“สหายผู้เฒ่าเล่าความหลัง”.........“เขต ทปท.ห้ามเข้า”
โดย….“เฒ่าตะวัน”
งานมวลชน ตอนที่ 2
เมื่อมาอยู่เขตงานมวลชน ที่ อำเภอละงู สมัยปี 2520 นั้น พื้นที่จะเป็นป่าทึบ และมีทุ่งหญ้าคาแซมเป็นแห่งๆ หมู่บ้านที่ติดป่าใหญ่ภูบรรทัดคือ บ้านมะนัง
บ้านนี้มีตำนานว่า ในอดีตเจ้าเมืองสตูลได้ถอยทัพจากการต่อสู้แย่งเมือง ขึ้นมาหลบซ่อนที่ป่าภูบรรทัดที่เป็นหมู่บ้านมะนังแห่งนี้ มะนัง มาจากคำว่าม้าที่พระราชานั่ง วันดีคืนดี ก็ว่ามีเสียงม้าร้องก้องป่า เชื่อว่าเป็นเสียงร้องของม้าพระที่นั่งครั้งนั้น ก็ว่ากันไป
ทหารประชาชน นักปฎิวัติ มีความคิดที่เป็นวิทยาศาสตร์ เชื่อในสิ่งที่พิสูจน์ได้ มีเหตุผล จึงไม่กลัว .. ไม่กลัว ..
งานมวลชน ในหน่วยงานมีสหายไม่กี่คน สหายหญิงต้องไปเป็นคู่ และมีสหายชายไปดูแลด้วย ส่วนสหายชายบางครั้งก็เดินทางคนเดียว บ้านมวลชนที่เข้ามาบุกเบิกป่าทำมาหากิน ก็อยู่กระจายกัน ทางเดินไปมาหากันก็เป็นทางเดินเล็กๆ ผ่านป่า และเราก็ตั้งค่ายที่พัก ลึกเข้าไปในป่าห่างบ้านมวลชนพอควร
บางวันผมเดินคนเดียวไปพบปะเคลื่อนไหวมวลชน ขากลับค่ำมืด ผ่านป่าใหญ่ ความมืดในป่าถ้าไม่ใช่ข้างขึ้นใกล้วันเพ็ญนี้จะมืด มืดสนิทเลย เดินทางมีเพียงแสงไฟฉาย ไฟฉายที่เราต้องประหยัดถ่าน และแสงไฟจากการส่องไฟฉายนั้นทำให้เรามีจุดอ่อนเป็นเป้าได้..
ส่วนใหญ่จึงต้องเดินมืดๆ อาศัยแสงจันทร์ บอกแล้วไง สหายมีความคิดวิทยาศาสตร์ ปลุกปลอบตนเองไป .. แต่โลกทัศน์ในวัยเด็กถูกหลอกมา ถูกการส่งผ่านข้อมูลเรื่องผีๆมา ตั้งแต่เด็กจนโต .. ความคิดวิทยาศาสตร์นี้เพิ่งมารู้ไม่กี่ปี เดินไปเรื่องผีก็วนแทรกเข้ามา ปลุกปลอบใจไป ก็มาอีก มองต้นไม้ ไหว ผ่านแสงจันทร์สลัว .. มันเป็นภาพปีศาจ ผี ..ใจสั่นระรัว กลั้นใจ ท่องผีไม่มีในโลก.. แถม นะโมตัสสะ.. อีก .. ป่าค่อยกลับมาเป็นป่า .. ปกติ .. สติกลับคืนมา ..
งานมวลชนของเรา ต่อมาเมื่อเรากุมสภาพได้ เราเคลื่อนตัวจากบ้านมะนัง ลงไปยังชุมชมหนาแน่น ตั้งค่ายในป่าใกล้หมู่บ้านทุ่งนางแก้ว ที่มีทำเลที่ตั้งเหมาะกับการขยายงานมวลชน ด้วยมีเส้นทางเชื่อมกับบ้านหนองราโพ ที่เป็นบ้านมวลชนเดิมย้ายมาจากพัทลุง และคุณฉ่ำสหายในหน่วยของเรา ก็มีบ้านเดิมอยู่ที่หนองราโพ มีไร่นาครอบครัวที่นั่น อีกด้านก็สามารถเชื่อมไปเขตงานมวลชนทางทุ่งหว้าที่เป็นเขตงานอีกหน่วยได้ มีถนนใหญ่เส้นทางไปอำเภอละงูตัดผ่าน
ที่ค่ายพักบ้านทุ่งนางแก้วนี้คึกคัก เย็นๆ เยาวชนจะเข้ามาเยี่ยม มาพูดมาคุย คุณเวชถึงกับทำบาร์คู่ไว้ออกกำลังกาย เด็กเยาวชนชายก็มาเล่นด้วย บ้างก็มาฟังเพลง เพลงปฎิวัติที่มีกลิ่นอายของท้องถิ่นชาวใต้ของ "วงจรยุทธ์" มวลชนชอบมาก
มวลชนที่นั่นมีทั้งมุสลิม และไทยพุทธ มีมวลชนชาวอีสานด้วย ที่เด่นๆ ชื่อตาปุนเป็นพรานมือฉมัง ตาปุนมีเมียมุสลิมชื่อเยาะ ตัวสูงอ้วนโต ตาปุนตัวเตี้ยผอมเล็ก ตาปุนชอบดื่มและกินหมู มีพรานคู่แข่งอีกคนชื่อโกเส้ง ฝีมือยิงปืนลูกซองนี้ขั้นเทพ ปืนลูกซองเดี่ยว แต่โกเส็งมีความชำนาญยิงได้เร็วกว่าปืนลูกซองห้านัด ทั้งสองนายพรานนี้เป็นมวลชนที่เอาการเอางาน เสมือนทหารบ้านของเรา
กระแสของพรรค มีอิทธิพลต่อมวลชนมาก เราไปที่ไหนก็มีแต่การต้อนรับ ผมเคยเข้าไปในชุมชนใหญ่ตำบลเขาขาวที่มีโรงพัก และตลาดใกล้ๆ ไปกับคุณเผียน พกปืนสั้นไป ปืนของผมลูกโม่ .38 เราเดินเท้าไปประมาณชั่วโมงกว่า ไปนั่งที่ร้านกาแฟ .. มีตำรวจสองนายมองแล้วเดินปรี่เข้ามา มือผมเตรียมพร้อมที่ด้ามปืน ..ทว่าตำรวจที่มา มีท่าทีพินอบพิเทา เดินมือกุมเป้าก้มๆ เข้ามาคุยกับคุณเผียน ..
ภาพเช่นนี้บ่งบอกถึงกระแสพรรค
ทางใต้มวลชนที่สนับสนุนพรรค หลายคนแย่งชิงเอาปืนจากตำรวจมาให้สหาย และที่ อำเภอละงู และโรงพักละงู จังหวัดสตูล ก็เพิ่งถูกสหายบุกปิดล้อม ได้ชัยชนะขนสินสงครามขึ้นกองทัพ
ไม่กี่เดือนต่อจากนั้น ฝ่ายทหารทปท.ได้พาสหายชายในหน่วยงานมวลชนเรา ไปเผาโรงพักเขาขาว เพื่อไม่ให้เป็นที่พักพิงทางการทหารของฝ่ายรัฐในการจะมาปราบปรามเราได้
ในช่วง 1 ปี งานมวลชนสตูลรุดหน้าแผ่ขยาย ทั่วสตูลเขตงานเชื่อมถึงกัน ตั้งแต่ทุ่งหว้า ละงู ควนกาหลง
ความก้าวหน้าในการขยายเขตงาน ทำให้เป็นเขตงานเป้าหมายที่หน่วยศิลปิน นาฎศิลป์ และวงดนตรีจรยุทธ์ จะลงมาทำการแสดง..
ซึ่งจะเล่า ตอนต่อไป
โปรดติดตามและมีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก