นโยบายสร้างอเมริกาสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง
โดย รุ่งอรุณ
ผ่านพ้นปีใหม่ไปได้เพียง 7 วัน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในวันที่ 20 มกราคม ศกนี้ ได้ทิ้งระเบิดสร้างความปั่นป่วนแก่การเมืองระหว่างประเทศ และสภาวะภูมิรัฐศาสตร์โลก โดยการให้สัมภาษณ์ที่บ้านพักในรัฐฟลอริดา ว่า
1. สหรัฐฯ ต้องการจะยึดคลองขุดปานามาคืนจากประเทศปานามา.
2. สหรัฐฯ ต้องการจะยึดครองเกาะกรีนแลนด์ ประเทศกึ่งอิสระในกำกับของรัฐบาลเดนมาร์ก
3. สหรัฐฯ ต้องการให้แคนาดาเข้าเป็นมลรัฐลำดับที่ 51 ของสหรัฐฯ
4. แถมพ่วงด้วยข้อเสนอว่า ควรเปลี่ยนชื่อ “อ่าวเม็กซิโก” เป็น “อ่าวอเมริกา”
ทันทีที่นายทรัมป์ประกาศนโยบายข้างต้น ประธานาธิบดีปานามาให้สัมภาษณ์ทันทีว่า คลองขุดปานามาเป็นดินแดนในอำนาจอธิปไตยของปานามา ส่วนนายกรัฐมนตรีเดนมาร์กก็กล่าวว่า เกาะกรีนแลนด์ไม่ได้มีไว้ขาย นายจัสติน ทรูโด ประธานาธิบดีแคนาดา ตอบโต้ว่า เรื่องตลกขบขันเช่นนี้ควรจะยุติได้แล้ว.
ประธานาธิบดีหญิงแห่งเม็กซิโกย้อนข้อเสนอของนายทรัมป์ ด้วยการฟื้นประวัติศาสตร์ว่า ถ้าจะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา ก็สมควรเปลี่ยนชื่ออเมริกาเหนือ เป็น “อเมริกาเม็กซิกาน่า” หรือ “เม็กซิกันอเมริกา” ตามเอกสารปี ค.ศ. 1814 ที่ใช้ชื่อนี้เรียกอเมริกาเหนือ ขณะที่อ่าวเม็กซิโกเป็นชื่อที่เรียกหากันตั้งแต่ปี ค.ศ. 1607.
เมื่อนักข่าวถามว่า ทรัมป์จะใช้วิธีการใดในการดำเนินนโยบายข้างต้น เขาจะใช้กำลังทหารเข้ายึดครองหรือไม่ นายทรัมป์ตอบชัดเจนว่า “เขาไม่รับประกันว่า จะไม่ใช้กำลังทหารเข้ายึดครอง” ส่วนแคนาดานั้น จะใช้แรงบีบคั้นทางเศรษฐกิจ เพิ่มกำแพงภาษีสินค้าแคนาดาที่ส่งเข้าสหรัฐฯ เช่นน้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ, ผลิตภัณฑ์นม, ไฟฟ้า, เหล็ก, อลูมิเนียม และไม้ เป็นต้น เพียงเท่านี้ “แคนาดาก็จะล้มละลาย” แล้ว.
เช่นเดียวกัน ถ้าเดนมาร์กไม่ยินยอมขายเกาะกรีนแลนด์ให้สหรัฐฯ ทรัมป์จะใช้มาตรการทางเศรษฐกิจบีบบังคับ ด้วยการขึ้นกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากเดนมาร์ก หรือไม่รับสินค้าเข้าจากเดนมาร์ก.
ทรัมป์ยืนยันนโยบายข้างต้นที่ผ่านการวางแผนล่วงหน้า ด้วยการส่งบุตรชายคนโตบินไปยังเกาะกรีนแลนด์ อ้างว่าไปถ่ายทำพอดแคสต์ นายทรัมป์จูเนียร์ให้สัมภาษณ์ว่า สหรัฐฯ จะปฏิบัติต่อประชาชนบนเกาะกรีนแลนด์อย่างดี.
