บทความใหม่รอบเดือน
ให้กระบวนการประชาธิปไตยได้ทำงานตามระบบ
การเผยแพร่คลิปการสนทนาส่วนตัวระหว่างนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร กับสมเด็จฮุนเซน ประธานรัฐสภากัมพูชา ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อบ่ายวันพุธที่ 18 มิถุนายน ได้สร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ต่อเสถียรภาพของรัฐบาลแพทองธาร.
บทสนทนาสะท้อนความอ่อนหัดอ่อนด้อยประสบการณ์ การขาดวุฒิและปัญญาภาวะของผู้นำไทย หวังอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวของตระกูลชินวัตร กับตระกูลฮุน มาอ้อนฮุนเซน เพื่อยุติความขัดแย้งทางชายแดนไทย-กัมพูชา มีการใช้คำพูดที่ทำให้เสื่อมเสียศักดิ์ศรีเกียรติภูมิของประเทศ ซ้ำยังตำหนิผู้บัญชาการทหารไทย และแสดงตนเป็นฝ่ายตรงข้ามทหารไทย เอาอกเอาใจสมเด็จฮุนเซน.
ระเบิดจากคำพูดในบทสนทนาของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ทำให้มีทางออกทางการเมือง 2 ทาง คือ
- นายกรัฐมนตรีแพทองธารควรลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความรับผิดชอบ รักษาไว้ซึ่งเกียรติยศเกียรติภูมิของประเทศไทย เมื่อลาออกแล้ว หากพรรคเพื่อไทยยังได้รับการสนับสนุนเป็นพรรคการเมืองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ก็สามารถเสนอตัวคุณชัยเกษม นิติศิริ แคนดิเดตคนที่สามของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรีตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญปี 2560.
- นายกรัฐมนตรีแพทองธารอาจเลือกยุบสภาผู้แทนราษฎร เปิดโอกาสให้ประชาชนไทยได้ใช้สิทธิทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยเลือกตั้งพรรคการเมืองที่จะสามารถปกครองประเทศได้อย่างสง่างาม หากพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอีกวาระหนึ่ง แพทองธารย่อมกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยหนึ่งได้.
อย่างไรก็ดี เวลานี้เศรษฐกิจของประเทศกำลังตกต่ำถดถอยอย่างรุนแรง สภาพฝืดเคืองปรากฏให้เห็นโดยทั่วไป งบประมาณรัฐบาลปี 2568 – 2569 จำนวน 3.8 ล้านล้านบาท ยังอยู่ในวาระการแปรญัตติในสภาผู้แทนฯ งบประมาณบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจ 157,000 ล้านบาท ยังรอการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี การปรับคณะรัฐมนตรียังอยู่ในกระบวนการเจรจาวางบุคลากรลงในตำแหน่งรัฐมนตรีต่าง ๆ ภายหลังพรรคภูมิใจไทยลาออกจากการร่วมรัฐบาล การโยกย้ายข้าราชการ โดยเฉพาะในกระทรวงมหาดไทย เพื่อชิงความได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ยังไม่ได้ดำเนินการ ตลอดจนร่างกฏหมายเอนเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ยังรอการเสนอเข้าสภาฯ.
จึงเป็นไปได้มากว่า รัฐบาลแพทองธาร และพรรคเพื่อไทยจะพยายามหน่วงเวลาในการเป็นรัฐบาลอย่างน้อยก็อีกระยะเวลาหนึ่ง เพื่อเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งต่อไป.
ขณะเดียวกัน คาดการณ์ได้ว่าพลังฝ่ายอนุรักษ์นิยม และทหารจะปฏิบัติการไอโออย่างเข้มข้น กระหน่ำโจมตีรัฐบาลเพื่อไทยและแพทองธารอย่างหนักหน่วง ประสานหนุนกับการทำนิติสงคราม อาศัยองค์กรอิสระทั้งหลายบรรดามี ขัดขวางบ่อนเซาะทำลายเสถียรภาพรัฐบาล ภายในสภาผู้แทนฯ ก็สร้างความปั่นป่วน เพื่อแสดงว่ารัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศต่อไปได้ รวมทั้งอาศัยการปลุกระดมมวลชนลงสู่ท้องถนนเพื่อขับไล่รัฐบาลแพทองธาร และพรรคเพื่อไทย หวังปูทางสู่การทำรัฐประหารอีกวาระหนึ่ง.
พลังมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยจึงควรมีสติและมีหลักคิดที่ถูกต้อง ในการวิเคราะห์กลั่นกรองเรื่องราวการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นต่อไป โดยยึดถือหลักการประชาธิปไตย ดังนี้
- การที่ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย แม้ไม่เต็มใบ และมีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญครอบงำวิถีการเมืองไทย ก็ยังดีกว่าไม่มีประชาธิปไตย ภายใต้การปกครองของทหาร เหมือนเช่นทศวรรษที่สูญหายภายใต้การปกครองของพลเอกประยุทธ ที่ไม่มีการตรวจสอบ และไม่สามารถตรวจสอบความโปร่งใสความซื่อสัตย์สุจริตของบุคลากรและหน่วยงานราชการต่าง ๆ การแต่งตั้งพวกพ้องนายทหารเข้ารับตำแหน่งสำคัญในรัฐวิสาหกิจ เพื่อแสวงผลประโยชน์จากวิสาหกิจที่มีกำไรมหาศาลต่อปี.
อย่าลืมว่า ทหารมีไว้เพื่อปกป้องประเทศ ไม่ใช่ปกครองประเทศ ตามข้อเสนอของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ทหารไม่ได้รับการอบรม และไม่มีประสบการณ์ในการปกครองประเทศ ขยะใต้พรมของรัฐบาลประยุทธได้ปรากฏให้เห็นเป็นระยะๆ ดังกรณีตึก สตง. ถล่ม, การซื้อตึกสกายไนน์ในราคาที่แพงกว่าราคาประเมินที่เป็นจริง จากสามพันกว่าล้านบาท เป็นเจ็ดพันล้านบาท.
- การชื่นชมสนับสนุนยกย่องทหารในการปกป้องอธิปไตย บูรณะภาพเหนือดินแดน เกียรติยศ ศักดิ์ศรีของประเทศ เป็นสิ่งที่ทำได้ และสมควรทำเมื่อทหารได้แสดงบทบาทปกป้องประเทศอย่างเข้มแข็งจริงจัง แต่การยกย่องเชิดชูควรอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม ไม่ควรตามกระแสการปลุกระดมของไอโอกองทัพ ซึ่งแอบแฝงนัยยะนำสู่การทำรัฐประหารของกองทัพไทย ตลอดจนการลงสู่ท้องถนนตามคำปลุกระดมของแกนนำฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่มุ่งทำลายรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน.
- มีความเป็นไปได้ที่พรรคเพื่อไทยจะเลือกเส้นทางเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี เป็นคุณชัยเกษม นิติศิริ และจัดตั้งรัฐบาลตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ และคาดการณ์ต่อไปได้ว่ารัฐบาลที่ตั้งขึ้นใหม่จะอยู่ในอำนาจไม่ได้นาน ก่อนจะมีการเลือกตั้งใหม่ เวลานี้ พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลยังไม่มีความพร้อมในการเลือกตั้ง การจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลได้แสวงผลประโยชน์เพื่อเป็นทุนทรัพย์ในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งต่อไป.
พลังฝ่ายประชาชนจึงต้องจับตา ติดตามการเสนอนโยบาย และการดำเนินนโยบายของรัฐบาลใหม่อย่างใกล้ชิด ร่วมกันขุดคุ้ยเปิดโปงเมื่อพบเห็นความไม่ชอบมาพากลในการบริหารราชการแผ่นดิน อันอาจนำไปสู่การทุจริตคอรัปชั่น.
- ที่สำคัญคือต้องไม่เป็นเครื่องมือของฝ่ายทหาร และกลุ่มพลังอนุรักษ์ต่าง ๆ ที่หวังทำลายการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ปูทางสู่รัฐประหาร และการเผด็จอำนาจของกองทัพไทยอีกวาระหนึ่ง ประเทศไทยสูญเสียเวลา เสียหายกับการทุจริตคอรัปชั่นที่ไร้การตรวจสอบ เศรษฐกิจถดถอยตกต่ำมาอย่างยาวนาน จนกลายเป็นประเทศที่เติบโตทางเศรษฐกิจรั้งท้ายในกลุ่มประเทศอาเซียน.
สมควรให้โอกาสกระบวนการประชาธิปไตยได้ทำงานตามระบบที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป.
สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก