ธาตุแท้จักรวรรดินิยมอเมริกา


เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา นายมาร์โก รูบิโอ (Marco Rubio)ได้เปิดการเจรจากับรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย นายเซอร์เก ลาฟรอฟ (Sergei Lavrov) ณ กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย.
ข่าวที่เป็นทางการระบุว่า ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลง 3 ประการ คือ
1. ทั้งสองประเทศจะแต่งตั้งเอกอัครราชทูตไปประจำยังประเทศอีกฝ่ายโดยเร็วที่สุด เพื่อขจัดอุปสรรคในภารกิจทางการทูต.
2. จะเริ่มกระบวนการเจรจายุติสงครามในยูเครน โดยสหรัฐฯ กับรัสเซียจะจัดตั้งทีมผู้แทนเจรจาของตนเอง.
3. จะสร้างเงื่อนไขเพื่อเริ่มความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ และขยายความร่วมมือสู่ภาคส่วนต่าง ๆ.
แน่นอนว่าการเจรจานี้ มุ่งเน้นยุติสงครามระหว่างรัสเซีย กับยูเครน ตามนโยบายของทรัมป์ (Donald Trump) ที่ประกาศหาเสียงรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าจะยุติสงครามโดยเร็วที่สุด.
ที่น่าแปลกคือสหรัฐฯได้เจรจาโดยตรงกับรัสเซีย โดยไม่มีประเทศยูเครน ซึ่งเป็นคู่สงคราม และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโตของกลุ่มประเทศยุโรป เข้าร่วมด้วย.
นายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี (Volodymyr Zelensky) ประธานาธิบดียูเครน ให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่า ข้อตกลงยุติสงครามจะต้องมียูเครนเข้าร่วมการเจรจาด้วย เขาไม่พอใจที่สหรัฐฯเจรจาเรื่องยุติสงครามโดยไม่ให้ยูเครนมีส่วนร่วม และการช่วยนายปูติน (Vladimir Putin)ประธานาธิบดีรัสเซียจากการถูกโดดเดี่ยวโดยนานาอารยประเทศ.
ต่อด้วยการพูดว่า ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวความเท็จ หาว่ายูเครนเป็นฝ่ายริเริ่มสงครามกับรัสเซีย และอ้างว่าคะแนนนิยมของเซเลนสกีลดลงเหลือเพียง 4 % ตามข้อมูลของรัสเซีย ทั้งที่ความจริงคะแนนนิยมของเซเลนสกีจากการสำรวจของหน่วยงานอิสระ ยังได้รับการสนับสนุนจากประชาชนยูเครนถึง 57 % .
ส่วนทรัมป์เรียกเซเลนสกีว่าเป็น “เผด็จการ” เพราะตามกฎหมาย วาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีเซเลนสกีจะสิ้นสุดในปี 2524 แต่เนื่องจากกฎอัยการศึกระหว่างสงครามกับรัสเซีย ทำให้ไม่อาจมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ได้ รัสเซียจึงอ้างเงื่อนไขนี้ว่าเซเลนสกีเป็นประธานาธิบดีเถื่อน ไม่มีอำนาจเจรจากับรัสเซียได้ และทรัมป์โจมตีเซเลนสกีตามเหตุผลของรัสเซีย.
เซเลนสกีเป็น “เผด็จการที่ไม่มีการเลือกตั้ง เซเลนสกีต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว ไม่เช่นนั้น เขาจะไม่มีประเทศเหลืออยู่” ทรัมป์เล่นงานเซเลนสกีอย่างไม่ไว้หน้า.
ส่วนท่าทีของกลุ่มประเทศพันธมิตรนาโตในยุโรป ประธานาธิบดีมาครง (Emmanuel Macron) ของฝรั่งเศสได้เรียกประชุมผู้นำกลุ่มนาโตที่กรุงปารีส เพื่อถกเถียงและกำหนดนโยบายตอบโต้นโยบายของทรัมป์ ที่ประชุมไม่ได้เปิดเผยมติชัดเจน ไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้าน ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของสหรัฐฯ แต่ผู้นำหลายคนรวมทั้งมาครงกำหนดจะไปเจรจาพูดคุยกับทรัมป์โดยตรง.
ประเด็นสำคัญหนึ่งที่สะท้อนจุดมุ่งหมายของทรัมป์ต่อยูเครน คือทรัมป์ให้สัมภาษณ์ตรงและชัดเจนว่า ยูเครนต้องยกแหล่งแร่หายากราว 50 % ให้สหรัฐอเมริกา เพื่อแลกเปลี่ยนกับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ หรือเพื่อชดใช้หนี้ที่สหรัฐฯ ได้ให้ความช่วยเหลือยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซีย 3 ปี เป็นเงิน 4 – 5 แสนล้านดอลลาร์.
ประเทศพันธมิตรนาโตทุกประเทศต้องรับผิดชอบปกป้องความมั่นคงของตนเอง ด้วยการเพิ่มงบประมาณทางทหารให้ถึง 2 % ของจีดีพี และควรเพิ่มถึง 3 – 5 % ด้วยซ้ำ สหรัฐฯจะไม่รับผิดชอบความมั่นคงของยุโรป ทั้งนี้เพื่อบีบบังคับให้ประเทศกลุ่มนาโตต้องซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ.
ขณะเดียวกัน นายพีท เฮกเซธ (Pete Hegseth) รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ กล่าวในเชิงนโยบายว่า การขอเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มนาโตของยูเครน ไม่อาจเกิดขึ้นได้ และยูเครนไม่อาจจะได้ดินแดนที่รัสเซียยึดไว้ราว 20 % คืนจากรัสเซียได้ รวมทั้งแหลมไครเมียที่รัสเซียยึดไปก่อนหน้าสงครามรอบนี้.
นโยบายของสหรัฐฯ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความมั่นคงของกลุ่มประเทศนาโต 32 ประเทศ และยูเครน เป็นอันดับแรก ๆ เหมือนที่ผ่านมา สหรัฐฯ มุ่งเน้นการป้องกันชายแดนของตนเองจากผู้อพยพผิดกฎหมาย, การทะลักของยาเสพติดจากลาตินอเมริกา และการต่อสู้กีดกันจีนในทุกด้าน.
นายไมเคิล วอลต์ซ (Michael Waltz) ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ เตือนยูเครนให้ลดการวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ แล้วลงนามให้สหรัฐฯ ได้ครอบครองแหล่งแร่หายากในยูเครนโดยเร็ว เพื่อแลกกับความมั่นคง และความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ.
ข้อนี้ นายเซเลนสกีตอบชัดเจนโดยทันทีว่า “ผมไม่สามารถขายชาติของเราได้”
สรุปแล้ว นโยบายของทรัมป์ต่อสงครามรัสเซียกับยูเครนคือ
1. ยุติสงครามโดยเร็วที่สุด.
2. ไม่สนใจว่ายูเครนจะสูญเสียดินแดนแก่รัสเซียสักเท่าใดก็ตาม.
3. ไม่รับประกันความมั่นคงของยูเครน.
4. ละทิ้งพันธมิตรใกล้ชิดอย่างกลุ่มประเทศนาโต ให้รับผิดชอบความมั่นคงของตนเอง.
5. บีบบังคับให้ยูเครนมอบสิทธิ์การขุดและสกัดแหล่งแร่หายากให้แก่สหรัฐฯ แลกกับความช่วยเหลือบางระดับ.
6. บีบบังคับให้กลุ่มประเทศนาโตเพิ่มงบประมาณทางทหาร เพื่อซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ.
7. การคว่ำบาตรรัสเซียต้องมีการโอนอ่อนจากทุกฝ่าย เพื่อให้ความขัดแย้งยุติลง.
8. ยูเครน และกลุ่มประเทศนาโตจะได้เข้าร่วมการเจรจากับรัสเซีย ณ เวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต.
นโยบายของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์จึงสะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นจักรวรรดินิยมอเมริกาอย่างชัดเจน คือทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ พันธมิตรใกล้ชิดเป็นเรื่องการแสดงละคอน.
และนี่คือสันดานอันเป็นธาตุแท้ของจักรวรรดินิยมอเมริกา

 

สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท.  โปรดคลิ๊ก