นัยยะสำคัญของ “ชนพื้นเมืองดั้งเดิม”
เขียนโดย ชลธิรา สัตยาวัฒนา
9 สิงหาคม ถือเป็นวันชนพื้นเมืองดั้งเดิมของโลก ในทางสากล (International Day of the World’s Indigenous People)
“ชนพื้นเมืองดั้งเดิม” (indigenous people) มีหลากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ สัดส่วนถึงร้อยละ 6.2 ของประชากรโลก และมีภาษาพูดเท่าที่สำรวจได้โดยวงการภาษาศาสตร์ขึ้นทะเบียนไว้กว่า 7,000 ภาษา (ถือเป็นภาษาย่อยของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ)
ในประเทศไทย มี “กลุ่มชาติพันธุ์” เฉพาะที่ขึ้นทะเบียนกับ “สภาชนเผ่าพื้นเมืองประเทศไทย” มากกว่า 40 กลุ่มชาติพันธุ์ ในจำนวนนี้ ดูเหมือน ว่าจะยังไม่มีการจำแนกชัดเจนเท่าไรนักว่า กลุ่มชาติพันธุ์ใดเป็น “กลุ่มชนพื้นเมืองดั้งเดิม”
ข้อความในวรรคข้างต้น มีคำเรียกต่างกันถึง 3 คำ คือ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มชนพื้นเมืองดั้งเดิม และ ชนเผ่าพื้นเมือง (ที่มีการจัดตั้งระดับ “สภา” และระบุว่าเป็นองค์กรระดับสภาในประเทศไทย)
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ?
เหตุเป็นเช่นนี้ เพราะแต่ละ “ชุดคำ” ล้วนมีนัยยะสำคัญ มีความหมายระดับต่างๆกัน และมีปัญหา “การเมือง” เรื่องสิทธิกับผลประโยชน์เรื่องทำเล ที่ทำกิน และโภคทรัพย์เข้ามาเกี่ยวข้อง
เมื่อไม่นานมานี้เอง นักวิชาการด้านภาษาศาสตร์บางสำนัก ที่จัดว่ามี “Authority” ได้ชี้ชัดว่า
- “กลุ่มชาติพันธุ์” ชุดคำนี้มีความหมายเป็นกลางๆ ควรใช้ได้ในความหมายทั่วไป
- “กลุ่มชนพื้นเมืองดั้งเดิม” ชุดคำนี้ในทางนิตินัยมีความหมายเฉพาะ และมีแนวปฏิบัติอันถือเป็นกติกาในทางสากลด้วย เนื่องจาก องค์การสหประชาชาติให้การ รับรอง “สิทธิชนพื้นเมืองดั้งเดิม” ในฐานะที่เป็นผู้อยู่มาก่อน ประเทศภาคีสมาชิกที่ได้ลงนามร่วมกันในปฏิญญาว่าด้วยสิทธิชุมชนพื้นเมืองดั้งเดิม จึงต้องพิทักษ์และรับรองสิทธิของ “กลุ่มชนพื้นเมืองดั้งเดิม” ในด้านที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน หมายถึงแหล่งทรัพยากร เช่น ที่ดินทำกิน เรือกสวนไร่นา แหล่งน้ำแหล่งปลา รวมถึง “ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ” เช่น เหมืองแร่ เหมืองทอง รัตนมณี แก๊สธรรมชาติ ฯลฯ
- “กลุ่มชนเผ่าพื้นเมือง” ชุดคำนี้ในราวสองสามทศวรรษที่ผ่านมา กลายเป็น “ความนิยมใช้” ในสังคมไทย ทั้งๆ ที่ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ได้ประกาศรับรอง “สิทธิชุมชนพื้นเมืองท้องถิ่นดั้งเดิม” ไปแล้ว โดยไม่มีคำว่า “ชนเผ่า” ใช้ในรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 เหตุเพราะการต่อสู้เพื่อ “สิทธิชุมชน” ได้ยกระดับขึ้นสู่กระแสสูงสุดในช่วงเวลานั้น แต่เมื่อมีรัฐประหารตามมาหลายครั้ง การยกเลิกการใช้รัฐธรรมนูญฉบับที่จัดว่า “ก้าวหน้า” ในเชิง “สิทธิ” มากที่สุดฉบับหนึ่งของประเทศไทย ก็มีอันเป็นไปให้สะดุดและลดน้อยถอยลงเป็นลำดับในเชิงของ “สิทธิ” ชุมชน ไม่ว่าจะเป็นชุมชนลักษณะใด
คำว่า “ชนเผ่า” และ “ชนเผ่าพื้นเมือง” กลับเข้ามามีบทบาทมากขึ้นอย่างน่าสังเกต อาจเพื่อใช้ในการต่อรองเพื่ออ้าง “ความมีตัวตน” และยกระดับการจัดตั้งโครงสร้างขึ้นเป็นระดับ “สภาชนเผ่า” เช่นในปัจจุบัน ทั้งๆ ที่คำว่า “ชนเผ่า” (Tribal society) ทั้งในความหมายทั่วไปและในทางทฤษฎีพัฒนาการสังคมมนุษย์ มีความหมายในเชิงด้อยค่า ลดระดับความเป็นจริงของวิถีพัฒนาสังคมชุมชนหลายกลุ่มชาติพันธุ์ที่ไปไกลกว่า “วิถีชนเผ่า” (แบบบรรพกาล) ไปแล้ว คำว่า “ชนเผ่า” จึงมีนัยยะกีดกันทางชาติพันธุ์ไปในตัว (Ethnic discrimination)
ความท้าทายร่วมสมัยที่กำลังเผชิญหน้าอย่างมีนัยยะสำคัญ เช่น วัฒนธรรมและภาษาของชนพื้นเมืองกำลังเสี่ยงต่อการสูญหาย; ระบบห่วงโซ่อาหารดั้งเดิมของชนพื้นเมืองกำลังถูกคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผนวกกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจ; โอกาสในการพัฒนาชีวิต ทั้งเรื่องสาธารณูปโภคพื้นฐาน การศึกษา สถานะทางทะเบียนและสิทธิในที่ดินทำกิน กำลังลดน้อยถอยลงเป็นลำดับ ฯลฯ
การให้ความสำคัญกับชนพื้นเมืองดั้งเดิมทั่วโลกอย่างเท่าเทียม เป็นภารกิจที่ประชาคมโลกจำเป็นต้องให้ความสนใจและร่วมคิดหาแนวทางในการช่วยเหลือและหนุนเสริมสถานภาพอย่างเหมาะสม บนพื้นฐานของการเคารพสิทธิมนุษยชน ไม่ละเมิดสิทธิชุมชน สิทธิในการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชุมชน การจัดการสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม รวมถึงสิทธิในการกำหนดเจตจำนงตนเอง เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับ “ปฏิญญาสหประชาชาติ” ว่าด้วย ‘สิทธิชนพื้นเมืองดั้งเดิม’ ที่ให้ความเคารพต่อภูมิปัญญา วัฒนธรรม และการปฏิบัติตามจารีตประเพณีของชนพื้นเมืองดั้งเดิมและทุกกลุ่มชาติพันธุ์ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
การต่อสู้เพื่อช่วงชิงความมี “ตัวตน” ของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ กำลังดำเนินไปอย่างมีชีวิตชีวาและเข้มข้น การปรับปรนตนเองเข้าสู่กรอบมโนทัศน์ของการเป็นส่วนหนึ่งของ “รัฐชาติ” กำลังเป็นที่จับตาและเป็นเป้าหมายการช่วงชิงของกลุ่มการเมืองและพรรคการเมืองต่างๆ
การทำความเข้าใจ “ตัวตน” ของแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์อย่างลึกซึ้ง เพื่อการก้าวต่อไปอย่างมีทิศทางและอย่างมีศักดิ์ศรีของแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ จึงมีความจำเป็นเฉพาะหน้าอันน่าจะทบทวน ขบคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ เพื่อย่างก้าวที่มั่นคงในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองของสังคมไทย
ชลธิรา สัตยาวัฒนา
9 สิงหาคม 2024
On International Day of the World’s Indigenous People