การขอซื้อเกาะกรีนแลนด์จากเดนมาร์ก หรือใช้กำลังทหารเข้ายึดครองโดยตรง นายทรัมป์อ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา และของโลก ระบุว่ามีกองเรือของจีน และรัสเซียเพ่นพ่านอยู่รอบมหาสมุทรอาร์กติก และกรีนแลนด์ สหรัฐฯ จำเป็นต้องสร้างฐานทัพใหญ่บนเกาะกรีนแลนด์ เพื่อติดตั้งระบบเตือนภัยขีปนาวุธข้ามทวีป และจับตาความเคลื่อนไหวของกองทัพเรือรัสเซียและจีน ทั้งที่ปัจจุบัน สหรัฐฯ มีฐานทัพชื่อ พีทัฟฟิค (Pituffik Space Base) บนเกาะกรีนแลนด์อยู่แล้ว.
แน่นอนว่าที่ตั้งของเกาะกรีนแลนด์มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ อยู่ระหว่างเส้นทางสั้นที่สุดจากยุโรปไปอเมริกาเหนือ ตั้งอยู่ทิศเหนือของรัสเซียด้านหนึ่ง และสหรัฐฯ อีกด้านหนึ่ง ขณะที่ภาวะโลกร้อนทำให้น้ำแข็งขั้วโลกเหนือบริเวณเกาะกรีนแลนด์ละลายเป็นจำนวนมาก กองทัพเรือของรัสเซีย และจีนจึงสามารถใช้เรือเจาะน้ำแข็ง เดินเรือรอบบริเวณมหาสมุทรอาร์กติกได้ง่ายขึ้น.
สำคัญไม่แพ้กันคือ เกาะกรีนแลนด์ เป็นเกาะใหญ่ที่สุดในโลก มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ผลการสำรวจปี 2023 คณะกรรมาธิการยุโรปแห่งสหภาพยุโรป (อียู) พบแร่หายากสำคัญ 25 ชนิด จาก 34 ชนิดของโลก เช่นกราไฟท์, ลิเธียม ซึ่งสำคัญในการผลิตชิป (เซมิคอนดัคเตอร์) และแบตเตอรี่ รวมทั้งแร่หายากอื่นที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และระบบกังหันลม นอกจากนี้ยังมีน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจำนวนมาก.
ที่ผ่านมา ชาวกรีนแลนด์ราว 54,000 – 57,000 คน มีนโยบายอนุรักษ์สภาพแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติ ไม่เห็นชอบกับการขุดเจาะน้ำมัน หรือก๊าซธรรมชาติ พวกเขาใช้ชีวิตอย่างสงบ และสมถะ ผิดกับทรัมป์ที่แสดงออกอย่างชัดเจนถึงความละโมบเมื่อทราบความรุ่มรวยในทรัพยากรธรรมชาติของกรีนแลนด์ โดยเฉพาะแร่ธาตุหายากในการผลิตชิป และแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า เพราะเวลานี้ จีนควบคุมการผลิตและสนองตลาดแร่ธาตุหายากมากกว่า 70 % ของโลก.
ส่วนการยึดครองคลองปานามากลับมาอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของสหรัฐฯ ทรัมป์อ้างว่าสหรัฐฯ เป็นคนขุดคลองปานามา และปี 1999 ได้มอบคลองขุดปานามาแก่ประชาชนปานามา แต่ขณะนี้คลองขุดปานามาอยู่ภายใต้การควบคุมของจีน และคิดค่าผ่านคลองในราคาที่สูงมาก สินค้าส่งออกของสหรัฐฯ ราว 40 % ต้องผ่านคลองขุดปานามา.
ความเป็นจริง บริษัทจีนในฮ่องกง ได้สัมปทานการบริหารจัดการท่าเรือบริเวณคลองขุดปานามา 2 แห่ง ทรัมป์จึงอ้างเหตุว่าจีนครอบครองคลองขุดปานามา และกล่าวว่า เป็นนโยบายที่ผิดพลาดของอดีตประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ ที่ส่งมอบอธิปไตยการบริหารจัดการคลองขุดปานามา แก่รัฐบาลปานามา.
สหรัฐฯ เป็นผู้ลงทุนขุดคลองปานามา ความยาว 82 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมการเดินเรือระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิค กับแอตแลนติค และครอบครองอธิปไตยเหนือคลองขุดปานามา ปี 1964 นักศึกษาปานามาได้เดินขบวนเรียกร้องทวงคืนคลองขุดปานามาเป็นดินแดนในอธิปไตยของปานามา เกิดการปะทะกับกองกำลังความมั่นคงของสหรัฐฯ ที่เปิดฉากยิงใส่นักศึกษา และประชาชน มีคนปานามาตายมากกว่า 20 คน ส่วนทหารสหรัฐฯ ตาย 3 คน จึงมีการเจรจากันอยู่นาน จนในที่สุด อดีตประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ ได้มอบคืนอธิปไตยเหนือคลองขุดปานามาแก่ประชาชนปานามาในปี 1999.
ทรัมป์เคยพูดทีเล่นทีจริงกับนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดาในงานเลี้ยงดินเนอร์เดือนพฤศจิกายน 2024 ว่า ทรูโดควรจะเป็นผู้ว่าการมณฑลแคนาดา ที่เป็นมลรัฐลำดับที่ 51 ของสหรัฐฯ มากกว่าเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศแคนาดา.
ด้วยเหตุผลเดียวกับความต้องการยึดครองเกาะกรีนแลนด์ และคลองขุดปานามา ทรัมป์อ้างความมั่นคงว่าถ้าแคดานารวมเป็นมลรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ จะทำให้ทวีปอเมริกาเหนือมีความมั่นคง สหรัฐฯ จะติดตามตรวจตรากองเรือรัสเซีย และจีนได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น เขากล่าวว่า “อย่าไปถือเส้นแบ่งเขตแดนจอมปลอม” มาเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ แล้วสหรัฐฯจะดูแลความมั่นคงทางการทหารให้ ลดกำแพงภาษีสินค้าแคนาดา แคนาดาสามารถส่งสินค้าเข้าสหรัฐฯ ได้โดยเสรี แบบปลอดภาษี.
บทสรุป
นโยบายของทรัมป์ไม่ได้คำนึงถึงอำนาจอธิปไตย และบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศปานามา, เดนมาร์ก และแคนาดา ละเมิดหลักการพื้นฐานขององค์การสหประชาชาติอย่างชัดเจน.
พฤติกรรมของทรัมป์ เป็นการย้อนยุคไปสู่ระบอบพี่ใหญ่ (บิ๊กบราเธอร์) ใครกำปั้นใหญ่ ย่อมสามารถใช้กำปั้นทุบประเทศเล็ก ๆ รอบข้างได้ตามใจปรารถนา ประเทศรอบข้างต้องยอมสยบใต้อำนาจ.
ด้วยเหตุผลคือความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา และแฝงด้วยผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของอเมริกาตามนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” เพื่อฟื้นความยิ่งใหญ่ของอเมริกา.
ตรรกะเหตุผลเดียวกับที่รัสเซียส่งกองทัพเข้ารุกรานและยึดครองดินแดนประเทศยูเครนไปราว 1 ใน 3 เพราะยูเครนจะสมัครเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติคเหนือ (นาโต) และสมาชิกทางเศรษฐกิจอียู ซึ่งจะคุกคามความมั่นคงของรัสเซีย.
อิสราเอลส่งกองทัพเข้ายึดครองที่ราบสูงโกลัน เพิ่มพื้นที่ยึดครองเข้าไปในซีเรีย และเลบานอน รวมทั้งยึดครองฉนวนกาซ่า ก็ด้วยเหตุผลความมั่นคงปลอดภัยของอิสราเอล.
หรือโลกจะย้อนยุคไปสู่ระบอบจักรวรรดินิยม ที่ประเทศใหญ่มีกองทัพและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ล้ำสมัย สามารถรุกรานยึดครองประเทศที่อ่อนแอกว่าเป็นเมืองขึ้นใต้อาณัติอำนาจ.
โลกจะดำรงอยู่ในรูปแบบใด องค์การสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และองค์การสนธิสัญญานาโต ยังจะมีบทบาทยับยั้งนโยบายใช้อำนาจบาตรใหญ่ของสหรัฐอเมริกา, รัสเซีย และอิสราเอลอย่างไร ?
สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก