สถานีข่าวเสียงประชาชนแห่งประเทศไทย หรือ สปท.ในยุคปัจจุบัน จะนำเอาเนื้อหาบางตอนของหนังสือ “ที่นี่…สถานีวิทยุเสียงประชาชนแห่งประเทศไทย” ที่จัดทำโดย กลุ่มเพื่อน สปท. ซึ่งตีพิมพ์ไปเมื่อปี พ.ศ.๒๕๖๕ มาลงให้เพื่อนมิตรอ่านในไลน์กลุ่ม ส.ป.ท. ติดต่อกันไปเป็นตอน ๆ โดยเริ่มจากเรื่อง “อันเสียงที่มีพลังดังจากไหน” ซึ่งเป็นเรื่องราวประวัติการก่อตั้ง การดำเนินงาน และการสิ้นสุดบทบาทของ สปท. ในฐานะสื่อวิทยุที่มีอิทธิพลต่อความคิด และการต่อสู้ของประชาชนเป็นเวลายาวนานถึง ๑๗ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ จนถึง วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๒
อันเสียงที่มีพลังดังจากไหน
ตอนที่ ๒
สหายผู้มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งสปท.
บุคคลสำคัญผู้มีส่วนในการก่อตั้งและดำเนินงานสปท.ช่วงแรกๆ มิได้มีเฉพาะสมาชิกพรรคที่ได้รับการมอบหมายเท่านั้น แต่ยังมีสหายจากพรรคพี่น้อง และแนวร่วม หรือผู้ร่วมอุดมการณ์ที่ได้นำความรู้ ความสามารถของท่านมาหนุนช่วยให้สปท.ก่อตั้งและดำเนินงานต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ผู้เขียนใคร่ขอคารวะและสดุดีจิตใจของทุกท่านไว้ ณ ที่นี้
สหายบิญ
สหายบิญหรือศักดิ์ สุภาเกษม เกิดที่อยุธยา พ่อเป็นคนจีน แม่เป็นคนไทย ชีวิตครอบครัวค่อนข้างลำบาก มีอาชีพทำสวนทำไร่ เมื่อได้คบเพื่อนกลุ่มที่มีความคิดก้าวหน้า ทำให้เป็นคนขยันเรียนหาความรู้และ ได้เข้าทำงานที่หนังสือพิมพ์มหาชน
เมื่อเข้าร่วมกับพคท.พรรคได้ส่งสหายบิญไปเรียนที่มหาวิทยาลัยลัทธิมาร์กซที่กรุงปักกิ่ง และยังได้เป็นตัวแทนไปเข้าร่วมการประชุมที่กรุงมอสโคว์ และเนื่องจากในตอนนั้นไม่สามารถกลับเข้าเมืองไทยได้ จึงอยู่ที่มอสโคว์ เป็นอาจารย์สอนภาษาไทยเป็นเวลา 3 ปี ในปีพ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) สหายบิญได้กลับมาอยู่ที่กรุงปักกิ่ง (ข้อมูลจากป้ามณี ผู้เป็นภรรยา)
ในพคท.สหายบิญคือผู้นำระดับกรรมการกลางของพรรค (ประวัติพคท. โดย เชาวน์ พงษ์พิชิต หน้า 311) เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญภาษาจีนและรัสเซียเป็นอย่างมาก สหายบิญเป็นสหายนำที่พคท.มอบหมายให้รับผิดชอบการจัดตั้งสปท.ซึ่งในช่วงแรกต้องมีการประสานงานทั้งกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนและเวียดนาม ตลอดจนรับคำชี้แนะจากกรรมการกลางพรรคลงสู่การปฏิบัติ เพื่อให้การจัดตั้งสปท.สำเร็จตามกำหนด
สหายที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ช่วงนั้นกล่าวว่า สหายบิญเป็นจัดตั้งหรือฝ่ายการเมืองของสปท. ผู้ดูแลการดำเนินงานของสปท.ตั้งแต่เปิดสถานีที่เวียดนามเรื่อยมาจนย้ายเข้าสู่จีนในช่วงแรก แต่เพราะความรับผิดชอบที่มีอยู่หลายด้าน เช่น ควบคุมดูแลการจัดตั้งโรงเรียนการเมืองการทหารในเวียดนาม และงานในแนวหลังอื่นๆ สหายบิญจึงไม่ได้อยู่ประจำแต่เพียงในสปท.แห่งเดียว แต่ก็เป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่า สหายบิญคือผู้รับผิดชอบสูงสุดทางการเมืองของสปท.
นอกจากการกำหนดกลยุทธ์ ชี้นำความคิดทางการเมืองแล้ว สหายบิญหรือชื่อภาษาจีนที่ใช้ คือหลิวกั๊วะอิง ยังได้นำความสามารถเชิงการเขียนมาใช้ในการเขียนแถลงการณ์ในนามพคท. และเขียนบทความสำคัญๆ ให้สปท.ออกอากาศ แม้กระทั่งกลอนยาวชิ้นแรกที่สปท.ออกอากาศ ก็เป็นผลงานของสหายบิญเช่นกัน
สหายบิญเขียนกลอนชิ้นนี้ หลังจากที่สหายรวม วงษ์พันธ์ หนึ่งในคณะกรรมการกลางพรรค ถูกสั่งประหารชีวิตในข้อหาการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ เมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ.2505 (ค.ศ.1962) ในช่วงที่จอมพลสฤษดิ์เป็นนายกรัฐมนตรีและเป็นผู้สั่งการ เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจสหายบิญอย่างรุนแรง สหายจึงเขียนกลอนยาวชื่อ “ปืนตอบปืน” ซึ่งมีบทลงท้ายว่า “เราต้องต่อสู้ชิงชัย ต่อปืนมันใช้ด้วยปืนปฏิวัติผอง” กลอนบทนี้นับเป็นบทแรกที่มีการพูดถึงการต่อสู้ด้วยอาวุธ โดยที่ก่อนหน้านี้สปท.ไม่เคยเอ่ยถึงการใช้อาวุธมาก่อนจนกระทั่งเหตุการณ์วันเสียงปืนแตก
วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2508 (ค.ศ.1965) ซึ่งเป็นที่รับรู้ทั่วกันว่า ถือเป็นจุดเริ่มการต่อสู้ด้วยอาวุธของประชาชนโดยพคท.อย่างแท้จริง ต่อมาในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ.2508 (ค.ศ.1965) สปท.ก็ได้ออกอากาศบทความเรื่อง “การจับอาวุธขึ้นต่อต้านศัตรูของชาติและประชาชน เป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชน” (ธง แจ่มศรี ใต้ธงปฏิวัติ หน้า 408) และต่อมาในเดือนกันยายนปีนั้นเอง กรมการเมืองของพคท.ที่ประชุมกันที่ดงพระเจ้า จ.สกลนคร ได้มีมติให้เริ่มการต่อสู้ด้วยอาวุธในทุกเขตที่มีเงื่อนไข (ประวัติพคท. โดยเชาวน์ พงษ์พิชิต หน้า 323)
ความสามารถในการประพันธ์อีกด้านหนึ่งของสหายบิญ คือ การแต่งเพลง โดยสหายได้แต่งบทกลอนให้โฆษกชายอ่านออกอากาศก่อน จากนั้นจึงมีการนำบทกลอนดังกล่าวมาใส่ทำนอง กลายเป็นบทเพลงสำคัญที่ชื่อว่า “อันเสียงที่มีพลังดังจากไหน” สหายบิญเป็นผู้แต่งทั้งเนื้อร้องและทำนองเพลงนี้ โดยสปท.ได้นำมาออกอากาศในวันครบรอบ 1 ปีของการก่อตั้ง สปท.อีกด้วย
โปรดติดตามและมีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก