ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำสั่งให้รับคำฟ้องไว้พิจารณาในคดีการสลายการชุมนุม ม็อบ17พฤศจิกาคม 2563

3 ธันวาคม 2568 เวลา 10:33 น.  ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นและให้รับคำฟ้องไว้พิจารณาในคดีการสลายการชุมนุม #ม็อบ17พฤศจิกา ของกลุ่มราษฎรเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 ที่หน้าอาคารรัฐสภา โดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า คดีพิพาทตามคำฟ้องของผู้ฟ้องคดี เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (3) ของพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 (พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ) และอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ไม่เห็นพ้องกับคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลปกครองชั้นต้น คำสั่งมีรายละเอียดดังนี้

:

ตามคำฟ้องมีการกล่าวอ้างว่า การดำเนินการเกี่ยวกับการออกคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลเกี่ยวกับการประกาศกำหนดพื้นที่ห้ามชุมนุมสาธารณะในรัศมี 50 เมตรรอบรัฐสภา เป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ตาม แต่คำฟ้องไม่ได้มีคำขอให้เพิกถอนคำสั่ง จึงไม่อาจถือได้ว่า การฟ้องคดีนี้ มีการยื่นฟ้องในข้อหาเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่จองรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 72 วรรคหนึ่ง (1) ของพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ หากการกล่าวอ้างถึงคำสั่งดังกล่าวเป็นการแสดงเหตุผลประกอบความไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระทำของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และเจ้าพนักงานตำรวจในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการสลายการชุมนุมตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 (พ.ร.บ.ชุมนุมฯ) ที่สร้างความเสียหายละเมิดเสรีภาพในการชุมนุมและการเดินทางตามรัฐธรรมนูญ

:

เมื่อคำขอท้ายฟ้องขอศาลให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติชดใช้ค่าเสียหาย และให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติยุติการใช้กำลังสลายการชุมนุมที่รุนแรงเกินสมควร ให้ปฏิบัติตามหน้าที่ตามพ.ร.บ.ชุมุนมฯและแผนการดูแลการชุมนุมสาธารณะ หรือคำขอให้จัดเตรียมการป้องกันการเผชิญหน้าระหว่างการชุมนุมกลุ่มต่างๆ รวมถึงหน่วยพยาบาล เป็นคำขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งตามมาตรา 72 วรรคหนึ่ง (3) ของพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ ดังนั้นการยื่นฟ้องจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรับอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (3) เพียงข้อหาเดียว

:

ในประเด็นเรื่องเขตอำนาจศาล “กรณีที่ตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558  ไม่ได้มีการบัญญัติไว่ว่า ให้ศาลใดเป็นศาลที่มีอำนาจพิพากษาในเรื่องใดไว้เป็นการเฉพาะ จึงต้องพิจารณาไปตามหลักทั่วไปที่ว่าศาลปกครองเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษคดีปกครองตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558”  ในประเด็นเรื่องขั้นตอนการสลายการชุมนุมตามมาตรา 21 และมาตรา 25 ของพ.ร.บ.ชุมนุมฯ เป็นอำนาจการพิจารณาของศาลแพ่งตามที่พ.ร.บ.ชุมนุมฯกำหนด “โดยหาได้มีการบัญญัติให้ครอบคลุมถึงอำนาจพิจารณพิพากษาคดีปกครองอันเนื่องมาจากการดำเนินการสลายการชุมนุมสาธารณะ” คดีพิพาทตามคำฟ้องจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (3) ของพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ

 

  

สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก