ทางแยก   -   ไหมลี   (๑๐) 

 

ภารกิจเชื่อมต่อเขตงาน ทำให้หน่วยของมุ่งไม่ได้กลับฐานที่มั่นนานกว่าทุกครั้ง

แต่เพราะทุกคนในหน่วยเป็นหนุ่มโสด ไม่มีพันธะใดๆ

การอยู่เคลื่อนไหวต่อในเขตจรยุทธ์รอบนี้ จึงเป็นเรื่องเห็นดีเห็นงามร่วมกัน

 

หลังกินข้าวเช้าเสร็จ หน่วยของมุ่งแยกกับหน่วยสหายคำ

เดินเลาะตามลำห้วยย้อนกลับเส้นทางเดิม ก่อนตัดขึ้นสันภูป่าดง

ตกบ่ายจึงเข้าเขตป่าเลา

พ้นจากป่าเลาทึบปลอดจากผู้คน มองไปบนสันภูไร่เก่าที่จะต้องผ่าน

ความที่ไร่เพิ่งถูกทิ้งร้างไม่นาน ไม้ใหญ่มีไม่มาก หลักๆคือหญ้ากับตอฟาง

ดูโล่งเกินจะเสี่ยงเดิน

 

“เราหยุดพักที่นี่ก่อนดีกว่า รอมืดหน่อยค่อยไปต่อ” มุ่งบอกสหาย

“ดีเหมือนกัน งั้นเราคุยแผนงานกันเลยจะได้ไม่เสียเวลา” สหายไฟว่า

แต่ละคนปลดสัมภาระลง ต่างมองหาพุ่มไม้ที่พอบังแดดบังฝน

 

การพูดคุยเริ่มขึ้นกลางไอแดดร้อน

“รอบนี้ เราจะไปตามสันภูทางตะวันตก สำรวจเขตทำกินของหมู่บ้านย่านนั้นสักอาทิตย์หนึ่ง ค่อยวกกลับมาตามข่าวประชุมชาวบ้านที่ไร่พ่อไหม ดีไหมครับ”

สหายไฟที่จากนี้จะเป็นคนนำทาง เพราะชำนาญเส้นทางหมู่บ้านคนเมืองเสนอ

“ไว้ตอนใกล้ๆนัดครั้งหน้าค่อยแวะไม่ดีกว่าเหรอครับ จะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา” สหายธงถาม

“ผมอยากรู้ความเคลื่อนไหวของศัตรูช่วงนี้ เปลี่ยนหัวหน้าใหม่มันอาจมีผลต่องานเชื่อมเขตของเรา” สหายไฟว่า

“จริงของสหายไฟนะ ฟังจากพ่อไหม ผู้พันคนใหม่ไม่ธรรมดา” มุ่งออกความเห็น ขณะสหายคนอื่นก็เห็นด้วย

“งั้นเย็นนี้ กินข้าวแล้วเราเดินทางต่อเลยนะครับ” มุ่งนัดหมาย

 

ชีวิตในเขตจรยุทธ์ ...

กลางวันคือเวลาหยุดพักสงบนิ่ง กลางคืนคือเวลาเคลื่อนไหวทำงาน

ยิ่งคราวนี้จะออกสำรวจเขตทำกินของชาวบ้านในหมู่บ้านพื้นราบ

กลางคืน คือช่วงเวลาที่ปลอดภัยที่สุด

 

กว่า ๒ ปีที่ผ่าน มุ่งคุ้นเคยกับชีวิตที่ต้องปรับไปตามสถานการณ์จริง ตรงหน้า

เหมือนเช่นวันนี้ ที่เขาและสหาย ...

ต้องอาศัยร่มไม้เตี้ยๆกลางดงหญ้าเสือหมอบในป่าเลา เป็นที่หลบรอ

รอตะวันตกดิน เพื่อจะได้ออกเดินทางต่ออีกครั้ง

กลางไอแดดระอุยามบ่าย ต่างทำได้เพียงนิ่ง อยู่กับตัวเอง

 

ถ้าเป็นก่อนนี้ มุ่งมักจะพักเอนหลังนอนคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ เรื่อยเปื่อย              

แต่ช่วงหลังๆ บ่อยครั้งภาพของไหมจะแว่บเข้ามาในห้วงคำนึง

มุ่งรู้ดี ถึงความรู้สึกแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นในใจ

เขาพยายามหักห้าม หันเหความคิดไปหมกมุ่นกับงาน

แต่ ... ยามเผลอ ความรู้สึกเจ้ากรรมนี้จะคอยรบกวนใจอยู่เรื่อย

                                                                                      

เขานึกถึงวันที่ต้องกลับไปไร่ของไหมอีกครั้ง หลังการทำงานรอบนี้                              

ใจหนึ่งก็ ... ภาวนา ขออย่าให้ไหมอยู่ที่ไร่ในวันนั้นเลย

แต่อีกใจก็ ... ปั่นป่วนรวนเร

                                                                                                                        

แดดที่แผดร้อนเมื่อบ่าย คลายตัวพร้อมตะวันคล้อยต่ำลง

“สหาย ... กินข้าวเอาแรงกันเหอะ คืนนี้จะได้เดินชมจันทร์กันยาวๆ” เสียงสหายไฟบอกเบาๆ

 

ข้าวสวยในหม้อสนามที่ต่างคนต่างหุงของใครของมันเมื่อเช้านี้ ยังเหลือพอกินมื้อเย็นได้สบาย

กับข้าวพิเศษที่หน่วยสหายคำให้มาคือ หมูรวนเค็ม อัดเต็มกระบั้งไม้ไผ่

ยังทำให้ทุกคนเอร็ดอร่อย ถึงจะกินซ้ำ ๓ มื้อติดๆกัน

 

ใครไม่รู้กระซิบเรียกรอยยิ้มจากวงข้าว ว่า ...

“หมูเค็มจงเจริญ น้ำห้วยใส่พริกป่นผงชูรสจงพินาศ”            

                                                                                                    

                                                                                                               

 สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท.  โปรดคลิ๊ก  

 

whitebanner