บทความใหม่รอบเดือน

 

ละคอนแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560


สัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน เกิดปรากฏการณ์สภาล่ม 2 วันติดกัน ของการประชุมร่วมสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2560 ตามมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 เปิดทางให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ตามร่างของพรรคประชาชน และร่างของพรรคเพื่อไทย.
สภาล่ม เพราะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสมาชิก ลงชื่อเข้าร่วมการประชุมไม่ครบองค์ประชุม.
หลังสภาล่ม แกนนำพรรคเพื่อไทยคนสำคัญคนหนึ่งที่เสนอนับองค์ประชุม เพื่อให้สภาล่มคือหมอชลน่าน ศรีแก้ว และแกนนำอีกคนคือนายสุทิน คลังแสง ได้ให้เหตุผลว่า พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องทำให้สภาล่ม เพราะถ้าให้สภาเปิดอภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป ทั้งที่ทราบดีว่าจะไม่สามารถผ่านการรับรองของรัฐสภา จะทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญตกไป ประดุจคนที่รู้ว่าจะเดินตกเหว แต่ยังเดินต่อไป จึงจำเป็นต้องหาวิธีเดินทางอ้อม เพื่อให้ร่างรัฐธรรมนูญยังมีโอกาสผ่านการพิจารณารับรองของรัฐสภาในอนาคต.
แกนนำพรรคภูมิใจไทย และวุฒิสมาชิกสายสีน้ำเงิน ให้เหตุผลด้วยการแสดงความวิตกกังวลว่าการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจจะผิดขั้นตอนกฎหมาย จึงไม่ขอร่วมสังฆกรรมการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ.
ขณะที่สมาชิกวุฒิสภาบางท่านเสนอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า รัฐสภาสามารถพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนการลงประชามติขอเสียงรับรองจากประชาชนหรือไม่ ซึ่งกลับไปสู่ข้อวิวาทะว่าการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญต้องผ่านการลงประชามติ 2 หรือ 3 ครั้ง.
แกนนำพรรคประชาชนแถลงให้สัมภาษณ์ว่า การอภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถทำได้ โดยไม่จำเป็นต้องลงมติรับ หรือไม่รับหลักการในวันเดียวกัน เพราะประธานรัฐสภาคืออาจารย์วันนอร์ได้บรรจุวาระการอภิปรายเข้าสภาแล้ว และกำลังจะเปิดให้คุณพริษฐ์ วัชรสินธุ์ อภิปรายเหตุผลการเสนอร่างกฎหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่นายแพทย์ชลน่านกลับแทรกเสนอให้นับองค์ประชุม แสดงเจตจำนงชัดเจนว่าต้องการให้สภาล่ม เพื่อยุติการอภิปรายของ สส. พริษฐ์.
พรรคประชาชนมุ่งมั่นให้ สส. พริษฐ์ ได้อภิปรายเพื่อชี้แจงเหตุผลการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ทำไมต้องแก้ไข และแก้ไขแล้ว ประชาชนได้ประโยชน์อะไร และเป็นการใช้เวทีรัฐสภาเพื่อประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแง่มุมต่าง ๆ สะท้อนให้ประชาชนได้รับรู้ และตัดสินใจต่อไป.
บทบาทพฤติกรรมของแต่ละพรรคการเมืองในรัฐสภา โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ได้เกิดข้อกังขาขึ้นมาว่า
1. พรรคเพื่อไทยมีความจริงใจในการผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 ตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธารได้แสดงบทบาทเอาการเอางานในการพูดคุยทำความเข้าใจ และขอการสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้สัมภาษณ์ว่านายกรัฐมนตรีไม่เคยปรึกษาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคร่วมรัฐบาลเลย.
2. ยุทธวิธีเดินทางอ้อม เพื่อรักษาชีวิตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้คงอยู่ต่อไป จะเดินอย่างไร พรรคเพื่อไทยมีปฏิบัติการใดที่จะขอรับการสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาล และวุฒิสมาชิกต่อไป มีขั้นตอนอย่างไร และใครจะเป็นเจ้าภาพ ?
3. พรรคเพื่อไทยมีกำหนดเวลาไหมว่าจะผลักดันพรรคร่วมรัฐบาลให้หันมาสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระการประชุมนี้ หรือวาระการประชุมสมัยหน้า หรือปีหน้า


คาดการณ์ได้ว่า จนถึงขณะนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 จะไม่สามารถทำได้ทันการเลือกตั้งใหญ่ตามวาระในปี 2570 เหมือนกับพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีเจตนาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง พฤติกรรมการแสดงออกในสภาสะท้อนภาพของการหน่วงเหนี่ยวฉุดรั้งกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สภานิติบัญญัติแห่งชาติไม่แสดงบทบาทในการถ่วงดุลอำนาจอธิปไตย 3 ด้าน ปล่อยให้ศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้มีที่มาจากประชาชนโดยตรง มีอำนาจชี้ขาดกำหนดความเป็นความตายของระบอบการเมืองไทย.
ประชาชนเรา นอกจากต้องติดตามการแสดงละคอนโรงใหญ่ของพรรคร่วมรัฐบาล, รัฐสภา และตุลาการศาลต่าง ๆ ตลอดจนองค์กรอิสระทั้งปวงอย่างใกล้ชิด เพื่อตระหนักถึงธาตุแท้ของตัวแสดงแต่ละตัวที่เกี่ยวข้อง ประกอบการตัดสินใจ เมื่อมีโอกาสในการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึงในไม่ช้า.

 

สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก  

 


whitebanner