ทางแยก - ไหมลี (๑๓)
ความไม่คุ้นกับทั้งเส้นทางและสภาพหมู่บ้านแต่ละที่ ทำให้เวลาที่ตั้งเป้าไว้ ยืดออกไป
แผนกลับมาไร่ไหมเพื่อฟังข่าวศัตรู ก็ยืดตาม
กว่าภารกิจช่วงแรกจะเสร็จ ก็เกินเวลาที่วางไว้ไปค่อนเดือน
วันนี้ทั้งหน่วยตกลงกันว่า ได้เวลาแวะไปไร่ของไหมกันแล้ว
ฟ้าโปร่งโล่งไร้เมฆฝน...
ข้าวในไร่เริ่มตั้งท้อง รวงข้าวเขียวอ่อนโยกไหวยามต้องลม
มุ่งค่อยๆลัดเลาะตามทางขึ้นไป ใจที่เต้นแรงจากการเดิน
เต้นแรงขึ้น ... จากความรู้สึกภายใน
ตุ๊บไร่เงียบเชียบ ไม่มีวี่แววผู้คน
มุ่งถอนใจคล้ายโล่งอก ...
“ไม่มีใครอยู่เลย ผมว่าช่วงนี้ข้าวโตพอเว้นระยะเสียหญ้า พวกเขาคงไม่ขึ้นมาทุกวัน”
มุ่งบอกสหายในหน่วย หลังกลับจากสืบสภาพบนไร่
“รอดูอีกวันสองวัน ดีมั้ย” สหายไฟถาม
“ดีครับ จะได้พักสักหน่อย ตกระกำลำบากมามากละ” สหายดงแซงพูด
ก่อนหันไปพยักเพยิดขอความเห็นคนอื่น ซึ่งไม่มีใครคัดค้านใดๆ
“งั้นเราข้ามไปนอนที่สันภูฟากโน้นละกัน เออ ..สหายดง แผลที่คอดีขึ้นละยัง” สหายไฟถามยิ้มๆ
“ยังชั่วละ ว่าแต่ไม่รู้ใครนำทาง พาหลงซะ .... “ สหายดงตอบพร้อมยิ้มกวน
ความทุลักทุเลในคืนเดือนมืด ที่สหายไฟพาทั้งหน่วยหลงทาง
จากเดิมตั้งใจเลาะเลียบท้ายหมู่บ้าน กลายมาเป็นแทบจะผ่ากลางหมู่บ้านเลยทีเดียว
ดีที่สหายดงเดินไปชนราวตากผ้า ล้มหงายหลัง
จึงได้เห็นบ้านคนตะคุ่มๆอยู่ตรงหน้า
รุ่งขึ้น รอยถลอกที่คอเพราะถูกลวดราวตากผ้าบาดของสหายดง กลายเป็นเรื่องสนุกของทุกคน
หลังได้พักเต็มที่ สองวันถัดมาทั้งหมดก็แวะมาคุยกับพ่อไหม
“ผู้พันมาพูดอบรมชาวบ้านเรื่องคอมมิวนิสต์ เขาถามอยู่ว่าใครทำไร่ลึกขึ้นไปบนภูบ้าง”
พ่อไหมเล่าถึงวันประชุมชาวบ้าน และบอกว่าผู้พันเคยแวะมานั่งคุยด้วยครั้งหนึ่ง
“เขาถามฉันว่าทำไร่ไกลๆได้เจอพวกคอมมิวนิสต์บ้างไหม ฉันก็บอกไปว่าไม่เคยเจอ”
“เขาคงเชื่อแหละ ยังสั่งว่าถ้าเจอพวกสหายให้รีบบอกนะ” พ่อไหมเล่าซื่อๆ
มุ่งสบตาสหายไฟขณะพ่อไหมเล่าต่อว่า ตอนนี้พวกทหารไม่ค่อยเกเรกับชาวบ้านเหมือนแต่ก่อน
“ฉันว่า คงกลัวผู้พันแหละ ...”
“ดีแล้ว เจอกันคราวหน้ามีอะไรก็ช่วยมาเล่าให้เราฟังด้วยนะครับ” สหายไฟบอก
“พวกทหารอาจระแคระคายการเคลื่อนไหวของเรา ช่วงนี้ต้องระวังให้มากหน่อย”
สหายไฟเปิดประเด็น หลังกลับจากไร่พ่อไหม
“ผมค่อนข้างมั่นใจว่าหน่วยเราไม่ได้ติดต่อคนเยอะ ไม่น่าจะเสียลับ” มุ่งว่า
“ก็ไม่แน่นา ... ดีไม่ดีข่าวอาจรั่วจากหน่วยพี่น้องเราก็เป็นได้” สหายธงตั้งข้อสังเกต
“อืมมม เอางี้ ผมว่าเดือนหน้าช่วงที่นัดกับสหายคำ เราแวะไร่พ่อไหมก่อนดีกว่าเผื่อได้ข่าวเพิ่ม” สหายดงเสนอ
“ดี งั้นเอาตามนี้นะสหาย ...”
ไม่มีใครโต้แย้งข้อสรุปของสหายไฟ เพราะรู้กันว่าเมื่อใดที่คนของศัตรูเริ่มวนเวียนกับมวลชน
นั่นคือ ... สัญญานอันตราย
แดดลับเหลี่ยมภูแล้ว ...
ความมืดค่อยๆคืบคลาน ป่าทั้งป่าสงบเงียบ
มุ่งทบทวนไล่เรียงเรื่องราวที่รับรู้ในวันนี้
แม้จะยังไม่มีเหตุให้ถึงกับตึงเครียด แต่ประสบการณ์เตือนให้รู้ว่า ...
จากนี้ความระแวดระวังต้องเพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะการไปไร่พ่อไหม ...
ที่เคยนึกจะแวะก็แค่ส่งคนมาสังเกตการณ์สักพักก็ขึ้นไป คงไม่ได้แล้ว
การสืบสภาพต้องทำล่วงหน้าอย่างน้อย ๑ วัน
และต้องละเอียดรอบคอบกว่าเดิมให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้
ความปลอดภัยของมวลชน ความปลอดภัยของสหาย โดยเฉพาะ ...
การบรรลุเป้าหมายในภารกิจสำคัญคือ การเชื่อมเขต
เป็นสิ่งที่มุ่งย้ำเตือนตัวเองอย่างหนักแน่นว่า ...
เขาจะประมาทละเลยจนเกิดความผิดพลาดไม่ได้ ... เด็ดขาด
ดึกแล้ว กลางหมู่ดาวพราวพร่างในคืนแรม
“ดาวสายเดือน” โผล่พ้นขอบฟ้า ส่องประกายวิบวับไกลๆ
อีกไม่กี่อึดใจ เดือนก็จะเคลื่อนตามขึ้นมาประดับฟ้า
เป็นคู่เคียงเช่นนี้มา ... ชั่วนาตาปี
แสงดาว สายลม ช่วยหอบความหมกมุ่นครุ่นคิดให้คลายลง
ใจหวนนึกถึงเจ้าของสายตาที่แอบมองเขาเป็นพักๆ เมื่อบ่ายนี้
แก้มสาวที่แดงซ่านด้วยความเขินอายยามสบตากัน
ทว่า ... ความรู้สึกของมุ่งกลับผิดแปลก
ความเอิบอิ่มแช่มชื่นที่เคยท่วมท้น กลับคล้ายมีเงาหม่นมัวทาบทับ
ความรู้สึกอึดอัดขัดแย้งที่ไม่รู้ก่อตัวขึ้นแต่ครั้งไหน เมื่อใด
เข้าครอบคลุม ... เบื้องลึกในใจ
เกิดอะไรขึ้นกับเขา กันนี่
สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก