มหากาพย์ประกันสังคม : ตื่นเถิดผู้ประกันตน
ท่านทราบไหมว่าสำนักงานประกันสังคม (สปส.) มีเงินกองทุนประกันสังคม 2.5 ล้านล้านบาท (2,500,000,000,000 บาท) ราวครึ่งหนึ่งของงบประมาณแผ่นดินตลอดปี
ท่านทราบไหมว่ามีผู้ประกันตนจำนวน 25 – 26 ล้านคน ส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคมทุกเดือน ราว 5 % ของเงินเดือน และนายจ้างอีก 5 % เช่นกัน.
เงินที่ผู้ประกันตนส่งไปสมทบกองทุนประกันสังคม รวมปีละประมาณ 150,000,000 บาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นล้านบาท).
สำนักงานประกันสังคมใช้จ่ายเงินค่าบริหารจัดการในยุคเผด็จการทหาร ปี 2563 จำนวน 4,000,000,000 บาท (สี่พันล้านบาท), ปี 2564 จำนวน 5,300,000,000 บาท (ห้าพันสามร้อยล้านบาท), ปี 2565 จำนวน 5,300,000,000 บาท (ห้าพันสามร้อยล้านบาท), ปี 2566 จำนวน 6,600,000,000 บาท (หกพันหกร้อยล้านบาท) และปี 2567 ลดลงเหลือ 4,100,000,000 บาท (สี่พันหนึ่งร้อยล้านบาท) หลังจากมีการเลือกตั้งตัวแทนผู้ส่งเงินเข้ากองทุนในบอร์ด สปส.
ขอขอบคุณคุณรักชนก ศรีนอก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาชนเขตกรุงเทพฯ และคุณสหัสวัต คุ้มคง สส. ชลบุรี พรรคเดียวกัน ที่เป็นกรรมการในคณะกรรมาธิการติดตามงบประมาณแผ่นดินได้พบข้อพิรุธจากการใช้จ่ายเงินของสำนักงานประกันสังคม หลายกรณี เช่น
1. งบประมาณดูงานเมืองนอก แต่ละครั้งใช้เงินหลักล้านบาท นั่งเครื่องบินเฟิร์สคลาส ซึ่งผิดจรรยาบรรณการใช้เงินของผู้ประกันตน.
2. วางงบจัดทำปฏิทินประจำปีถึง 50 ล้านบาท สำหรับปี 2569.
3. ใช้งบประมาณราว 100 ล้านบาท ตั้งคอลล์เซ็นเตอร์ เพื่อรับสายจากผู้ประกันตน ที่ไม่เคยโทรติด หรือไม่รับสาย หรือต้องรอคอยเป็นเวลานานมาก ๆ .
4. งบจัดทำแอปของ สปส. มูลค่า 850 ล้านบาท ทดแทนระบบเก่า เมื่อผู้รับเหมาส่งงานล่าช้า ต้องปรับเป็นเงิน 193 ล้านบาท แต่ สปส. ปรับเพียง 640,000 บาท อ้างเหตุผลว่าเป็นช่วงโควิดระบาด ยกเว้นค่าปรับให้ได้.
5. ที่สำคัญ คือใช้งบถึง 7,000 ล้านบาท ซื้อตึกร้างเก่าอายุ 25 ปี ซึ่งสร้างตั้งแต่ปี 2540 เมื่อปลายปี 2565.
นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการคนปัจจุบันของ สปส. ร่วมกับรัฐมนตรีแรงงานได้ร่วมกันแถลงว่า การจัดซื้อตึกสกายไนน์ (SKYY 9) บนถนนพระราม 9 เป็นไปและถูกต้องตามกฎหมาย เลขาธิการ สปส. และบอร์ด สปส. มีอำนาจจัดซื้อได้.
เรื่องราคาประเมินที่ดินและตึกสกายไนน์ นางมารศรีแจ้งว่า ราคาประเมินตามวิธีพิจารณารายได้จากการใช้ประโยชน์ให้เช่าของตีก ประมาณ 7,300 ล้านบาท และหากประเมินด้วยวิธีพิจารณาจากต้นทุน จะมีมูลค่าราว 8,000 ล้านบาท.
สปส. ซื้อที่ดินและตึกมาในราคาเพียง 6,900 ล้านบาท
ปัจจุบัน มีการเช่าพื้นที่รวม 45 % โดยมีผู้เช่าเข้าใช้พื้นที่แล้ว 25 % และในปี 2568 จะมีผู้เช่าเข้าใช้พื้นที่อีก 20 % เป้าการให้เช่าพื้นที่ในปี 2568 อยู่ที่ 68 % ซึ่งคาดว่าผลตอบแทนเงินสด จะไม่ต่ำกว่า 5 % ถ้าเทียบกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี ซึ่งอยู่ที่ 2.3 % ต่อปี ยังไม่นับรวมมูลค่าที่ดินและตึกที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต.
ดร. โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัย และประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัทเอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) ได้ประเมินราคาโครงการโดยประมาณที่ 3,588,480,000 บาท (สามพันห้าร้อยแปดสิบแปดล้านสี่แสนแปดหมื่นบาท) ถ้าคิดประเมินจากวิธีแปลงรายได้เป็นมูลค่าจะอยู่ที่ 3,512,880,000 บาท (สามพันห้าร้อยสิบสองล้านแปดแสนแปดหมื่นบาทถ้วน).
ส่วน ดร. ม.ล. กรกสิวัฒน์ เกษมศรี อดีตกรรมการบอร์ดกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่ดูแลการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ประเมินราคาใกล้เคียงกันที่ 3,000 ล้านบาท ไม่เกิน 4,000 ล้านบาท.
ราคาประเมินทรัพย์สินคือที่ดินราวสองไร่ครึ่ง และตึกใช้งาน ต่างกันราว 3,000 – 4,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ วิธีการจัดซื้อก็ยอกย้อนแยบยล แทนที่ สปส. จะซื้อที่ดินและตึกในนามของตนเอง สปส. กลับไปตั้งกองทุนทรัสต์ 10,000 ล้าน (หนึ่งหมื่นล้านบาท) แล้วนำเงิน 7,000 ล้านบาทไปซื้อบริษัทที่เป็นเจ้าของอาคารสกายไนน์ ส่วนอีก 3,000 ล้านบาท ไปลงทุนซื้อหุ้นในต่างประเทศ.
ตามกฎหมาย กองทุนประกันสังคมสามารถนำเงินสมทบเข้ากองทุนไปทำประโยชน์ให้เกิดดอกออกผลได้ ตั้งแต่การลงทุนซื้อพันธบัตรรัฐบาล, ซื้อหุ้น และลงทุนนอกตลาดหลักทรัพย์ เช่นซื้อที่ดินอาคารให้เช่าทำสำนักงาน เป็นต้น.
แต่กรณีนี้ คุ้มค่าการลงทุนหรือไม่ ?
คุณรักชนก และคุณสหัสวัต เห็นตรงกับ ม.ล. กรกสิวัฒน์ว่า เป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า ตอนซื้อมาปี 2565 เป็นตึกร้าง โดยมีคนเช่าเพียง 1 % ปี 2567 มีคนเช่าย้ายเข้า 25 % และคาดว่าปี 2568 จะมีคนเช่าย้ายเข้าอีก 20 % ต่ำกว่าเป้าที่ 68 % แน่นอนว่าตั้งแต่ซื้อมา คิดค่าบริหารจัดการก็ขาดทุนไปแล้ว.
คุณรักชนกให้ข้อมูลต่างจากคุณสุชาติ ชมกลิ่น อดีตรัฐมนตรีแรงงานที่กำกับดูแล สปส. ในปี 2565 ว่าหากมีผู้เช่าเต็ม 100 % ต้องใช้เวลา 30 ปีถึงจะคืนทุน แต่คุณสุชาติมองว่าเป็นการลงทุนที่เหมาะสม ได้ผลตอบแทนคุ้มค่า บวกกับราคาที่ดินและตึกที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต.
คุณสุชาติ ชมกลิ่นคงไม่ได้คิดเรื่องค่าเสื่อมราคา และอายุการใช้งานของตึกที่เป็นจริง.
คุณรักชนกตั้งข้อสังเกตว่า เงินส่วนต่าง 3,000 – 4,000 ล้านบาท จากการซื้อที่ดินและอาคารสกายไนน์ ตอนปลายปี 2565 เป็นช่วงใกล้กับเวลาการเลือกตั้งต้นปี 2566
ม.ล. กรกสิวัฒน์ ตั้งข้อสังเกตเช่นกันว่าค่าใช้จ่ายประจำปีของ สปส. ที่ 5 – 6,000 ล้านบาทต่อปี เป็นค่าใช้จ่ายที่เกินจริงไปมาก ตามกฎหมายจัดตั้ง สปส. อนุญาตให้มีค่าใช้จ่ายราว 10 % ของรายรับจากเงินสมทบกองทุนแต่ละปี คือ 150,000 ล้านบาท ใช้ได้ 15,000 ล้านบาท แต่ สปส. อ้างว่าใช้จ่ายเพียง 33 – 40 % ของเงินที่ใช้ได้เท่านั้น คำถามคือมันมากเกินไปจนใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเกินเหตุไหม ?
ม.ล. กรกสิวัฒน์ ได้เปรียบเทียบตัวเลขว่า กบข. มีขนาดกองทุน และรายได้ราวหนึ่งในสาม หรือเกือบครึ่งหนึ่งของ สปส. มีระบบการบริหารจัดการที่เป็นอิสระ ปีหนึ่งใช้จ่ายเพียงหนึ่งพันกว่าล้านบาท หรือ 1 – 2 % ของรายได้เท่านั้น.
สปส. ยังมีโครงการจะใช้เงินอีก 130,000 ล้านบาท (หนึ่งแสนสามหมื่นล้านบาท) ลงทุนนอกตลาดหลักทรัพย์อีก ความโปร่งใส และการตรวจสอบจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
รัฐมนตรีแรงงาน เป็นคนกำกับดูแล สปส. เป็นคนแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ สปส. แต่งตั้งข้าราชการที่ทำงานใน สปส. เท่ากับว่าระบบราชการครอบงำ สปส. ภายใต้อำนาจของรัฐมนตรีแรงงาน เข้าควบคุมรายรับปีละหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านบาท และเงินกองทุนอีก 2.5 ล้านล้านบาท เรียกได้ว่ารัฐมนตรีแรงงานตั้งเอง กำกับเอง ตรวจสอบเอง ความโปร่งใสยังจะมีอยู่ไหม ?
ข้อเสนอแก้ไข
1. แก้ไขกฎหมายการจัดตั้ง สปส. เช่น ลดอำนาจของเลขาธิการ สปส., สร้างระบบการตรวจสอบที่รัดกุม, จำกัดวงเงินใช้จ่ายของ สปส. ตั้งแต่บอร์ด จนถึงเลขาธิการ และข้าราชการในสังกัด, กำหนดคุณสมบัตินิติบุคคล หรือบุคคลที่จะบริหารจัดการกองทุนประกันสังคมที่เป็นมืออาชีพ มากกว่าให้ข้าราชการระดับ 10 หรือต่ำกว่าเป็นคนบริหารจัดการกองทุนฯ หรือใช้เงินกองทุนฯ ลงทุนทั้งในตลาดหุ้น, ตลาดพันธบัตร และนอกตลาดหุ้น, กำหนดความรับผิดชอบของบอร์ด สปส. และเลขาธิการอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อผลประกอบการไม่ได้เป็นไปตามการคาดการณ์ ฯลฯ.
2. สัดส่วนกรรมการฝ่ายผู้ประกันตน ควรมีจำนวนคนมากกว่าฝ่ายนายจ้าง และฝ่ายข้าราชการ แทนที่จะมีจำนวน 1 ใน 3 เท่ากันหมด ฝ่ายผู้ประกันตนควรมีผู้แทนราวครึ่งหนึ่ง หรือ 60 % ของกรรมการ เพราะผู้ประกันตนเป็นผู้ส่งเงินสมทบทุกเดือน บวกกับเป็นผู้ใช้บริการของ สปส. ต่างจากฝ่ายนายจ้างที่ส่งเงินสมทบอย่างเดียว และฝ่ายข้าราชการที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบเท่านั้น
3. ให้ สปส. เป็นองค์การอิสระ ไม่ขึ้นกับระบบราชการ ไม่ขึ้นกับรัฐมนตรีแรงงาน เช่นเดียวกับ กบข. หรือ สสส. มีคณะกรรมการอิสระ และคณะกรรมการตรวจสอบอิสระ ไม่ขึ้นต่อการเมือง.
4. ทำความจริงให้ปรากฏ คณะกรรมาธิการติดตามการใช้งบประมาณได้ขอข้อมูล และเชิญผู้แทนจากฝ่ายนายจ้าง, ข้าราชการ และฝ่ายผู้ประกันตนมาให้ข้อมูล ทั้งขอข้อมูลรายงานการประเมินราคาที่ดินและตึก ตลอดจนรายงานการประชุมของบอร์ด สปส. แต่ สปส. ไม่ยอมให้ข้อมูล ตัวแทนฝ่ายนายจ้างยืนยันเด็ดขาดไม่ยอมให้ข้อมูล อ้างว่าเป็นความลับ ซึ่งสร้างความสงสัยว่ามีอะไรซ่อนเร้นจึงต้องปิดบังอย่างเข้มงวด เป็นความลับขนาดเปิดเผยให้เจ้าของเงินที่ส่งเข้ากองทุนประกันสังคมทราบไม่ได้ ทั้งขัดต่อพระราชบัญญัติเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร.
กรณีนี้ ท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากทุกพรรคการเมืองที่ต้องการสร้างความโปร่งใสและซื่อสัตย์สุจริตของ สปส. ต้องยื่นฟ้องศาลปกครอง และ คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ปปช.) พร้อมทั้งติดตามขุดคุ้ยความไม่ชอบมาพากลของการปฏิบัติงานใน สปส. ข้อพิรุธจากการปกปิดข้อมูลแทบจะทุกอย่าง ทำให้ยิ่งต้องเจาะลึกเรื่องราวนโยบายต่าง ๆ ให้ละเอียดยิ่ง ๆ ขึ้น.
ขณะเดียวกัน ควรตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อประเมินราคาที่ดินและตึกสกายไนน์อย่างเป็นทางการ เพราะราคาที่ดินและอาคารตามคำอ้างของ สปส. ต่างกับราคาประเมินของผู้เชี่ยวชาญอิสระ 3 – 4,000 ล้านบาท ราคาใดถูกต้อง ราคาใดเป็นเท็จ และเงินส่วนต่างหากมี ไปอยู่กับใครที่ไหน.
5. ที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ผู้ประกันตนต้องรวมกลุ่มจัดตั้งชมรมผู้สมทบเงินเข้ากองทุนประกันสังคมให้เข้มแข็ง ทำหน้าที่ปกป้องสิทธิผลประโยชน์ผู้ประกันตน และกำกับดูแลการปฏิบัติงานของเลขาธิการและข้าราชการใน สปส. อย่างใกล้ชิดและละเอียด ไม่ปล่อยให้บุคคลเหล่านี้อ้างช่องโหว่ของกฎหมายจัดตั้ง สปส. สูบเลือดสูบเนื้อของผู้ประกันตน ต่อไปจะวางเฉยไม่สนใจการดำเนินงานของ สปส. เหมือนในอดีตไม่ได้อีกแล้ว.
6. บทบาทสื่อมวลชนมีส่วนสำคัญยิ่งในการปฏิรูป สปส. ให้โปร่งใสตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ลบล้างความเลอะเทอะของการปฏิบัติงาน เพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มบุคคลที่แอบแฝงเข้าเกาะกินประกันสังคม ฉกฉวยผลประโยชน์จากผู้ประกันตน ทำให้ผู้ประกันตนไม่ได้รับสิทธิประโยชน์เท่าที่ควร ดังมีการเปรียบเทียบว่าสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตน ยังได้น้อยกว่าคนถือบัตรทองเสียอีก.
7. ผู้ประกันตน และวิญญูชนที่รักความถูกต้องยุติธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตและโปร่งใสในการปฏิบัติงาน ต้องพร้อมช่วยเหลือคุณรักชนก และคุณสหัสวัต ที่ถูกอดีตรัฐมนตรีแรงงาน คุณสุชาติ ชมกลิ่นฟ้องในคดีที่ไปเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อที่ดินและอาคารสกายไนน์ ซึ่งกระทบชื่อเสียงของคุณสุชาติ ผู้รับผิดชอบกระทรวงแรงงานในขณะซื้อที่ดินและอาคารสกายไนน์ เรียกร้องค่าเสียหายถึง 50 ล้านบาท.
มหากาพย์ประกันสังคม เพิ่งจะเริ่มต้นก้าวแรกในการทำความจริงให้ปรากฏ ลบล้างความไม่ชอบมาพากลของ สปส. เพื่อประโยชน์ของผู้ส่งเงินสมทบประกันสังคม มนุษย์เงินเดือนทุกคนที่ต้องส่งเงินสมทบประกันสังคมจึงต้องช่วยกันติดตามเรื่องราวการปฏิบัติงานของ สปส. อย่างใกล้ชิด และพร้อมร่วมมือในการรณรงค์ต่อ ๆ ไป.
สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก