ทางแยก - ไหมลี (๑๗)
“แน่ใจว่ากินได้นา ...ไม่ใช่ฮวกคางคกนะ” สหายดงซักไซ้บ่ใจ
“น่า ... เชื่อสิ ฮวกคางคกน่ะตัวดำปี๋ นี่ใสๆแบบนี้ฮวกกบฮวกเขียด กินได้” บ่ใจยืนยัน
ช่วงรอวันนัดหมายหลังสำรวจเส้นทางข้ามจนมั่นใจ ทั้งหมดกลับที่ตั้งในเขตจรยุทธ์
แม้ยังคงต้องเคลื่อนย้ายที่กินที่อยู่เพื่อความปลอดภัย ๒-๓ วันครั้ง แต่ก็เป็นไปในแบบผ่อนคลาย
บ่ใจนักรบลัวะผู้เจนจัดการใช้ชีวิตป่ามากกว่าเพื่อน
ออกสรรหาของกินเรียกเสียงฮือฮา ไม่เว้นวัน
ที่จดจำแบบ “ทึ่ง อึ้ง อิ่ม” ... คือ เมนูบ่างสับใส่ผักขมหมู
ใครจะไปรู้ว่า บ่ใจเฝ้าสังเกตตัวบ่างที่ทุกเย็นจะบินกลับมานอนบนต้นไม้ใกล้ๆที่พัก
มันใช้ตีนเกาะเกี่ยวกับร่องเปลือกของลำต้นเพื่อไต่ขึ้นไปนอน
บ่ใจคิดค้นวิธีจัดการกับบ่างตัวนั้น โดยเอาผ้ายางปูนอนไปพันรอบต้นไม้ รอเวลา
“พรึบ ... ตุบ ๆๆ ”
เสียงบ่างร่วงลงพื้น ๒-๓ รอบเพราะผ้ายางลื่นไม่มีร่องให้ตีนเกี่ยว มันหมดแรงนอนแอ้งแม้งให้บ่ใจจับง่ายๆ
“เห็นแต่เขาเอาดองทำยา เอามากินยังงี้ได้ด้วยเหรอ” สหายไฟถาม
แต่หลังบ่ใจจัดการสับลงหม้อใส่พริก ใส่เกลือ ใส่ผัก ... คำถามก็เปลี่ยนไป
“พรุ่งนี้ดักอีกไหม ...”
“ไม่มีแล้วล่ะ มันอยู่ตัวเดียวไม่ได้อยู่เป็นฝูงเหมือนค้างคาว”
ใกล้วันนัดหมาย ทั้งหน่วยตกลงกันว่า “ไปล่วงหน้าดีกว่า”
“เราไม่ชำนาญทาง ไปรอก่อนสัก ๒ คืน กันพลาด”
ถึงวันเดินทาง กินข้าวเที่ยงเสร็จทั้งหมดเก็บข้าวของใส่เป้สะพายหลัง
สำรวจปืนสั้น ระเบิดด้าม ที่พกติดเอวอยู่แล้วเป็นปกติ
แต่รอบนี้ ปืนยาวM ๑๖ ที่ซ่อนไว้ในป่าถูกงัดมาใช้กันทุกคน
“มองไกลๆ ค่อยเหมือนอส.หน่อย ...” สหายดงว่า
บ่ใจ จัดการเอาถุงข้าวสารห่อผ้ายางกันเปียก
ปีนขึ้นไปวางกับง่ามไม้ที่เป็นแง่งกิ่งบนต้น ผูกจนแน่นก่อนปิดทับด้วยใบที่ขึ้นรอบๆ
“ไว้มาหุงกินขากลับ ...”
ปิดท้าย มุ่งกับสหายธงช่วยกันใช้กิ่งไม้แห้งปัดพื้นกลบร่องรอย
๖ ชั่วโมงเต็ม ไม่นับตอนพักรอให้ฟ้ามืดตรงป่าเลา
ทั้งหมดก็ขึ้นมาซุ่มรอเวลาข้ามถนน ไปอีกฝั่ง
เวลาที่เหมาะที่สุดคือ หลัง ๔ ทุ่มไปแล้ว
“ช่วงนั้นรถน้อย มีจังหวะว่างที่เราจะวิ่งตามกันไปได้” มุ่งบอก
ทุกคนตกลงใช้จุดข้ามถนนนี้ ด้วยเหตุผลจากมุ่งเช่นกันว่า ...
“ข้ามแล้วมีป่าทึบให้หลบเข้าได้เลย”
“อีกอย่างทางโค้งลงเขาก่อนถึงจุดข้าม เราเห็นแสงไฟรถแต่ไกล โอกาสเสี่ยงแบบยังข้ามไม่พ้นรถส่องไฟมาเจอเรา จะไม่มี”
เลย ๔ ทุ่มไม่นาน มุ่งกระซิบสหายให้เตรียมพร้อม
ทุกคนเกาะกลุ่มขึ้นมายืนใต้เงาไม้ ชิดขอบถนน
ถนนเส้นยาวโค้งลาดลงจากเขาผ่านจุดที่ต่างยืนใจเต้นระทึก รอบกายเงียบงัน
“ไป” ...
เสียงสั่งเบาๆพร้อมการพุ่งทะยานวิ่งนำของมุ่ง กระตุ้นทุกคนให้กระโจนตามไปติดๆ
ทั้งหมดวิ่งข้ามถนนเข้าสู่ดงไม้ทึบ ชั่วอึดใจก็ชะลอฝีเท้าตามคนนำ
“นั่งพักตรงนี้ก่อนครับ ...” มุ่งบอกเสียงหอบ
เขาหันไปรอบๆ พลางเงยหน้ามองสำรวจทิศ
“คืนนี้เราจะเดินไปให้ไกลที่สุด ใกล้สว่างค่อยหาที่นอน”
ก่อนสว่าง ป่าดงที่หมายตาตั้งแต่อยู่กลางป่าเลา เป็นจุดพักแรกของการเดินทาง
“พักจนกว่าจะค่ำแล้วค่อยไปต่อ ไปให้ใกล้จุดนัดที่สุด”
แล้วค่ำนั้น ... ทุกคนก็ออกเดินอีก ค่อนคืน
ย่ำป่าดงผ่านป่าแพะเข้าป่าเลา หลบตุ๊บไร่ข้าว หลบแสงไฟจากชาวบ้านที่ออกส่องสัตว์
ไปตามทิศที่หมายคือ ตะวันตก
จุดที่หมายคือ เทือกภูสูงที่มียอดแหลมเด่นชัด ต่างจากภูอื่น
กว่าจะถึงป่าดงที่พอซ่อนตัวได้ ฟ้าก็ใกล้สางเหมือนคืนวาน
แต่ ... พลันที่ฟ้าสว่าง ต่างก็รู้ว่าป่าดงวันนี้ ไม่เหมือนป่าดงเมื่อวาน
“ฐานที่มั่นอยู่ไม่ไกลจากนี้แน่ ...” สหายธงกระซิบพร้อมชี้ให้ดูห้วยสายใหญ่ด้านล่าง
ต้นไม้ใหญ่น้อยหนาทึบ เถาวัลย์ลำใหญ่ขนาดข้อมือเกาะเกี่ยวเลื้อยระโยงระยาง
กอไผ่ป่าลำโต ดงตาว หวาย เรียงรายถี่ยิบอยู่ริมสองฝั่งห้วย
“ชาวบ้านคงกลัวพวกเราไม่กล้าเข้ามาถึงที่นี่ ไม่งั้นตาวพวกนี้เรียบไปแล้ว” สหายไฟว่า
“พรุ่งนี้บ่ายสอง เราเลาะตามห้วยนี้ไป ผมว่าห้วยนี้แหละจะพาเราไปที่จุดนัด”
สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก