ทางแยก - ไหมลี (๓)
สีหน้าตื่นตระหนกของคนเป็นพ่อ
อาการตัวสั่นงันงก เรียกหาลูกๆจนเสียงหลงของคนเป็นแม่
บอกให้มุ่งรู้ว่า ...
แม้เขาและสหายจะแต่งตัวไม่ผิดแผกจากชาวบ้านพื้นราบทั่วไป
แต่ผัวเมียคู่นี้คงเดาได้ว่า
คนแปลกหน้าสองคน ที่จู่ๆก็โผล่มากลางไร่ของพวกเขานี้คือ ...
“คอมมิวนิสต์”
บนดอยสูงแบบนี้ ถ้าไม่ใช่คนในหมู่บ้านหรือพรานล่าสัตว์
ยากจะมีใครบากบั่นดั้นด้นขึ้นมา
และ สองคนนี้ดูยังไงก็ไม่ใช่พราน เพราะไม่มีใครสะพายปืนแก๊ปสักคน
“ทัวเบล้ ... อ๊อ”
(เสียหญ้าไร่ข้าวเหรอ)
มุ่งเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร ก่อนนั่งยองๆข้างพ่อของไหม
“ยอ ... ตั้วอ๊อ”
(ใช่ มาเหรอ)
พ่อไหมทักตอบแบบม้งด้วยเสียงสั่นๆ ตาจ้องมองมุ่งกับสหายแทบไม่กระพริบ
มือก็โบกไล่เมียให้พาลูกๆขึ้นไปบนตุ๊บไร่
เด็กๆวิ่งตามแม่ และพากันไปแอบดูตรง “หลุเบล้” (ราวตากข้าว)
หลังถามชื่อแซ่ และชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้สัพเพเหระพักหนึ่ง
ความตึงเครียดของพ่อไหมก็ค่อยๆผ่อนคลาย
จาก ... ถามคำตอบคำ เริ่มตอบยาวขึ้น
เริ่มละสายตาจากพวกเขาทั้งสอง และคิ้วที่ขมวดมุ่นเริ่ม คลายลง
พ่อไหมเล่าสั้นๆว่า มาทำไร่ที่นี่ตั้งแต่ปีกลาย
ปีนี้ทำซ้ำอีกเพราะดินยังพอปลูกได้ ปีหน้าค่อยหาที่ใหม่
“ไม่มีใครช่วยฟันไร่ ลูกๆยังเล็ก”
แม้จะยังดูหวาดๆ ...
แต่การยอมพูดคุยโดยไม่บ่ายเบี่ยงเลี่ยงหลบ
เล่าเรื่องตัวเองและครอบครัว แบบซื่อๆตรงๆ
รวมทั้งการตอบรับ เมื่อมุ่งขอร้องก่อนจากว่า ...
“อย่าไปบอกทางการว่าเจอพวกเรานะ”
ถือได้ว่า ครั้งแรกของการพบกันนี้ค่อนข้าง ราบรื่น
“เป็นคนม้งในหมู่บ้านตีนภูนี้แหละ ไม่ใช่พวกรับจ้างหรือมาจากที่อื่น”
“ฐานะน่าจะค่อนข้างจน ข้าวของเสื้อผ้า เก่าขะมุกขะมอมทีเดียว ...”
มุ่งกลับลงไปเล่าให้สหายฟัง ทุกคนในหน่วยเห็นตรงกันว่า ...
น่าสนใจที่จะลองสร้างความสัมพันธ์กับครอบครัวนี้ต่อไป
ส่วนจะสามารถคบหาพัฒนาความสัมพันธ์กันได้มากน้อยแค่ไหน เพียงใด
หรือจะวางใจกับการตกปากรับคำต่างๆ แม้แต่การไม่ปฏิเสธเมื่อมุ่งบอกว่า ...
“เขาและสหายจะแวะมาหาอีก”
เวลาและความจริงเท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ในแบบที่มุ่งว่า ...
“ลองวัดใจกันดูสักตั้ง”
สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก