ยูเครน หนีเสือปะจรเข้
เช้ามืดวันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ ศกนี้ สำนักข่าวบีบีซีได้รายงานข่าวด่วนว่า
ยูเครนกับสหรัฐอเมริกา ได้บรรลุข้อตกลงการให้สหรัฐอเมริกามีส่วนร่วมใช้ประโยชน์จากแหล่งแร่หายากของยูเครน แลกกับการที่สหรัฐฯจะยังสนับสนุนยูเครนในการทำสงครามต่อต้านรัสเซียต่อไป.
เนื้อหาบางส่วนของข้อตกลง
1. สหรัฐฯ จะยกเลิกข้ออ้างในการทวงเงินคืนประมาณ 500,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามตัวเลขที่ทรัมป์กล่าวอ้าง ซึ่งผิดจากตัวเลขของยูเครนว่าประมาณ 120,00 – 200,000 ล้านเท่านั้น จากความช่วยเหลือด้านการเงินและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซียบุกรุกดินแดนและยึดครองดินแดนบางส่วนในภาคตะวันออกของยูเครน.
2. สหรัฐฯ จะได้สิทธิ์เข้าถึงและใช้ประโยชน์จากแหล่งแร่หายากของยูเครน.
3. ทั้ง 2 ประเทศจะร่วมกันจัดตั้ง “กองทุนการลงทุนใช้ประโยชน์จากแหล่งแร่หายาก” โดยถือหุ้นฝ่ายละประมาณ 50 % แม้สหรัฐฯไม่มีสิทธิ์เต็มที่ในการควบคุมกองทุนนี้ แต่ความคิดเห็นความต้องการของสหรัฐฯ ต้องได้รับการพิจารณาก่อนการตัดสินใจต่าง ๆ.
4. ยูเครนจะร่วมลงทุนใน “กองทุนการลงทุนใช้ประโยชน์จากแหล่งแร่หายาก”โดยใช้รายได้จากแร่หายากที่ขุด / สกัด /หลอม ขึ้นมา รวมทั้งน้ำมัน, ก๊าซ และถ่านหิน ฯ .
5. สหรัฐฯมีข้อผูกพันที่จะสนับสนุนยูเครนทางการเงิน แต่ไม่ได้กำหนดจำนวนเงินไว้ โดยจะมีการเจรจาในรอบต่อ ๆ ไป.
6. ข้อตกลงนี้ไม่ได้ระบุว่าสหรัฐฯจะรับประกันความมั่นคงปลอดภัยของยูเครนอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้เป็นข้อเสนอสำคัญที่สุดของประธานาธิบดีเซนเลนสกีแห่งยูเครน เจ้าหน้าที่ยูเครนคาดหวังว่าจะมีการเจรจาแยกต่างหากระหว่างที่เซเลนสกีเยือนทำเนียบขาวของทรัมป์ประมาณวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ศกนี้ เพื่อลงนามในข้อตกลง.
7. นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศจะร่วมกันตั้ง “กองทุนการลงทุนบูรณะปฏิสังขรณ์” ยูเครนที่เสียหายยับเยินจากการถล่มโจมตีของรัสเซีย จำนวนเงินกองทุนฯ ยังไม่ได้ระบุ แต่กำหนดจะคำนวณจากเงินช่วยเหลือจริงที่ประเทศพันธมิตรต่าง ๆ สนับสนุน.
ทำไมสหรัฐฯจึงบีบบังคับกดดันที่จะเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากแหล่งแร่หายากของยูเครน ?
แหล่งแร่หายาก เป็นพื้นฐานของเศรษฐกิจโลกยุคศตวรรษที่ 21 มีบทบาททางยุทธศาสตร์ในด้านภูมิรัฐศาสตร์ และภูมิเศรษฐศาสตร์เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะแร่หายากเป็นวัตถุดิบสำคัญในการสร้างและพัฒนาพลังงานหมุนเวียน, อุปกรณ์ทางการทหาร และโครงสร้างพื้นฐานทางอุตสาหกรรมในอนาคต.
ปัจจุบัน จีนครอบครองแหล่งแร่หายากของโลกได้ราว 75 % สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ทำให้จีนออกข้อกำหนดจำกัดการส่งออกแร่หายากไปยังสหรัฐฯ และบางอย่างถึงขั้นห้ามส่งออกแร่หายากโดยสิ้นเชิง.
แม้สหรัฐฯจะมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี่ล้ำหน้าจีนหลายขุม แต่หากไม่มีวัตถุดิบในการผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ หรือชิป และแบตเตอรี่ไฟฟ้า ความรู้ทางเทคโนโลยี่ล้ำสมัยก็ไม่สามารถสร้างอุปกรณ์ที่เป็นจริงขึ้นมาได้.
สหรัฐฯ จำเป็นต้องลดการพึ่งพาวัตถุดิบแร่หายากจากจีน จึงพยายามสุดกำลังที่จะหาช่องทางเข้าถึงแหล่งแร่หายากในโลกที่ยังเหลืออยู่ และจุดหนึ่งที่สำคัญคือยูเครน ซึ่งคาดการณ์กันว่ามีสำรองแหล่งแร่หายากประมาณ 5 % ของโลก.
ยูเครนมีแร่ธาตุอะไรที่หายากและสำคัญ ?
1. ยูเครนมีแร่กราไฟท์ (Graphite) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า คาดว่ายูเครนจะมีราว 19 ล้านตัน.
2. ยูเครนมีแร่ลิเธี่ยม (Lithium) ราว 1 ใน 3 ของแร่ลิเธี่ยมที่มีในยุโรป แร่นี้เป็นส่วนประกอบสำคัญของการผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้ารถยนต์เช่นกัน.
3. ก่อนรัสเซียเปิดฉากสงครามรุกรานยึดครองดินแดนยูเครนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ยูเครนเคยผลิตแร่ไททาเนี่ยม (Titanium) ราว 7 % ของผลผลิตทั้งโลก แร่นี้ใช้ในการสร้างเครื่องบิน ตลอดจนถึงสถานีผลิตไฟฟ้า.
4. ยูเครนยังมีแร่หายากอื่น ๆ อีกราว 17 ชนิด ที่จำเป็นในการผลิตอาวุธ, เครื่องปั่นไฟฟ้าพลังลม, อุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของโลกสมัยใหม่.
5. นอกจากนี้ ยูเครนยังอุดมไปด้วยถ่านหิน, ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมัน แมงกานิส, เซเซี่ยม (Caesium) และแทนทาลัม ฯ.
ใครได้ ใครเสีย ในข้อตกลงการใช้ประโยชน์จากแหล่งแร่หายากของยูเครน
อันที่จริง ประธานาธิบดีเซเลนสกีได้เคยยื่นข้อเสนอที่จะให้สหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรในยุโรป ได้มีส่วนร่วมในการใช้ประโยชน์จากแหล่งแร่หายากของยูเครน ใน “แผนแห่งชัยชนะ” ที่เสนอเมื่อปี ค.ศ. 2024 และได้เสนอโดยตรงต่อนายทรัมป์ในการพบปะเมื่อเดือนกันยายน 2024 ก่อนทรัมป์จะชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 .
ยูเครนตระหนักดีว่า ประเทศของตนขาดความรู้ทางเทคโนโลยี่ในการสำรวจ, ขุด, สกัด หรือหลอมแร่ธาตุหายาก, ขาดเงินทุนในการดำเนินงาน และขาดความรู้ความสามารถทางการบริหารจัดการ ประกอบกับความเสียหายจากสงครามต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลในการฟื้นฟูบูรณะประเทศ และแก้ปัญหาความเป็นอยู่สุขภาพ อนามัยของประชาชน ฯ.
การได้มิตรประเทศมาร่วมลงทุนใช้ประโยชน์จากแหล่งแร่หายากที่มี จะช่วยให้ยูเครนมีรายได้จากภาษี และประชาชนมีงานทำ ตลอดจนเงินทุนในการบูรณะปฏิสังขรณ์ประเทศ.
และเมื่อสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรเข้าร่วมจัดตั้งกองทุนใช้ประโยชน์จากแหล่งแร่หายาก สหรัฐฯและพันธมิตรย่อมต้องปกป้องความมั่นคงปลอดภัยของยูเครนไปโดยปริยาย.
แม้เซเลนสกีเคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาไม่ยินดีที่จะเป็นคนขายชาติ แต่ยูเครนมีทางเลือกอื่นดีกว่านี้ไหม ?
ฝ่ายสหรัฐอเมริกา แน่นอนว่าได้ประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่อง.
โอกาสที่ทรัมป์จะหาทางยุติสงครามรัสเซียกับยูเครน มีความเป็นไปได้ มากกว่าสมัยประธานาธิบดีไบเดน ทรัมป์ทราบจุดอ่อนของยูเครน เขาจึงให้สัมภาษณ์ว่า “หากไม่มีความช่วยเหลือด้านการเงินและอาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐอเมริกา สงครามนี้จะจบลงในช่วงเวลาสั้น ๆ”
ขณะนี้ ทั้งรัสเซีย และยูเครน ได้รับผลกระทบจากสงครามอย่างหนัก สำนักข่าวบีบีซีประเมินว่า 3 ปีของสงคราม ทหารรัสเซียตายราว 95,000 คน ตัวเลขแท้จริงอาจสูงถึง 140,000 – 220,000 คน ส่วนยูเครนมีทหารเสียชีวิตราว 70,000 คน บวกประชาชนเสียชีวิตอีก 12,600 คน ประชาชนของ 2 ประเทศรวมกัน บาดเจ็บพิการนับแสนราย ชาวยูเครนต้องอพยพหนีภัยสงครามในประเทศราว 3.7 ล้านคน ต้องหนีออกนอกประเทศราว 6.3 ล้านคน และอีก 1.2 ล้านคน หนีเข้าไปอาศัยในรัสเซีย.
จำนวนชาวยูเครนที่ต้องการยุติสงครามเพิ่มขึ้นจาก 30 % ในปี 2022 เป็น 52 % ในปลายปี 2024 เมื่อสงครามเริ่มต้น มีชาวยูเครน 73 % พร้อมสู้ตายเพื่อปกป้องประเทศ ถึงปี 2024 คนพร้อมสู้ตายเหลือเพียง 38 %.
ชาวรัสเซียที่สนับสนุนการทำสงครามลดลงจาก 80 % เหลือ 61 %.
ทรัมป์ทราบดีถึงจุดแข็งจุดอ่อนของทั้ง 2 ประเทศ และทราบดีถึงความต้องการของคนอเมริกันมากกว่า 50 % ที่ต้องการให้สงครามยุติโดยเร็ว โดยไม่สนใจว่ายูเครนจะต้องเสียดินแดนให้รัสเซียสักเท่าไหร่ก็ตาม และชาวอเมริกัน 37 % มองว่าที่ผ่านมา สหรัฐฯ ช่วยเหลือยูเครนมากเกินไป.
ชาวยุโรปสนับสนุนสงครามยูเครนเพราะมองว่าเป็นการสกัดยับยั้งนโยบายรุกรานได้คืบเอาศอกของประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซีย ยูเครนเป็นแนวหน้าในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของยุโรป แต่คนที่สนับสนุนเช่นนี้มีปริมาณลดลงเรื่อย ๆ และเห็นควรหาข้อสรุปสันติภาพ โดยยอมรับการสูญเสียดินแดนบางส่วนของยูเครน.
ทรัมป์ใช้โอกาสที่ทุกฝ่ายต้องการยุติสงคราม เรียกร้องต่อรองจนได้ประโยชน์ในการเข้ามีส่วนครอบครองแร่หายากในยูเครนตามต้องการ และมีแนวโน้มยุติสงครามได้ด้วย ขณะเดียวกัน ทรัมป์ไม่ได้ผูกมัดตนเองที่จะรับประกันความมั่นคงปลอดภัยของยูเครน เขาเพียงให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า สิ่งที่ยูเครนจะได้รับคือ “สิทธิที่จะสู้รบต่อไป” จะสู้อย่างไร ถ้าสหรัฐฯ ไม่ผูกพันตัวเองอย่างแข็งขันเช่นสมัยไบเดน.
บทเรียน และอนาคตต่อไป
1. ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าในสมัยรัฐบาลทรัมป์ของสหรัฐฯ ไม่มี ทุกอย่างต้องมีผลประโยชน์แลกเปลี่ยน ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐฯ ช่วยเหลือยูเครนมากเกินไป เวลานี้ สหรัฐฯ ควรได้ผลประโยชน์ตอบแทนคืนบ้าง.
ทรัมป์ไม่สนใจเรื่องสงครามเป็นธรรม หรือสงครามไม่เป็นธรรม เขาไม่กล่าวประณามต่อว่ารัสเซียที่ส่งกำลังทหารรุกรานและยึดครองดินแดนยูเครน การเจรจาหาข้อยุติสงคราม แน่นอนว่ายูเครนต้องสูญเสียดินแดนให้รัสเซีย จะมากจะน้อย ทรัมป์ไม่กังวล.
ทรัมป์ไม่สนใจผลประโยชน์ด้านความมั่นคงปลอดภัยของประเทศพันธมิตรในยุโรป เขากลับเสนอให้กลุ่มอียูเพิ่มงบประมาณทางทหารจาก 2 % ของจีดีพี เป็น 3 – 5 % ยุโรปต้องปกป้องช่วยเหลือตัวเอง สหรัฐฯจะไม่ออกหน้าช่วยเหลืออีกต่อไป.
2. ต่อไป ประเทศเล็กจะอยู่ได้ยาก หากเผชิญกับประเทศใหญ่ที่มีแสนยานุภาพทางการทหาร และเศรษฐกิจที่เข้มแข้งกว่า ซึ่งพร้อมใช้นโยบายกำปั้นเหล็กทุบใส่ประเทศที่อ่อนด้อยกว่า หลังจากยึดครองแหล่งแร่หายากของยูเครน เป้าหมายต่อไปของทรัมป์อาจจะเป็นแคนาดา และ/หรือเกาะกรีนแลนด์ ทรัมป์พร้อมใช้อำนาจทุกอย่างที่มีบีบบังคับให้ประเทศที่เกี่ยวข้องยอมสนองความต้องการของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซียคงไม่ได้ยุติเพียงแค่การยึดครองดินแดนบางส่วนของยูเครน แต่อาจพาดสายตาไปยังประเทศโปแลนด์, โรมาเนีย, ฮังการี รวมทั้งฟินแลนด์.
3. พันธมิตรทางการทหารของกลุ่มสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ไม่ได้สามัคคีและเข้มแข็งเหมือนภาพลักษณ์ที่แสดงออกมา เมื่อนายทุนใหญ่อย่างสหรัฐฯ หยุดการสนับสนุน บทบาทของนาโตดูเหมือนจะไปไม่ถูก และไปไม่เป็น
เยอรมนีอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลสู่รัฐบาลฝ่ายขวากลาง ประธานาธิบดีมาครงแห่งฝรั่งเศสเดินทางไปพบทรัมป์ แต่ไม่ได้แถลงผลลัพธ์อันใด นอกจากพูดแสดงจุดยืนของฝรั่งเศสว่า “สันติภาพต้องไม่แลกด้วยการทอดทิ้งยูเครน” ยุโรปไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบในการช่วยเหลือยูเครน การทำข้อตกลงหยุดยิงยูเครน-รัสเซียต้องมีขอบเขต ตรวจสอบได้ และให้สันติภาพยั่งยืนเกิดขึ้น ยูเครนต้องมีอธิปไตย และเป็นอิสระเสรี ฯ
4. ทรัมป์เป็นนักเจรจาต่อรองที่ชาญฉลาด สามารถใช้กลยุทธต่าง ๆ มาบีบบังคับประเทศที่เกี่ยวข้องให้ยอมรับข้อเสนอตามนโยบายของตนเอง เขาหันไปแสดงท่าทีญาติดีกับปูติน ไม่กล่าวหาปูตินรุกรานครอบครองยูเครน ขณะที่ประณามเซเลนสกีว่าเป็นเผด็จการ เป็นประธานาธิบดีเถื่อน เพราะครบวาระการดำรงตำแหน่งแล้ว ไม่จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยไม่คำนึงถึงภาวะสงครามที่ยูเครนเผชิญอยู่.
ควบคู่ไปกับการทำสงครามน้ำลายเปิดเผย สหรัฐฯได้เจรจาปิดลับกับยูเครน จนได้ข้อสรุปตามที่ทรัมป์ต้องการ คือการเข้ามีส่วนร่วมครอบครองและใช้ประโยชน์จากแหล่งแร่หายากของยูเครน.
5. ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซีย ตระหนักดีว่า หากสหรัฐฯ เข้าไปร่วมลงทุน และมีผลประโยชน์ในแหล่งแร่หายากของยูเครน ย่อมต้องปกป้องยูเครนไม่มากก็น้อย ปูตินจึงเสนอให้สหรัฐฯ เข้าถึงแหล่งแร่หายากในดินแดนยูเครนที่รัสเซียยึดครองอยู่ในขณะนี้ ซึ่งประมาณว่ามีมูลค่าถึง 350,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แถมชักชวนให้ทรัมป์ร่วมมือกับรัสเซีย ลงทุนถลุงแร่อลูมิเนียมในไซบีเรีย ปูตินให้สัมภาษณ์ว่า รัสเซียมีแหล่งแร่หายากมากกว่ายูเครนหลายเท่าตัว.
ท่าทีเช่นนี้เหมือนการติดปีก เพิ่มอำนาจต่อรองให้ทรัมป์ในเวทีการเมืองโลกอย่างมหาศาล.
สรุปแล้ว ละคอนการเมืองระหว่างประเทศที่ผ่านมา ล้วนเป็นไปเพื่อแสวงและปกป้องประโยชน์ของประเทศตนทั้งสิ้น การบริภาษ การโต้แย้ง การแสดงท่าทีก้าวร้าว คำหวานเพราะเสนาะโสต ล้วนเป็นกลยุทธเพื่อบรรลุเป้าหมายของตนเอง โลกยังต้องรับชมการแสดงเช่นนี้ตลอดไป.
สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก