ทางแยก - ไหมลี (๑๘)
ตลอด ๑ ชั่วโมงตั้งแต่ออกเดินเลาะเลียบห้วยสายใหญ่
ธรรมชาติสองฝั่งช่วยยืนยันความเชื่อว่า เข้าใกล้เขตฐานที่มั่นแน่นอน
“ป๊อกๆ ... ป๊อกๆ”
เสียงเคาะไม้จากมุ่งเริ่มขึ้น ขณะทั้งหน่วยเดินเกาะแนวลำห้วย
เคาะไปเงี่ยหูฟังเสียงตอบกลับไป
สีหน้าแต่ละคน เปี่ยมด้วยความหวัง
เกือบครึ่งชั่วโมงที่เคาะไม้เป็นพักๆ ไม่ว่าจะช่วงนั่งพักหรือเดิน
และแม้แต่ตอนนี้ที่กำลังลงลุยน้ำห้วย
“ป๊อกๆๆ ... ป๊อกๆๆ”
เสียงเคาะตอบรับดังแว่วไกลๆแทรกเสียงน้ำไหล
ทุกคนหันมองหน้ากันอย่างตื่นเต้น มุ่งเคาะสัญญานอีกครั้ง
“ป๊อกๆ ... ป๊อกๆ”
“ป๊อกๆๆ ... ป๊อกๆๆ”
เสียงตอบดังใกล้เข้ามาจากลำห้วย ไม่นานก็เห็นคน ๓ คนเดินตามกันมา
ต่างฝ่ายต่างเดินเข้าหากันด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีครับ ... สหาย” คนเดินนำหน้าเอ่ยทัก ยื่นมือมาจับมือทุกคน
“เหนื่อยมั้ย ... จะพักก่อนไหมครับ” เขาถามและเมื่อรู้คำตอบจากการส่ายหน้า เขาก็รีบบอก
“งั้นเราไปต่อเลยนะครับเดี๋ยวค่อยคุยกัน”
กว่าครึ่งชั่วโมงที่ลัดเลาะป่าตามสหายเขตงานพี่น้อง
เสียงเคาะสัญญานส่งและตอบกันก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเดินขึ้นสันเล็กๆ ก็เห็นกลุ่มคน ๔-๕ คนยืนอยู่ตรงลานดินใต้โคนไม้
ดูจากปืนอาร์ก้าพร้อมแผงแม็กกาซีนบนอกเสื้อชุดทปท. ก็เดาได้ว่าพวกเขาคือหน่วยทหารหลัก
“ผม ... สหายเดี่ยว จากกอง ๔๐๒ ครับ”
“กองเรารับผิดชอบงานมวลชนชายฐานที่มั่นครับ” สหายเดี่ยวแนะนำตัวเอง
บ่ใจที่ยังคงรักษาสีหน้าตื่นๆมาตั้งแต่ข้ามถนนจนบัดนี้
หันไปมองสหายดง ปากขยับแบบไม่มีเสียงคำว่า “กอง”
สหายเดี่ยวหัวเราะ อธิบายว่า ..
“เขตผมไม่ค่อยเรียกกองร้อยครับ ... มันยาว เราเรียกแค่ “กอง” เฉยๆสั้นๆครับ”
ทุกคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน
บรรยากาศเข้มๆเริ่มผ่อนคลาย ต่างแนะนำตัวเองแบบสบายๆขึ้น
“พักพอหายเหนื่อยแล้วค่อยเดินต่อ คืนนี้นอนกลางทาง คืนพรุ่งนี้ไปนอนที่กอง ๔๐๒ กันนะครับ”
เส้นทางเดินเย็นวันนั้น หลายจุด ทำเอาทุกคนในหน่วยของมุ่งทึ่ง
หน่วยมวลชนเขตนี้เดินผ่านกลางนาข้าวโล่งๆ หน้าตาเฉย
บางจุดผ่านบ้านชาวบ้าน มีหลายหลังเจ้าของออกมาตะโกนทักทายแบบคุ้นเคย
“กลับแล้วเหรอ” ...
“กลับล่ะ”
สหายในหน่วยตอบ สหายเดี่ยวหันมาบอกเบาๆ
“เราซื้อข้าวของกับพวกเขาประจำ กุมสภาพได้ครับ”
ยิ่งเข้าใกล้ฐานที่มั่น มุ่งยิ่งรู้สึกถึงความปลอดภัย
เหนืออื่นใดคือ “ความสุข” ...
เป็นความสุขของคนที่กำลังจะได้กลับ “บ้าน” ที่จากมานาน
บ้านที่มีความรัก มีอ้อมกอดอบอุ่นมั่นคงให้เขาเสมอนับแต่พลัดพรากจากพี่น้อง
บ้านที่ชุบชีวิตที่เคยทุกข์ยากอับจน ให้ได้พบหนทางสว่างสดใส
ในความอิ่มเอิบกับความสุขที่ยากจะบรรยายนี้ มุ่งได้พบคำตอบ ...
ถึงที่มาของความอึดอัดขัดแย้งหม่นมัวในใจ เมื่อไม่กี่วันก่อนบนไร่ของไหม
รุ่งขึ้นการเดินทางเป็นไปด้วยความรื่นรมย์
ทางดินเล็กๆที่มองก็รู้ว่า นี่คือเส้นทางเดินในเขตฐานที่มั่น
การเดินไม่เร่งรีบ เดินไปคุยกันไป เหนื่อยก็แวะพักโดยไม่ต้องกังวล
ก่อนมืด ก็ถึงสำนักของกอง ๔๐๒
“คืนนี้ผมคงหลับสนิท ฝันดีแน่ๆ” สหายธงบอกมุ่ง
หลังกินข้าวเช้าที่โรงครัวของสำนักเสร็จ
สหายเดี่ยวก็พาหน่วยของมุ่งตรงไปพบจัดตั้งเขต ที่สำนักบน
ระหว่างทางเขาก็ชี้ให้ดูที่ทางต่างๆ พร้อมบอกเล่าสั้นๆ
“นี่เป็นบ้านประชาชน ข้างหน้าเป็นโรงเรียนอนุชนแดง มีสำนักหมอบ้านอยู่ใกล้ๆครับ ...”
สำนักบน อยู่ห่างจากบ้านประชาชนพอสมควร
“สวัสดีครับ เหนื่อยกันมากมั้ย ...” สหายผู้เฒ่าหน้าตาใจดียื่นมือให้ทุกคนจับ
“ผมชื่อสหายสิทธิ์ ...ครับ”
ผู้เฒ่าแนะนำตัวเองอย่างอ่อนน้อมพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น
“ยินดีต้อนรับสหายทุกคน เราเตรียมบ้านหลังในสุดโน่นให้พักนะครับ”
ผู้เฒ่าชี้มือไปที่บ้านหลังท้ายสุด และหันไปบอกสหายเดี่ยวให้อยู่ค้างด้วย
“สหายเอาของไปเก็บก่อน พักผ่อนกันให้เต็มที่นะครับ อยู่ที่นี่สัก ๒-๓ คืนจะได้คุยกัน”
“สหายเติม ช่วยพาพวกสหายไปหน่อยนะ” สหายสิทธิ์เอ่ยกับทหารพิทักษ์
ก่อนหันมาบอกมุ่งและสหายไฟว่า ...
“คุณสองคนอยู่คุยกันก่อนนะครับ ...”
สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก