแยก เป็น 2 กองทัพ กองทัพหนึ่งมีไว้พิทักษ์ปกป้องอดีตประธานาธิบดีอัล-อัสซาดโดยเฉพาะ อีกกองทัพหนึ่งจึงไว้สู้รบกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ งบประมาณและผลประโยชน์ส่วนใหญ่ตกไปอยู่กับกองทัพพิทักษ์อัล-อัสซาด เมื่อเป็นเช่นนี้กองทัพซีเรียจึงถดถอยและไม่สู้รบ ปล่อยให้ทหารกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่าน และฮิซบอลเลาะห์สู้รบแทน.
พลเอกฮอสเซน ซาลามิ ของอิหร่านกล่าวว่าไม่มีเหตุผลตรรกะใด ๆ ที่อิหร่านจะส่งทหารไปสู้รบในซีเรีย โดยทหารซีเรียยืนดูอยู่เฉย ๆ เราช่วยพวกเขาเต็มกำลังแล้ว ทหารอิหร่านเป็นคนสุดท้ายที่ถอนออกจากสมรภูมิสู้รบกับกลุ่มกบฎติดอาวุธ.
กองกำลังฮิซบอลเลาะห์อ่อนกำลังลงมาก หลังจากผู้นำทั้งทางทหารและการเมืองถูกอิสราเอลลอบสังหาร และเปิดฉากทำสงครามกวาดล้างฮิซบอลเลาะห์ในภาคใต้ของเลบานอน จึงไม่อาจส่งกำลังไปช่วยรักษาระบอบอัล อัสซาดอีกต่อไป กองกำลังกบฎจึงรุกคืบได้อย่างสะดวกสบายจนยึดกรุงดามัสกัสได้.
5. รัสเซีย เป็นมิตรประเทศที่ส่งกำลังทหารและเครื่องบินไปช่วยระบอบอัล-อัสซาดตั้งแต่ปี 2015 เพื่อช่วยปราบกลุ่มกบฎติดอาวุธ หลังจากนั้น อัล อัสซาดได้อนุญาตให้รัสเซียเช่าฐานทัพ 2 แห่ง คือฐานทัพเรือทาทุส (Tartous) ติดทะเเมดิเตอร์เรเนียน และฐานทัพอากาศไมมิม (Hmeimim) ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย นับเป็นฐานทัพนอกประเทศที่สำคัญของรัสเซีย โดยมีทหารประจำการราว 7,000 นาย.
สัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวกล่าวว่าทหารรัสเซียได้ปิดกั้นถนนไม่ให้กองทัพสหรัฐฯ บุกผ่านลงไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของซีเรีย.
รัสเซียประกาศว่าพร้อมจะเปิดเจรจากับรัฐบาลใหม่ของซีเรียเกี่ยวกับอนาคตของทั้ง 2 ฐานทัพ.
ท่าทีนโยบายของกลุ่มเฮซทีเอสของนายอัลจอลานี
กล่าวได้ว่าเวลานี้อำนาจทางทหารอยู่ในมือของนายอัลจอลานี หัวหน้ากลุ่มเฮซทีเอสที่บุกยึดกรุงดามัสคัสเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม นายอัลจอลานีเคยเป็นผู้นำกลุ่มติดอาวุธชื่อจาบาทาล-นุสรา (Jabhatal-Nusra)ในสังกัดอัลเคดา (al-Quada) เขาถูกสหรัฐฯตั้งค่าหัวถึง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ต่อมาเขาได้แยกตัวออกจากกลุ่มอัลเคดา เปลี่ยนกลุ่มจาบาทาล-นุสรา เป็นกลุ่มฮายัตทาเรียร์ อัล-ชาม (เฮซทีเอส) โดยมีกลุ่มติดอาวุธเล็ก ๆ หลายกลุ่มเข้าร่วม เรียกตัวเองเป็นกองทัพซีเรียอิสระ และได้รับการสนับสนุนลับ ๆ จากตุรกี.
หลังจากยึดอำนาจจากระบอบอัล อัสซาดสำเร็จ เขาได้มอบหมายให้อดีตนายกรัฐมนตรีอัลบาเชียร์ปกครองต่อไป เพื่อสร้างการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลอย่างสันติ รักษากฎหมาย สร้างความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตแก่ชาวซีเรีย เปิดประตูคุกที่คุมขังนักโทษการเมืองนับหมื่นคน เรียกร้องชาวซีเรียราว 5 ล้านคนที่อพยพหนีภัยคุกคามของอัล อัสซาด ไปอาศัยอยู่ต่างประเทศ กลับมาช่วยกันฟื้นฟูบูรณะประเทศ ฯลฯ.
นายจอลานีปรับเปลี่ยนบุคคลิกภาพของตนเอง ลบล้างภาพพจน์ความรุนแรง กลายเป็นคนนุ่มนวลมีเหตุผล เขาประกาศนโยบายที่ต่อต้านความรุนแรง และสัญญาว่าจะไม่แก้แค้น ขอให้ประชาชนใช้ชีวิตตามปกติ เขาจะสามัคคีและผนึกกำลังในกลุ่มเฮซทีเอส มุ่งมั่นตั้งใจที่จะเสริมสมรรถนะของกลุ่ม พร้อมเจรจาประนีประนอมกับกลุ่มติดอาวุธอื่น และที่สำคัญคือพร้อมเจรจาแบ่งผลประโยชน์กับชาติมหาอำนาจที่เกี่ยวข้อง.
นายจอลานีแถลงนโยบายอย่างเป็นทางการว่า
1. เราจะไม่ขัดแย้งกับอิสราเอล.
2. เราจะไม่เป็นศัตรูกับอิหร่าน.
3. เราจะติดต่อเจรจากับสถานทูตของชาติตะวันตก และอังกฤษ ให้กลับมาเปิดสถานทูตในกรุงดามัสกัสอีกครั้ง.
4. เราจะอาศัยประสบการณ์การบริหารเมืองอิดิบ (Idlib) มาบริหารประเทศซีเรีย.
5. และเราจะฟื้นฟูบูรณะ และพัฒนาซีเรียเต็มศักยภาพ.
กลุ่มรัฐมนตรีประเทศอาหรับประกอบด้วยจอร์แดน, เซาดิอาระเบีย, อิรัค, เลบานอน และอิจิปย์ รวมทั้งเลขาธิการสันนิบาตอาหรับ ได้ประชุมร่วมกันที่จอร์แดน และประกาศสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านซีเรียอย่างสันติ ให้รัฐบาลซีเรียใหม่เป็นตัวแทนกลุ่มสังคมและกลุ่มการเมืองทุกกลุ่ม พร้อมส่งความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมด้านอาหารและพลังงานแก่ซีเรียในช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ พร้อมกับการประณามอิสราเอลที่ฉวยโอกาสบุกรุกและยึดครองดินแดนซีเรีย.
ความเป็นไปได้ของการเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์
ตามที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้ว่าแผ่นดินซีเรียได้ถูกแบ่งแยกเป็นส่วน ๆ หลายส่วนโดยกลุ่มกองกำลังติดอาวุธหลายกลุ่ม ตั้งแต่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่กลุ่มเคิร์ด (เอสดีเอฟ) ภายใต้การสนับสนุนของสหรัฐอเมริกายึดครอง และขัดแย้งสู้รบกับกลุ่มกองกำลังเฮซทีเอส และกองทัพแห่งชาติซีเรียเพื่อแย่งชิงเมืองเดียร์อัซซอร์ (Deir Az Zor) ขณะเดียวกันก็สู้รบกับกลุ่มไอเอส (Islamic States) ในพื้นที่ทะเลทรายแถบเดียวกัน.
ตุรกีเป็นศัตรูโดยตรงของกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ดที่ต้องการตั้งรัฐอิสระแยกออกจากตุรกี เวลานี้ตุรกีมีท่าทีนโยบายที่ไปใกล้ชิดกับรัสเซีย, อิหร่าน และเลบานอน ขณะที่สหรัฐฯ และอิสราเอลสนับสนุนกลุ่มกบฎเคิร์ด และจับตาดูการขับเคลื่อนนโยบายของตุรกีอย่างใกล้ชิด.
อิสราเอลบุกยึดครองที่ราบสูงโกลันไว้เกือบหมด พร้อมทั้งรุกขึ้นเหนือประชิดชายแดนเลบานอน และมีแนวโน้มจะยึดครองที่ราบสูงโกลันไว้ทั้งหมด รวมทั้งเขตเวสแบงค์ในฉนวนกาซ่า และพร้อมจะผนวกเป็นดินแดนของอิสราเอลในอนาคต.
สหรัฐอเมริกาไม่ต้องการเห็นซีเรียมีความสัมพันธ์กับอิหร่าน, เลบานอน และกลุ่มติดอาวุธอื่น เช่นฮีซบอลเลาะห์, ไอเอส เป็นต้น.
ไม่นับรวมแหล่งขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติของซีเรีย ซึ่งมหาอำนาจประเทศใหญ่หมายตาไว้อยู่แล้ว.
การเจรจาประสานผลประโยชน์เพื่อพิทักษ์ความคงอยู่ของประเทศซีเรีย ท่ามกลางฝูงแร้งที่รุมทึ้งผลประโยชน์อย่างเปิดเผยและปิดบังซ่อนเงื่อน เป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ และยากลำบากอย่างยิ่ง เราได้แต่เอาใจช่วย ขอให้รัฐบาลใหม่ซีเรียสามารถสร้างสันติภาพ ความสุขสงบ ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ให้ประชาชนซีเรียมีเสรีภาพ ประชาธิปไตย และพัฒนาสู่ความกินดีอยู่ดี รอดพ้นจากการคุกคามอธิปไตย และบูรณะภาพเหนือดินแดน เป็นประเทศซีเรียที่มีอิสรภาพ และประชาธิปไตย.

 

 

สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท.  โปรดคลิ๊ก