ทางแยก   -   ไหมลี   (๑๕) 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เสียงหัวเราะคิกคักเบิกบานของน้องชายทั้งสอง

ที่กำลังเดินเข้าบ้าน หลังพากันหายเงียบไปตั้งแต่กินข้าวเช้าเสร็จ

ทำให้ไหมเงยหน้าจากผ้าที่กำลังปัก

 

“ไปไหนมา แล้วนั่น ... เอานกมาจากไหน”

ไหมถาม หลังเห็นเด็กชายทั้งคู่เดินถือไม้ที่มีนกตัวเล็กๆเกาะอยู่

“ไปบ้านวือ วือให้มา ...” ทั้งคู่ตอบพร้อมกัน

“เอามาทำไม ไม่สงสารนกเหรอ จับผูกขาไม่ได้บินอย่างนี้น่ะ”

“เอามาเลี้ยง ให้กินอาหารไม่ได้ให้อดหยาก”

น้องๆเถียง หันไปกระซิบกระซาบกันก่อนจะรีบเดินเข้าบ้าน

“พวกผู้หญิงไม่รู้หรอก นกอิ้นน่ะร้องเพราะจะตาย”

 

พักใหญ่แล้ว ที่เธอไม่ได้พบหน้าค่าตาเจ้าของชื่อที่น้องๆอ้างถึง

ฉางที่เคยเจ้ากี้เจ้าการหาเหตุหาผลให้เขา ก็พลอยหายหน้าไปด้วย

ไหมพับผ้าที่ปักค้างอยู่ คิดในใจว่าแวะไปหาฉางที่บ้านดีกว่าเผื่อได้ข่าวเหล่าวือ

มือที่กำลังเก็บผ้าปักใส่ย่ามชะงัก นึกสับสนระคนงุนงงว่า ...

แต่ไหนแต่ไรไม่เคยนึกอยากรู้อยากฟังเรื่องของคนคนนี้

ต่างจากอีกคน ที่เธอจดจ่อเฝ้ารอข่าวรอพบหน้า

เกิดอะไรขึ้นล่ะนี่ ...

“ไม่มีอะไรหรอก ฟังฉางเล่าแล้ว ... สงสารน่ะ” 

ไหมคิดเองเออเอง สะพายย่ามแล้วรีบเดิน ใจกะจะไปนั่งปักผ้าไปคุยไปกับฉาง

 

ฉางกำลังฝัดข้าวที่ลานหน้าบ้าน

พอเห็นไหมก็รีบวางกระด้ง ส่งเสียงใสทัก

“วันนี้ไม่ไปไร่เหรอถึงแวะมาบ้านฉันได้”

โดยไม่รอคำตอบฉางเจื้อยแจ้วต่อ ...

“ฉันก็ไม่ได้ไป แม่ให้อยู่ช่วยตำข้าว พ่อเขาไปประชุมอะไรไม่รู้ที่บ้านผู้ใหญ่”

ไหมเพิ่งนึกได้ว่า ตั้งแต่กินข้าวเช้าเสร็จเธอก็ไม่เห็นพ่ออยู่บ้าน

“มิน่า ... หม่ากับหลื่อคงตามพ่อไป” ไหมหมายถึงน้องชายสองคนของเธอ

“น้องๆฉันก็ตามพ่อไปเหมือนกัน เด็กผู้ชายชอบไปเล่นกับวือ”

 

ฉางเทข้าวที่ฝัดแล้วลงถุง พยักหน้าให้ไหมตามเข้าไปในบ้าน

ระหว่างตำข้าวไปเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ไป

ฉางไม่ข้องแวะหรือพูดถึงเหล่าวืออีกเลย ไหมเองก็ไม่กล้าถาม

จนได้เวลาเที่ยง แม่ฉางดุนฟืนในเตาเตรียมอุ่นกับข้าวกับปลา

ไหมหอบผ้าที่ตั้งใจเอามาปัก ลากลับบ้านโดยไม่ได้ปักเข็มสักจึก

ในหัวมีแต่เรื่องนั้นเรื่องนี้ที่ฉางเล่า เป็นเรื่องไม่เข้าเป้าที่ตั้งใจมาหาสักเรื่องเดียว

 

แดดเที่ยงส่องลอดร่มไม้เป็นช่วงๆระหว่างทางเดินกลับบ้าน

แม้จะไม่ร้อนอะไรนัก แต่ไหมก็อยากถึงบ้านไวๆ

“ไหม ... หมู่ขอตือ” เสียงคุ้นๆทักมาจากข้างหลัง

(ไหม ... ไปไหนเหรอ)

ไหมหันขวับตามเสียง พลันหน้าก็ร้อนผ่าว

“เอ่อออ ... หมู่ ... หมู่เจ๋”

(เอ่อออ ... กลับ ... กลับบ้าน) ไหมตอบตะกุกตะกักเมื่อเห็นชัดว่าคนทักคือ เหล่าวือ

“รีบมั้ย ... ถ้าไม่รีบ ฉันขอคุยด้วยหน่อย ไม่นานหรอก” เหล่าวือถาม

“อ่อ ...” ไหมตอบสั้นๆ

 

เหล่าวือเดินไปใต้ร่มไม้ข้างทาง ไหมตามไปห่างๆแบบงงๆ

“ฉันมีเรื่องจะบอก อย่าเอาไปเล่าให้ใครฟังนะ”

“เรื่องอะไร ...”

“เรื่องพ่อเธอ ...”

“ห๊ะ ... พ่อฉัน” ไหมหลุดปาก เหล่าวือไม่ตอบแต่พูดต่อ ...

 

“ฉันแอบได้ยินผู้พันจักรคุยกับพ่อเมื่อวาน เขากำลังสงสัยว่าพ่อเธอติดต่อกับพวกคอมมิวนิสต์ในป่า”

ไหมใจหายวาบ หูอื้อจนแทบไม่ได้ยินประโยคต่อมา ...

“เขาให้พ่อฉันจับตาพ่อเธอ แล้วรายงานเขาอย่างละเอียด”

ไหมตะลึงงัน เหล่าวือมองเธอด้วยความเห็นใจ ห่วงใย

แต่รอยช้ำในหัวใจที่เพิ่งจาง ทำให้เขาเอ่ยเพียง ...  

“ฉันเป็นห่วงคนบ้านเธอนะ ... ลองคุยกับพ่อเธอดูแล้วกันว่าจะทำยังไง”

“อย่าให้ใครรู้ล่ะว่าฉันบอก ยิ่งพวกทหารถ้ารู้เข้าละก็ ฉันตายแน่ ... ไปล่ะนะ”

 

เหล่าวือหันหลังเดินกลับไป ทางเดิม

ไหมมองตามคนที่เธอเคยชิงชังรังเกียจ

วันนี้คนคนเดียวกันนี้ กลับยอมเสี่ยงส่งข่าวเพื่อปกป้องเธอและครอบครัว

 

ไหมยืนนิ่ง สับสนกับความรู้สึกผิดในใจ

งงงันหวั่นไหวกับข่าวที่เพิ่งรับรู้

จนลืมแม้แต่จะเอ่ยปาก ... ขอบใจ คนที่เดินจากไป

 

.................................................

 

“นกอิ้น”  เป็นนกป่าตัวเล็กจิ๋ว มีขนสีเขียวหม่น

เด็กผู้ชายม้งมักชอบจับมาเลี้ยงโดยผูกขาไว้กับปลายไม้

ถือติดตัวไปมา เพื่อคอยฟังเสียงร้องแหลมเล็ก “แซะๆๆๆ”

 

 

 

 สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท.  โปรดคลิ๊ก  

 

whitebanner