สถานีข่าวเสียงประชาชนแห่งประเทศไทย หรือ สปท.ในยุคปัจจุบัน จะนำเอาเนื้อหาบางตอนของหนังสือ “ที่นี่…สถานีวิทยุเสียงประชาชนแห่งประเทศไทย” ที่จัดทำโดย กลุ่มเพื่อน สปท. ซึ่งตีพิมพ์ไปเมื่อปี พ.ศ.๒๕๖๕ มาลงให้เพื่อนมิตรอ่านในไลน์กลุ่ม ส.ป.ท. ติดต่อกันไปเป็นตอน ๆ โดยเริ่มจากเรื่อง “อันเสียงที่มีพลังดังจากไหน” ซึ่งเป็นเรื่องราวประวัติการก่อตั้ง การดำเนินงาน และการสิ้นสุดบทบาทของ สปท. ในฐานะสื่อวิทยุที่มีอิทธิพลต่อความคิด และการต่อสู้ของประชาชนเป็นเวลายาวนานถึง ๑๗ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ จนถึง วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๒
อันเสียงที่มีพลังดังจากไหน
ตอนที่ ๕ สหายผู้มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งสปท.
สหายนิตย์
สหายนิตย์ หรือ นิตย์ พงศ์ดาบเพชร เกิดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2469 ( ค.ศ.1974 ปฏิทินเก่า) ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ในหนังสือ “ธง แจ่มศรี ใต้ธงปฏิวัติ”หน้า 233 มีข้อความเกี่ยวกับนิตย์ พงษ์ดาบเพชรไว้ว่า “ตามเอกสารที่เป็นทางการระบุว่า บิดาชื่อนายเมือง มารดาชื่อนางเนียน มีสัญชาติไทย มีพี่หรือน้องชื่อนายทองอยู่ พงษ์ดาบเพชร คุณนิตย์มีเชื้อสายจีนกวางตุ้งศึกษาในโรงเรียนจีนกวางตุ้ง และเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ขณะมีอายุ 15 ปี”
จากข้อมูลข้างต้น สหายนิตย์ได้เข้าร่วมกับพคท.ประมาณปีพ.ศ. 2485 (ค.ศ.1942)ซึ่งเป็นปีที่หนังสือพิมพ์มหาชนของพคท.ฉบับปฐมฤกษ์ออกเผยแพร่เป็นครั้งแรก โดยมีสหายนำของพคท.หลายคนร่วมอยู่ในกองบรรณาธิการ และยังเป็นช่วงการเคลื่อนไหวต่อต้านญี่ปุ่นของผู้รักชาติทั่วประเทศ งานขยายการจัดตั้งองค์กรต่อต้านญี่ปุ่นทั่วประเทศ จึงถือเป็นภารกิจสำคัญอย่างหนึ่งของพคท.
ช่วงต้นปีพ.ศ. 2486 (ค.ศ.1943) มีการจัดการศึกษาครั้งใหญ่ของระดับแกนนำนาน 10 วันเพื่อศึกษาสถานการณ์และเตรียมการตั้งกองกำลังอาวุธต่อต้านญี่ปุ่น สหายนิตย์ก็ได้เข้าร่วมอยู่ในการประชุมนี้ด้วย
นอกจากนั้นเมื่อพคท.มีมติจัดตั้งชนชั้นกรรมกรต่อต้านญี่ปุ่น และใช้หนังสือพิมพ์มหาชนเป็นแกนกลางการโฆษณา สหายนิตย์ร่วมกับคุณธง แจ่มศรี คุณสีห์ อโณทัย ได้เข้าทำงานจัดตั้งกรรมกรในโรงงานยาสูบ โดยสหายนิตย์เข้าทำงานที่แผนกใบยา และเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง สมาคมกรรมกรต่างๆ สามารถดำเนินงานได้ตามกฏหมาย ทำให้งานของพคท.ในการจัดตั้งกรรมกรทำได้อย่างเปิดเผย สหภาพแรงงานยาสูบที่สหายนิตย์เป็นหนึ่งในผู้นำการเคลื่อนไหวนัดหยุดงาน จึงได้รับชัยชนะจากการประท้วงเพียงครึ่งวัน
ระหว่างปีพ.ศ.2488-2489 (ค.ศ.1945-1946) สหายนิตย์ยังมีบทบาทในการจัดตั้งองค์กรสตรี โดยเป็นหนึ่งในผู้นำสตรีฝ่ายไทยของสมาคมสตรีชาวจีนโพ้นทะเล ซึ่งต่อมาขยายเป็นสมาคมสตรีไทย และเป็นผู้นำในหน่วยพรรคที่รับผิดชอบการเคลื่อนไหวจัดตั้งเยาวชน สหายนิตย์ยังได้รับมอบหมายให้เป็นผู้สร้างความสัมพันธ์กับแนวร่วมระดับสูงเช่น คุณพูนศุข พนมยงค์
ในการประชุมสมัชชาครั้งที่ 2 ของพคท.เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2495 (ค.ศ.1952) สหายนิตย์ ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกคณะกรรมการกลาง โดยในปีนี้เองที่สหายนิตย์ออกจากประเทศไทยและเข้ามาทำงานในสถานีวิทยุกระจายเสียงระหว่างประเทศของจีน ต่อมาในการประชุมสมัชชาครั้งที่ 3 ของพคท.ในปีพ.ศ.2504 (ค.ศ.1961) สหายนิตย์ก็ได้รับเลือกเป็นหนึ่งในคณะกรรมการกลางอีกครั้ง
สหายนิตย์จึงเป็นสหายนำระดับสูงของพคท.เพียงคนเดียวที่มีฐานะเปิดเผย คือด้านหนึ่งทำงานกับองค์กรของรัฐบาลจีนในสถานีวิทยุกระจายเสียงระหว่างประเทศ อีกด้านหนึ่งคือกรรมการกลางพคท.ที่ได้รับการยอมรับจากพรรคจีนและรัฐบาลจีน ซิว ซิววัน ล่ามจีน-ไทยประจำตัวนายกฯ โจว เอินไหลและเติ้ง เสี่ยวผิง ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือ “หยิกเล็บมังกร” เป็นผู้ที่รู้จักคุ้นเคยกับสหายนิตย์เมื่อครั้งที่ท่านทำงานอยู่ที่สถานีวิทยุปักกิ่ง ซิว ซิววันได้เอ่ยถึงสหายนิตย์ พงษ์ดาบเพชรไว้ว่า “ผู้เชี่ยวชาญไทยในสถานีวิทยุปักกิ่ง” และ“คุณนิตย์เป็นคอมมิวนิสต์ผู้อาวุโส”
สหายนิตย์ได้รับมอบหมายจากฝ่ายนำให้มาร่วมก่อตั้งสปท.ตั้งแต่ช่วงแรกที่เวียดนามในปี พ.ศ.2505 (ค.ศ.1962) โดยสหายสปท.ที่ได้ร่วมงานกับสหายนิตย์เล่าว่า ในการออกอากาศช่วงแรกๆ สหายนิตย์ได้รับผิดชอบเป็นทั้งหัวหน้าแผนกโฆษกและหัวหน้าแผนกรายการ เนื่องจากตอนนั้นสหายนำและผู้ปฏิบัติงานในสปท.ยังมีจำนวนไม่มาก หน้าที่ของท่านจึงครอบคลุมทั้งงานบริหารและการปฏิบัติ เริ่มจากวางรูปแบบรายการ ร่วมกับบรรณาธิการ พิจารณาเนื้อหา และเขียนสคริปท์รายการเพื่อเพิ่มเติมในส่วนที่ยังขาด ดูแลโฆษกในการบันทึกเสียง และการตรวจสอบรายการก่อนออกอากาศ เรียกว่าตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ สหายสปท.เล่าว่า “ทุกครั้งหลังบันทึกเทปเสร็จก่อนจะส่งไปกระจายเสียง สหายนิตย์จะกรอเทปฟังเพื่อตรวจสอบรายการอีกครั้งตั้งแต่ต้นจนจบ ถ้ามีส่วนที่ขาดตกต้องเติม หรือกระทั่งอ่านแก้ไขใหม่ ก็จะให้มีการแก้ไข ก่อนบรรจุม้วนเทปลงกล่องผูกเชือกตีตราครั่งซึ่งใช้ลูกกุญแจประทับเป็นสัญลักษณ์ทุกครั้ง” และเมื่อมีสหายใหม่เข้ามาร่วมงาน สหายนิตย์จะทำหน้าที่ฝึกสอน แนะนำ ถ่ายทอดความรู้ให้กับสหายใหม่ เปรียบได้กับทั้งพี่เลี้ยงและครูเพื่อบ่มเพาะและสร้างผู้ปฏิบัติงานรุ่นใหม่ๆ ให้กับสปท.
เช่นเดียวกับสหายนำของสปท.ท่านอื่น นอกจากรับผิดชอบงานในหน้าที่ปกติแล้ว สหายนิตย์ซึ่งแม้จะเป็นลูกครึ่งไทย-จีน แต่เป็นผู้ที่ใช้ภาษาไทยได้ดีมาก เคยศึกษาวิชาการหนังสือพิมพ์ที่จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย (ภาคกลางคืน) และน่าจะมีประสบการณ์จากการทำหนังสือพิมพ์มหาชนในช่วงแรกๆ ด้วย สหายนิตย์จึงช่วยเขียนรายการเพื่อให้สปท.ออกอากาศด้วย เช่น เขียนบทความเรื่อง “ศึกษาจากคิวบา” บทความนี้ท่านได้นำเสนอบทเรียนการนำกองทัพปฏิวัติของคิวบาโดยฟิเดล คาสโตร ที่ได้รับการยกย่องและกล่าวขานกันในประเทศต่างๆ ที่มีการต่อสู้ของประชาชน จากการที่เขานำมวลชนลุกขึ้นต่อสู้โค่นล้มรัฐบาลหุ่น ที่มีสหรัฐอเมริกาหนุนหลังจนได้รับชัยชนะ เพื่อขยายการรับรู้และสร้างแรงบันดาลใจแก่สหายและมวลชนที่รับฟังสปท. และการลงมือเขียนบทความของท่านนั้น แน่นอนว่ายังเป็นต้นแบบของการเขียนบทความวิทยุให้สหายได้ใช้เป็นแนวทางอีกด้วย
เมื่อภารกิจที่ได้รับมอบหมายมา ลุล่วงแล้ว เมื่อสปท.ย้ายมาที่จีนในปี พ.ศ.2510 (ค.ศ.1967) สหายนิตย์ก็ได้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสสัญชาติไทยแห่งสถานีวิทยุกระจายเสียงระหว่างประเทศของประเทศจีนอีกครั้ง โดยในปีพ.ศ.2529 (ค.ศ.1986) ท่านได้รับเกียรติจากกรมผู้เชี่ยวชาญแห่งรัฐให้มีฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญอาวุโสที่มีสิทธิ์พำนักอยู่ในประเทศจีนตลอดไป สหายนิตย์ได้ปฏิบัติงานอยู่ในประเทศจีนจนตลอดอายุงานและถึงแม้จะเลยวันเกษียณอายุแล้ว ท่านก็ยังคงสร้างผลงานให้กับสถานีวิทยุดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ตราบจนเสียชีวิตด้วยวัย 73 ในปีพ.ศ. 2543 (ค.ศ.2000)
โปรดติดตามและมีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก