บทเรียนกรณี “เหตุการณ์ตากใบ”
โดย “หล้าหล่อ สมบูรณ์”


ภายใต้โครงครอบสังคมไทยที่มีความเหลื่อมล้ำอยุติธรรมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง พี่น้องชาวมุสลิมที่ชายแดนภาคใต้ยังถูกกดทับทั้งด้านศาสนา ภาษา วัฒนธรรม และชาติพันธ์ุ อย่างหนักหน่วงรุนแรง
ผู้กระทำความผิดในกรณีเหตุการณ์ตากใบ ไม่ยอมรับ ไม่ขอโทษอย่างเป็นทางการในนามรัฐ และในฐานะบุคคล ทั้งยังมีการตอบโต้จากฝ่ายความมั่นคงที่มองการชุมนุมของประชาชนเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 นั้น ว่ามีการจัดตั้งวางแผน หวังก่อความไม่สงบ จึงต้องบุกเข้าไปสลายการชุมนุม ถึงกับทำให้มีผู้เสียชีวิต 85 ราย บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก โดยการไต่สวนเบื้องต้นมีข้อสรุป “ตายเพราะขาดอากาศหายใจ”
หัวหน้ารัฐบาลในขณะนั้นมีทัศนคติต่อกลุ่ม ขบวนการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าเป็น ”โจรกระจอก“ เท่ากับเปิดไฟเขียวให้มีปฏิบัติการดังกล่าวเกิดขึ้น ภายหลังเหตุการณ์จึงไม่มีการดำเนินคดี ไม่มีการสอบสวนหาคนผิด จนญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตได้ร่วมกันแสวงหาความยุติธรรม ลุกขึ้นฟ้องร้องด้วยตนเอง กระทั่งศาลได้ประทับรับฟ้อง
จากแบบปฏิบัติในหมู่ของข้าราชการชั้นสูงที่ “ปล่อยให้พ้นผิดลอยนวล” การพิจารณาหาความเป็นจริงจึงไม่คืบหน้า เพราะตำรวจไม่ฟ้อง มีการดองคดี ผู้บัญชาการสถานการณ์ตากใบถูกย้ายเข้ากระทรวง โดยต่อมาได้รับการเลื่อนยศตำแหน่ง มีการเพิ่มค่าตอบแทนให้นายทหารทุกนาย และปล่อยเวลาให้ผ่านเลยมาจนใกล้หมดอายุความ 20 ปีในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ในห้วงเวลานี้ ญาติพี่น้องผู้สูญเสีย ภาคประชาสังคม ได้ออกมาเคลื่อนไหว และสื่อมวลชนได้ช่วยกันเผยแพร่ข่าวสาร ประเด็นกรณีเหตุการณ์ตากใบจึงได้เป็นที่รับรู้และสนใจอย่างกว้างขวางของสังคมอีกครั้ง
การเปิดเผยข้อเท็จจริง หาข้อสรุปชี้ชัดเหตุปัจจัยการเกิดเกิดขึ้นของเหตุการณ์ การระบุผู้กระทำความผิดที่ชัดเจน จนดำเนินการนำคนผิดมาลงโทษได้หรือไม่ อย่างไร เป็นประเด็นหนึ่ง ที่สำคัญในบรรยากาศอารมณ์สังคมเมื่อคดีหมดอายุความ ทำให้ผู้ต้องหาทั้งหมดปราศจากความผิดใด ๆ เช่นนี้ ทำอย่างไรให้ผู้คนตระหนักรู้ถึงรากเหง้าของปัญหาโครงสร้างสังคม เพื่อฝ่าฟันอุปสรรคไปให้ได้ทีละขั้นตอน จนกระทั่งบรรลุถึงจุดหมายในที่สุด
จุดหมายคือ การพัฒนาประเทศให้มีความเป็นประชาธิปไตย ประชาชนทุกสาขาอาชีพ ทุกศาสนา ทุกชาติพันธุ์ มีชีวิตความเป็นอยู่อุดมสมบูรณ์และมีสันติธรรมนั้น เริ่มจากพี่น้องประชาชนคนรากหญ้า ขบวนการภาคประชาสังคม ผู้ที่รักชาติรักความเป็นธรรม และสื่อมวลชนทุกแขนงที่ร่วมแรงร่วมใจกันขับเคลื่อนอย่างจริงจังและต่อเนื่องยาวนาน
ทำให้กรณีเหตุการณ์ตากใบเป็นเรื่องหนาวร้อน เป็นเรื่องความเป็นความตายของทุกคน ผลักดันเรียกร้องให้ศาลสถิตยุติธรรมได้พิจารณาตัดสิน จนศาลสามารถประกาศว่าประชาชนเป็นผู้บริสุทธิ์ ร่วมกันทำให้กรณีเช่น “เหตุการณ์ตากใบ“ เหตุการณ์ “ถีบลงเขาเผาลงถังแดง” ไม่เกิดขึ้นได้อีก เช่นเดียวกับร่วมกันทำอย่างไรไม่ให้การรัฐประหาร การใช้กลไกอำนาจรัฐกระทำรุนแรงต่อประชาชนเกิดขึ้นได้อีก.

 

สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก