อย่าลืม  "รัฐธรรมนูญ ปี 2560 คือต้นไม้พิษ"  2 

โดย “คนข้างทาง”

รัฐธรรมนูญ ปี 2560 คือต้นไม้พิษซึ่งมีที่มาของรัฐธรรมนูญมาจากการรัฐประหาร
รัฐธรรมนูญ 2560 ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ามีที่มาที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เนื่องจากเป็นรัฐธรรมนูญที่จัดทำหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ยึดอำนาจในปี 2557 โดย คสช. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาเพื่อยกร่าง ก่อนที่จะนำมาทำประชามติในเดือนสิงหาคม 2559 เพื่อขอความชอบธรรม ซึ่งประชาชนถูกมัดมือชก ไม่มีทางเลือกอื่น เสนอร่างใหม่ไม่ได้ ค้ดค้านไม่ได้ แต่มีการแก้ไขเพิ่มเติมอีกหลังจากที่ผ่านการลงประชามติไปแล้ว
รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีลักษณะของความพยายามสืบทอดอำนาจของเผด็จการทหาร ด้วยการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา 250 คน พร้อมทั้งให้อำนาจ สว. ในการเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ และมีอำนาจตามบทเฉพาะกาลในการเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ สส. ด้วย
ปัญหานี้แสดงผลลัพธ์ให้เห็นแล้วในการเลือกนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งปี 2566 ที่ผ่านมา เมื่อ สว. ไม่ยอมลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองที่ได้จำนวน สส. มากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร
องค์กรอิสระขาดความยึดโยงกับประชาชน
องค์กรอิสระมีเป้าหมายเพื่อตรวจสอบการทำงานของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทั้งฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ โดยองค์กรอิสระเกิดขึ้นครั้งแรกจากรัฐธรรมนูญ 2540 และมีที่มาจาก สว.ที่มาจากการเลือกตั้ง ปัญหาสำคัญขององค์กรอิสระภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 คือ ไม่ได้มีที่มาที่ยึดโยงกับประชาชน แต่มาจากการสรรหาและแต่งตั้งจากอำนาจฝ่ายตุลาการเป็นส่วนใหญ่ และได้ความเห็นชอบ จาก สว.ชุดพิเศษที่มาจากการแต่งตั้งจาก คสช. จึงส่งผลให้เกิดข้อครหาถึงความได้สัดส่วนของอำนาจ ที่มา และการถ่วงดุลอำนาจทางการเมืองหลังการรัฐประหาร 2557 จนถึงปัจจุบัน
iLaw ได้ชี้ปัญหาออกมาว่า
พระมหากษัตริย์ถูกเขียนให้มีพระราชอำนาจจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคล สถานะของพระมหากษัตริย์กับการเมืองไทยเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาอย่างยาวนาน ดังนั้นการระบุขอบเขตของพระราชอำนาจและความสัมพันธ์ระหว่างพระมหากษัตริย์กับอำนาจอื่น ๆ ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจึงเป็นเรื่องสำคัญ อย่างไรก็ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ได้กำหนดพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์เพิ่มกว่ารัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้า
รัฐธรรมนูญ 2540 รัฐธรรมนูญ 2550 และรัฐธรรมนูญ 2560 ระบุพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์เอาไว้เหมือนกันว่า มีพระราชอำนาจสถาปนาฐานันดรศักดิ์และพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และแต่งตั้งหรือสั่งให้ราชการในพระองค์พ้นจากตำแหน่งใดตามพระราชอัธยาศัย อย่างไรก็ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ย้ายพระราชอำนาจในการเรียกคืนเครื่องราชฯ มาไว้ในรัฐธรรมนูญหมวดพระมหากษัตริย์ ซึ่งแต่เดิมอำนาจนี้จะอยู่ในรัฐธรรมนูญหมวดคณะรัฐมนตรีเท่านั้น
สิ่งสำคัญที่เกิดการปรับเปลี่ยนในรัฐธรรมนูญ 2560 จนกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจในระบบการเมือง คือ มาตรา 15 ที่ระบุให้การจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย ซึ่งเป็นการกำหนดพระราชอำนาจที่ไม่เคยมีปรากฏในรัฐธรรมนูญมาก่อน
การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลต่อเนื่องเมื่อพระราชบัญญัติระเบียบบริหารส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 เมื่อ 1 พฤษภาคม 2560 กำหนดให้โอนกิจการ อำนาจหน้าที่ และทรัพย์สิน ของหลายหน่วยงานไปยัง “ส่วนราชการในพระองค์” เช่น กรมราชองครักษ์ กระทรวงกลาโหมด้วย
ดังนั้นการแต่งตั้งหรือสั่งให้ราชการทหาร ตำรวจในพระองค์ของ ”กรมราชองค์รักษ์ “พ้นจากตำแหน่งใดตามพระราชอัธยาศัย โดยรัฐธรรมนูญ 2560 ย้ายพระราชอำนาจในการเรียกคืนเครื่องราชฯ มาไว้ในรัฐธรรมนูญหมวดพระมหากษัตริย์ ซึ่งแต่เดิมอำนาจนี้จะอยู่ในรัฐธรรมนูญหมวดคณะรัฐมนตรีเท่านั้น
การจัดการปฏิรูป แก้ไข กำจัดต้นไม้พิษ เพื่อให้มีรัฐธรรมนูญที่มีมาตรฐานสากล อันเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ จึงควรเป็นวาระแห่งชาติของประชาชนที่ต้องรวมศูนย์สามัคคีกัน โดยสงวนจุดต่างในประเด็นอื่น ๆ แล้วร่วมกันเพาะพันธุ์ต้นใหม่พันธุ์ใหม่ที่ให้ดอกผลหอมหวานมาปลูกแทนดอกผลที่เป็นพิษ
ไม่ใช่ประเด็นปลีกย่อยรายวัน หรือประเด็นปลายเหตุ ปลายน้ำ ที่มาวิวาทะและจิกตีกันเองอย่างเอาเป็นเอาตายกันในสื่อสังคม
รัฐธรรมนูญหรือต้นไม้พิษต้นนี้ เขียนขึ้นมาเพื่อให้คณะรัฐประหารสืบทอดอำนาจอย่างถาวร และรัฐสภากลายเป็นสภาไม้ประดับที่แสดงบทบาทแบบสภาปาหี่ หรือสภาลิเก แสดงจำอวด
ต้นตอปัญหาของชาติและประชาชนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เรื่องความยากจน ความเหลื่อมล้ำ การส่งเสริมกลุ่มทุนผูกขาดด้านพลังงาน และด้านอื่น ๆ ทำให้ค่าครองชีพสูง หนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือนสูง หนี้ภาครัฐสูงสุดกว่าทุกยุคสมัย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินไม่มี กระบวนการยุติธรรมเสื่อมถอย ไร้หลักนิติธรรมและนิติรัฐ คอรัปชั่นบาน ทุนผูกขาดกัดกินประเทศชาติ
มีการใช้อำนาจหน้าที่และกระบวนการยุติธรรมมาคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน ประชาชนถูกคุกคาม ผู้คิดต่าง ผู้บริสุทธิ์ ถูกจับกุมคุมขัง ถูกรังแก ถูกข่มขู่ อย่างไม่คำนึงถึงกระบวนการยุติธรรมและหลักนิติธรรม และหลักนิติรัฐโดยอ้างกฎหมายหลายฉบับที่ออกตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ รวมทั้งมาตรา 112 ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ หรือมาตรา 116 ในกฎหมายวิอาญา และอีกหลายมาตรา จึงเกิดความเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า เพราะมีการอ้างกฎหมายเหล่านี้มาฟ้องร้อง จับกุม คุมขัง เยาวชนและประชาชนจำนวนมากที่ใช้สิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตยและเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน
รัฐบาลที่จัดตั้งด้วยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จึงไม่ได้มาตามจำนงของประชาชน แต่เป็นรัฐบาลตามเจตจำนงของต้นไม้พิษ
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลลัพธ์ของ รัฐธรรมนูญปี 60 ซึ่งเป็นต้นไม้พิษ! ผลิดอกออกผลเป็นผลไม้พิษ...
รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่ปลูกโดย คสช.เปรียบเสมือนต้นไม้พิษที่ผลิดอกออกผลมา นอกจากขี้เหร่ ไม่สวย และน่าเกลียด หากกินแล้วยังเกิดพิษและโรคร้ายแรงเรื้อรังอีกด้วย
รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้เขียนขึ้นมาโดยกำหนดเงื่อนไขการแก้ไขในสภาแทบจะทำไม่ได้เลย คือ การแก้ไขต้องได้รับการเห็นชอบจากเสียงของวุฒิสมาชิกที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร 2 ใน 3 กลายเป็นรัฐธรรมนูญถาวรแห่งชาติ
นั่นคือ กฎหมายที่เป็นฐานในการใช้อำนาจทางการเมืองเกือบทุกฉบับ ที่มาจากรัฐธรรมนูญนี้
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ ประกาศและคำสั่ง คสช. ฯลฯ ต่างก็เขียนขึ้นโดยคนของ คสช. และประกาศใช้โดยองค์กรของ คสช.
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและกรรมการในองค์กรอิสระแทบทั้งหมด ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติงานของภาครัฐ และการคอรัปชั่น ก็แต่งตั้งคนของตนเข้าไปเพื่อทำหน้าที่ปกป้องกลุ่มรัฐประหาร และต้นไม้พิษ
วุฒิสมาชิกจำนวน 250 คน ซึ่งต้องทำหน้าที่ถ่วงดุลและตีความบังคับใช้กฎหมาย ลงมติให้ผ่านกฎหมาย หรือคัดค้านกฎหมาย และลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ต่างก็มาจากระบบการคัดเลือกภายใต้อำนาจของ คสช. จึงกลายเป็นระบบกฎหมายแบบ “ชงเอง กินเอง”
ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างเป็นกลางเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนตามบทบาทและหน้าที่
การใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี มติของสมาชิกรัฐสภา ที่มีวุฒิสภามาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร เพื่อมาค้ำรัฐบาลให้อยู่ได้ตลอดไป ไม่ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ของพรรคฝ่ายค้าน ทั้งหมดนี้เป็นดอกผลมาจากต้นไม้พิษ ที่เป็นพิษต่อระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์และเป็นธรรม
มีการประมูล และอนุมัติโครงการสัมปทานทรัพยากรธรรมชาติ ระบบคมนาคมขนส่งทั้งระบบรางและมอเตอร์เวย์ให้กับกลุ่มทุนผูกขาดในเครือข่ายอำนาจมารีดเลือดกับปูในราคาแพง
มีการโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการระดับสูง ที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นระบบพรรคพวก ข้าราชการที่ดีถูกกดหัว ไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งสร้างความไม่เป็นธรรม สร้างการมี 2 มาตรฐาน
มีการใช้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคการเมือง อนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล และตัดสิทธิทางการเมืองของสมาชิกพรรคจำนวนมากตลอดชีพ แม้ว่าได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชน
มีการใช้อำนาจบริหารแบบเบ็ดเสร็จ คุกคามประชาชนด้วยกฎหมายมาตรา 116, 112, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ขัดกับหลักนิติธรรมและมาตรฐานสากล โดยห้ามประกันตัวในระหว่างพิจารณาคดี ทั้ง ๆ ที่ศาลยังไม่ได้ตัดสินว่ามีความผิด ซึ่งเป็นผลพวงของต้นไม้พิษผลหนึ่งในหลาย ๆ ผล
เกิดปัญหาเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม ความไม่โปร่งใส ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลลัพธ์ของผลไม้พิษ
โดยสรุป คือ โครงสร้างส่วนบนทั้งหมดที่ดำรงอยู่ ที่สร้างปัญหาให้บ้านเมืองในทุกวันนี้ ล้วนมาจากผลไม้พิษต้นนี้
ทางออกที่จะให้ความสงบสุขกลับคืนมา เพื่อให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าอย่างมีอนาคต คือ ต้องถอนต้นไม้พิษ นำผลไม้พิษทั้งหลายไปฝังกลบในที่ปลอดภัย หรือรีไซเคิล แล้วปลูกต้นใหม่ที่คัดเลือกพันธุ์อย่างดีมาแล้วจากเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ทุกภาคส่วน ทุกวัย มีส่วนร่วมในการปรับปรุงคัดเลือกพันธุ์ต้นไม้ใหม่ที่เป็นพันธุ์ยืนต้น ที่ให้ดอกผลหอมหวาน ที่ประชาชนกินอิ่มท้อง
ต้นไม้พันธุ์ใหม่ต้องคืนอำนาจในการเลือกฝ่ายบริหาร คือนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดทางตรง
ต้องจัดการเลือกตั้งองค์กรอิสระ และศาลรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งหมด โดยกระบวนการที่โปร่งใสและประชาชนมีส่วนร่วมในการรับรอง และร่วมคัดเลือก
ไม่ใช่ต้นไม้พิษพันธุ์ที่ให้ดอกผลกินแล้วป่วย ท้องไส้เสียแบบต้นที่ปลูกในปี 2560
นี่คือบทบาทของวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้ง บทบาทของ สสร.ที่มาจากการเลือกตั้ง นี่คือบทบาทของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง
นี่คือข้อเรียกร้องและวาระแห่งชาติของภาคประชาชน.

 

สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท.  โปรดคลิ๊ก