บันทึกเรื่องล้ำในไพรลึก ตอนที่ 3....“สหายไฟ ผู้จุดไฟ สปท.”

ชลธิรา สัตยาวัฒนา

“เดือนเพ็ญ… แสงเย็นเห็นอร่าม
นภาแจ่มนวลดูงาม
เย็นยิ่งหนอยามเมื่อลมพัดมา
แสงจันทร์นวลชวนใจข้า
คิดถึงถิ่นที่จากมา
คิดถึงท้องนาบ้านเรือนที่เคยเนา”
ความรับรู้ความเข้าใจที่มีต่อเพลง “คิดถึงบ้าน” ประพันธ์เนื้อร้องและใช้ทำนองเพลง ‘พม่าเห่ ๒ ชั้น’ (ท่อนแรก) โดย อัศนี พลจันทร มิได้มีปัญหาเพียงเฉพาะด้านเนื้อเพลงที่ ‘บอกเพลง’ ต่อ ๆ กันมา (เฉกเช่นเพลงพื้นบ้านแนวมุขปาฐะแต่ดั้งเดิม) จนบางถ้อยคำอันเป็น ‘กวีวัจนะ’ ผิดเพี้ยนหรือหลากเลื่อนไป ดังที่กล่าวมา เช่น
จาก “เดือนเพ็ญ แสงเย็นเห็นอร่าม” เป็น “เดือนเพ็ญ สวยเย็นเห็นอร่าม” และ
จาก “บอก เขา น้ำ นา” กลายเป็น “บอก เขานะนา”
แม้แต่ ‘ที่มาที่ไป’ ของเพลงนี้ก็ยังเป็น ‘ปริศนาไขว้’ กันไปมา ชวนให้ต้องขบคิดไขข้อข้องใจอีกไม่รู้แล้ว…
ปรัศนีของอัศนี พลจันทร ถอดรหัสจากกรณีเพลง “คิดถึงบ้าน”
ในขณะที่คุณโกลิศ พลจันทร ลูกชายของ “นายผี ~ อัศนี พลจันทร” ให้สัมภาษณ์ทบทวนความทรงจำว่า ‘คุณพ่อ’ แต่งเพลง “คิดถึงบ้าน” ที่กรุงปักกิ่ง โดยที่คุณโกลิศก็อยู่ที่นั่นด้วยนั้น ข้อมูลที่เผยแพร่เป็นทางการจากฝ่ายผู้เคยร่วมงานสถานีวิทยุเสียงประชาชนแห่งประเทศไทย (สปท.) จัดพิมพ์โดย “กลุ่มเพื่อน สปท.” กลับระบุว่า อัศนี พลจันทร แต่งเพลงนี้ที่เวียดนาม ดังความว่า :
“ผลงานของ ‘สหายไฟ’ ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางอีกชิ้นหนึ่งในบรรดางานเขียนที่ทรงคุณค่ามากมายของท่านที่มอบให้กับวงการวรรณกรรม คือบทเพลงอมตะชื่อ “คิดถึงบ้าน” หรือที่รู้จักกันในเวลาต่อมาในชื่อเพลง “เดือนเพ็ญ” …
ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสหายไฟแต่งเพลงนี้ในวันที่เท่าไหร่ แต่สหายผู้ปฏิบัติงานใน สปท. ประมาณไว้ว่า น่าจะแต่งขึ้น ‘ก่อนเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2506 (ค.ศ.1963) ซึ่งเป็นช่วงที่สหายไฟอยู่ใน สปท.ที่เวียดนาม’ ก่อนที่จะย้ายไปปฏิบัติงานที่อื่น…” (กลุ่มเพื่อน สปท, ที่นี่ สปท. สำนักพิมพ์แสงดาว, 2565: น.56.)
สหายผู้เคยร่วมงาน สปท.ระยะบุกเบิก ระบุเงื่อนเวลาที่แต่งเพลงและพิกัดสถานที่ ขณะ ‘นายผี’ หรือ ‘สหายไฟ’ ปฏิบัติการสำคัญระดับองค์กรปิดลับของ พคท.ในประเทศเวียดนาม ไว้ราวกลางปี ค.ศ.1963 และยังให้ข้อมูลสถานที่และเวลาหลังจากเดินทางออกจากเวียดนามอย่างชัดเจนว่า :
“ด้วยความรู้ความสามารถทางอักษรศาสตร์ไทย และการแปลภาษาต่างประเทศของท่าน…เมื่อ ‘สหายไฟ’ ปฏิบัติงานที่ สปท.ได้ประมาณปีเศษ คือในปลายปี พ.ศ. 2506 (ค.ศ.1963) ท่านก็ได้รับภาระหน้าที่ใหม่จากพรรค (พคท.) ให้เดินทางไปเข้าร่วมกับสหายอีกสองท่านในทีมแปล “สรรนิพนธ์เหมาเจ๋อตง” ที่กรุงปักกิ่ง โดยมี ‘สหายนพ’ มารับช่วงการเป็น บรรณาธิการ สปท. แทนนับแต่นั้น” (กลุ่มเพื่อน สปท. อ้างแล้ว, หน้าเดียวกัน.)
นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวรองรับบริบทให้ภาพน่าเชื่อถือ ด้วยคำบอกเล่าจากสหายรุ่นบุกเบิก อ้างถึงเพลง “คิดถึงบ้าน” ด้วยว่า
“ต่อมาเพลงนี้ก็ได้กลายเป็นเพลงที่สหายหญิงใน สปท.หลายคนร้อง เพื่อคลายความคิดถึงบ้าน” (กลุ่มเพื่อน สปท. อ้างแล้ว, หน้าเดียวกัน.)
ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีความต่อท้ายด้วยว่า เพลง “คิดถึงบ้าน” ของ ‘สหายไฟ’ ได้รับใช้ในการ “ร้องบนเวที เมื่อมีงานเลี้ยงภายในสถานีในช่วงเวลานั้นอยู่บ่อย ๆ” (กลุ่มเพื่อน สปท. อ้างแล้ว, หน้าเดียวกัน.)
หากเป็นเช่นว่าจริง เรื่องเล่านี้ดูเหมือนจะชี้ชัดเจนด้วย ‘เหตุการณ์’ ในทำนองย้อนทวน ‘ความหลังครั้งหนึ่งยังจำได้’ โดยมีบริบทรองรับ สหายผู้ร่วมปฏิบัติการ สปท. รุ่นบุกเบิก ฟื้นความหลังสรุปความได้ว่า
ความทรงจำที่ 1 : ‘สหายหญิง’ ร้องกันเมื่อคิดถึงบ้าน
ความทรงจำที่ 2 : ได้มีการร่วม ‘ร้องเพลง “คิดถึงบ้าน” กันในงานเลี้ยงภายในของ สปท. ในห้วงเวลาที่ ‘สถานีวิทยุเสียงประชาชนแห่งประเทศไทย’ ระยะบุกเบิก ตั้งอยู่ ณ พื้นที่แห่งหนึ่งในประเทศเวียดนาม
หลักฐานจากความทรงจำโดยอ้างเหตุการณ์ต่างกรรมต่างวาระนี้ ชวนให้เชื่อถือได้ว่า ‘นายผี’ อัศนี พลจันทร แต่งเพลง “คิดถึงบ้าน” ที่ประเทศเวียดนามจริง
พิเคราะห์จากช่วงเวลาแล้ว ขณะนั้นเวียดนามยังอยู่ในภาวการณ์สงครามต่อต้านการยึดครองของลัทธิล่าอาณานิคมตะวันตก มิใช่ที่ปักกิ่ง เมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งดำเนินสงครามปฏิวัติปลดปล่อยประเทศได้สำเร็จแล้ว
ความข้อนี้ทำให้ลงความห็นเชิงพื้นที่ได้ แต่ก็ก่อให้เกิดคำถามเป็น “ปริศนา” ชุดใหม่ ให้ต้องขบคิดกันต่อไปอีก
หากเป็นเช่นว่านั้นจริง…ก็ค่อนข้างจะเป็นเรื่อง “แปลก” เอามาก ๆ หรือไม่ … ที่ใน “หนังสือปกขาว” ว่าด้วยเรื่องราวของ สปท. ไม่มีเพลง “คิดถึงบ้าน” ในส่วนของบัญชีรายชื่อเพลง และแน่นอนเมื่อเป็นเช่นนั้น...เนื้อเพลงก็ย่อมไม่ปรากฏ
“หนังสือปกขาว” เล่มสำคัญ อันมีชื่อว่า ที่นี่...สถานีวิทยุเสียงประชาชนแห่งประเทศไทย จัดทำโดย “กลุ่มเพื่อน สปท.” เล่มหนา ความยาวถึง 520 หน้า รายงานเรื่องราวประวัติของ สปท. ตั้งแต่เริ่มบุกเบิก ก่อตั้ง ปฏิบัติการ ระบุชื่อ ‘สหายฟืน’ เป็นบรรณาธิการต้นฉบับ ภายในเล่มมีบันทึกความทรงจำของผู้ร่วมงาน สปท. มากมายหลายคน และรวบรวมรายชื่อเพลงและเนื้อเพลงต่าง ๆ ที่ออกอากาศทาง สปท. บอกถึง “เบื้องหลัง” ที่มาที่ไปของเพลงต่าง ๆ ทั้งก่อนเปิดสถานี (ตั้งแต่ พ.ศ.2505), ระหว่างเปิด สปท.ที่เวียดนาม, และเมื่อโยกย้ายที่ตั้ง สปท. มาทำการ ณ เมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน, จนกระทั่งจำต้องปิดสถานี (พ.ศ.2522) รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 17 ปี บรรจุรายชื่อเพลงไว้ 129 เพลง พื้นที่ในหนังสือซึ่งรวบรวมเนื้อเพลงไว้มีถึง 160 หน้า แต่ทว่าไม่มีทั้งชื่อเพลงและเนื้อร้อง “คิดถึงบ้าน” ปรากฏอยู่ในหนังสือปกขาวเล่มสำคัญนี้เลย (กลุ่มเพื่อนสปท., อ้างแล้ว, 2565, บทที่ 4: น.148-309.)
ความย้อนแย้งนี้ เป็นเรื่องชวนขบคิดและน่าถกแถลงกัน โดยผู้มีส่วนร่วมรู้เห็นหรือรับฟังเรื่องราวมาแม้เพียงส่วนเสี้ยว ไม่ว่าจากสหายผู้นำนักศึกษา หรือสหายหน่วยศิลป์ เพื่อนวัยเยาว์ผู้ร่วมล้อมวง ‘ไฟสุมขอน’ ยามค่ำคืนกับ “ลุงไฟ และป้าลม” ที่กระท่อมลับในไพรลึก หรือแม้แต่โดย “กลุ่มเพื่อน สปท.” นำโดย ‘สหายฟืน’ ผู้ก่อไฟ “ที่นี่ สปท.” ให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งในทศวรรษปัจจุบัน
ที่กล่าวมานี้ ก็คือเรื่องราวตำนาน ‘นายผี’ อันชวนฉงน เป็นปรัศนีของ อัศนี พลจันทร อยู่ไม่วาย
ตำนานไร้รูปรอยของ ‘นายผี’ อาจเทียบในเชิงอุปลักษณ์ได้ กับสิ่งที่ จาคส์ แดร์ริด้า นักคิดโพสต์โมเดิร์นเรืองนามเรียกว่าเป็น “White Mythology ” อันเป็นวาทกรรมแนวสัญนิยมหลังสมัยใหม่ บ่งชี้เรื่องราวตำนานเล่าขานที่ดูประหนึ่งเรืองรองแจ่มจรัส ทว่า “ถูกลบ” หรือ “ทำให้เลือน” อันเป็นผลมาจากปฏิสัมพันธ์เชิงอำนาจ ระหว่างผู้กุมอำนาจเหนือ กับผู้ที่ถูกกำกับไว้ในอำนาจ จนทำให้เรื่องราวความเป็นจริงลบเลือน เหลือแต่เพียงตำนานไว้เล่าขานแต่เพียงราง ๆ
´นายผี’ คือนักปฏิวัติปัญญาชน เป็นผู้มี “แสงเย็น เห็นอร่าม” สาดประกายเรืองรองมากที่สุดคนหนึ่งในขบวนการปฏิวัติไทยนำโดย พคท. แม้แต่ จิตร ภูมิศักดิ์ ในฐานะกวีชั้นเลิศก็ยังยกย่องท่านว่าเป็น “มหากวีของประชาชน” แต่เหตุใดภาพ ‘นายผี’ กลับเลือนรางเหมือนถูก ‘กลบ~ลบให้เลือน’ จนชวนให้คิดว่า เป็นเพราะระบบการจัดตั้งภายในองค์กรที่เข้มข้นและปิดลับมากแบบ พคท.หรือไม่ ที่ได้มีส่วน ‘งำประกาย’ อัศนี พลจันทร จนเราได้เห็นแต่ ‘เงาราง ๆ’ สมชื่อ ‘นายผี’
และด้วยเหตุนี้กระมัง ?... ชื่อจัดตั้ง ‘สหายบ่ไร’ ที่ตั้งขึ้นใหม่โดย ‘นายผี’ เอง จึงได้ตามมาเป็นสมมติฉายาของ อัศนี พลจันทร ในช่วงระยะสุดท้ายก่อน “ป่าแตก” และในที่สุด “ขบวนการคนเดือนตุลาฯ” ที่เข้าป่าก็เลือนสลายกลายเป็น “ตำนานสีขาว” (White Mythology) อีกชุดหนึ่ง ที่รอการ “รื้อ” เพื่อ “สร้าง” ใหม่
น่าจะถึงเวลาอันควรที่ชนรุ่นหลังจะลองแกะรอย สืบค้นวิถีดำเนินชีวิตนักปฏิวัติของ อัศนี พลจันทร กระเทาะเปลือก “ตำนานสีขาว” ถอดรหัสทั้งด้านบวกและด้านลบไม่ว่าของฝ่ายใด เพื่อร่วมเก็บรับบทเรียนชีวิตและจิตวิญญาณของกวีสำคัญอย่าง ‘นายผี’ อัศนี พลจันทร กันต่อไป

 

 

 


***โปรดติดตามตอนต่อไป ตอนที่ 4
“จันทร์เอย ช่วยบอกให้ลมช่วยเป่า”

 

  

สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก  

whitebanner