บันทึก :-   น้ำท่วมหลวงน้ำทา…คะนึงถึง 5/1 หรือ เอ 30

โดย…แสนใชย พนมเขตต์


เมื่อชื่อเมืองหลวงน้ำทาผุดขึ้นมากับข่าวน้ำท่วมใหญ่เมื่อเช้าวันนี้ ก็ทำให้ภาพแห่งความทรงจำในสมัยเมื่อผ่านไปพื้นที่นี้เมื่อ 46-47 ปีก่อนผุดขึ้นมาอีกครั้ง


แขวงหลวงน้ำทาทางตะวันออกอยู่ติดกับแขวงไชยะบุรีที่มีศูนย์กลางชื่อเมืองไซ และติดกับชายแดนจีนสิบสองปันนาเขตอำเภอเมืองลาทางตอนเหนือ


เมื่อเอ่ยถึงเมืองไซหลายคนก็อาจคุ้นหูเพราะคงเคยผ่านตาจากบันทึกของหลายท่านที่เคยผ่านเส้นทางนี้มักจะกล่าวถึง


หากยังไม่คุ้นเคยกับชื่อเมืองเหล่านี้ ก็ยกชื่อของสำนัก 5/1 หรือเอ 30 ขึ้นมา แม้หลายท่านจะไม่ได้ผ่านไปก็คงพอคุ้น เพราะคงจะเคยได้ยินชื่อสำนักนี้จากที่มีการกล่าวถึงในบันทึกประวัติศาสตร์ประชาชนฉบับต่างๆ


สำนักนี้เรียกชื่อตามโรงเรียนการเมืองการทหารที่เคลื่อนย้ายมาจากสถานที่ติดชายแดนจีนลงมา ต่อมาก็เป็นสำนักผ่านทางสำหรับคนเข้าออกแนวหลังผ่านลาวและที่จะกระจายเดินทางไปปฏิบัติงานตามที่ต่างๆ ในประเทศ ต่อมาเมื่อเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ขึ้นก็กลายเป็นสำนักแนวร่วม สำนักหน่วยศิลป์ สำนักผ่านทางที่มีนักเรียนนักศึกษาประชาชนเคยผ่านไปจำนวนมาก จึงมีชื่อเรียกว่า 5/1 หรือเอ 30 ปนๆ กันไป แต่ที่ตั้งก็อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน


สถานที่ตั้งของสำนักนี้ปัจจุบันอยู่บริเวณบ้าน นาหม้อ (Na Mor ในแผนที่) หากดูตามเส้นทางจากบ้านนาหม้อขึ้นไปทางเหนือจะผ่านนาเตยซึ่งเป็นสามแยกเลี้ยวซ้ายไปเมืองหลวงน้ำทา ตรงจุดนี้เป็นด่านสินค้าระหว่างลาว-จีนมาแต่เดิม


ผู้เขียนได้ผ่านไปที่สามแยกนี้เมื่อต้นเดือนเมษายน พ.ศ.2521 ระหว่างที่รอรถอยู่ที่เพิงตรงสามแยก จำได้ว่าฝั่งตรงข้ามเป็นลานกว้างมีเรือนมุงด้วยหลังคาแผ่นยางแอสฟัลต์หลายหลัง และมีรถบรรทุกจอดอยู่หลายคัน แล้วมีรถจิ๊บทหารจีนวิ่งมาสองคัน คนขับสวมถุงมือสีขาวดูสะดุดตามาก กระจกหลังมีม่านสีขาว พอผ่านมาเห็นพวกเราที่ยืนพิงกระดานของเพิงอยู่ คนข้างหลังก็เปิดม่านออกมาดูพวกเรา แล้วคงมีคนในรถพูดว่าว่าน่าจะเป็นพวกพรรคไทย ผมยังเห็นคนในรถพยักหน้า ทำให้คิดว่าน่าจะเป็นสหายนำของทางจีน


ด่านนาเตยถูกใช้เป็นด่านศุลกากรชายแดนระหว่างลาวกับจีน สินค้าทุกอย่างต้องมาตรวจชำระภาษีทั้งเข้าและออกที่นี่


ต่อจากนาเตยคือด่านบ่อเตน เป็นด่านตรวจคนเข้าเมืองอยู่ไม่ห่างกันมากนัก เมื่อข้ามจากด่านนี้ก็จะเข้าสู่ด่านของทางจีนเรียกว่าบ่อหาน


จากบ่อหานก็จะถึงเมืองลาอำเภอหนึ่งของสิบสองปันนาที่อยู่ใต้สุดของแผ่นดินใหญ่จีน คนที่เคยผ่านเข้าจีนจะได้พักที่โรงเรียนเด็กน้อยได้ขัดสีฉวีวรรณและอาบน้ำอุ่นเป็นครั้งแรกหลังจากอยู่ป่ามา เย็นๆ มีโต๊ะกลมทานอาหารแบบจีน และมีเด็กเล็กมาแสดงหรือร้องเพลงให้ฟัง ในปีนั้นมี นศ.วค.จากในเมืองหลายคนเป็นครูอยู่ที่นั่น


จากเมืองลาก็จะนั่งรถไปตามเส้นทางคดเคี้ยว ระยะแรกสองข้างทางจะเป็นต้นขี้เหล็ก จากนั้นจะผ่านสวนยางใหญ่เป็นระยะๆ แล้วก็ถึงเมืองเชียงรุ่งสิบสองปันนาซึ่งหน่วยหมอเภสัชเคยมาเรียนภาษาจีนกันที่นี่ หน่วยศิลป์ก็เคยมารวมพลเรียนดนตรีกันที่นี่พักหนึ่ง


จากนั้นก็จะเดินทางด้วยรถยนต์ไปตามเส้นทางคดเคี้ยวอีก ไปยังเมืองซือเหมาที่ปัจจุบันกลับมาเรียกว่าผูเอ่อร์ ก่อนโดยสารเครื่องบินไปยังคุนหมิงตามภารกิจของแต่ละคณะ

 

โปรดติดตามและมีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท.  โปรดคลิ๊ก