“สหายผู้เฒ่าเล่าความหลัง”.........“เขต ทปท.ห้ามเข้า” ภาค 2 งานมวลชน ตอนที่ 7
โดย….“เฒ่าตะวัน”
เมื่อเราลงมาตั้งค่ายพักที่ชายป่า บ้านทุ่งนางแก้ว .. เราเลือกทำเลที่ใกล้ถนนเส้นทางบ้านมะนัง ไปอำเภอละงู ที่ผ่านบ้านทุ่งนางแก้ว นอกจากเป็นบริเวณป่าแล้วด้านหลังพ้นแนวป่าไม่ไกลจะเป็นทุ่งหญ้าคา มีทางออกเชื่อมได้หลายด้าน ลัดเลาะไปยังบ้านชาวบ้านในชุมชนก็ไม่ไกล ..
เราทำแคร่ไม้ไผ่ ตั้งเสาคลุมผ้ายาง เป็นแคร่ 4-5 หลัง แยกสัดส่วน บริเวณสหายหญิง สหายชาย และครัวเตาดินขุด ใช้ไม้ฟืน ..
ข่าวกองกำลัง อส. มาอยู่ที่ตำบลเขาขาว ซึ่งห่างจากเรา 10 กว่ากิโลเมตร ..มี อส.จอมขมังเวทย์ด้วย ชื่อหยีมาส ลือกันว่า เก่งคาถาอาคม หนังเหนียว ยิงไม่เข้า เวลาตวาดเสียงดัง ๆ ใบมะพร้าว ยอดมะพร้าวจะมอดไหม้ ..
ผมก็ งง งง ขำ ขำ ..วิชาอาคมอะไร .. ตวาดแล้วต้นไม้ ใบไม้ ยอดมะพร้าว ไหม้ !!
คุยโวด้วย.. “กับคอม เคยเจอมาแล้ว ถูกคอมล้อมยิง.. ถอดโสร่ง เอามากวัดแกว่ง ปัดกระสุน แหวกวงล้อมมาได้อย่างปลอดภัย” ..
ข่าวการเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เรามีความระมัดระวังตัวกันมากขึ้น
สำหรับเรื่องแปลก แนวคิดจิตนิยม ความเชื่อชาวบ้านในชนบทดูจะเป็นของคู่กัน อย่างเรื่อง "ผีปอบ"
วันหนึ่งสหายหญิงกลับมาจากการไปฉีดยารักษาคนป่วยเล่าว่า ที่บ้านป่าแกบ่อหิน.. มีคนถูกปอบเข้า.. จึงชวนกันไปดู
ผมนึกถึงเรื่องปอบที่แม่เคยเล่าให้ฟังว่า คนไล่ผีปอบนั้น มีคาถาวิชา มีหวายลงอักขระยันต์ เวลาเขาไปไล่ปอบจะส่งเสียงดัง ตวาด ฟาดหวายเฆี่ยนตีปอบ ปอบกลัว ยอมออกจากร่างที่สิง ..
ผมจึงคิดเลียนแบบ ปฏิบัติการทางจิตวิทยาข่มขวัญปอบลองดู
เมื่อเดินไปถึงหน้าบ้าน ได้เห็นชาวบ้านมายืนออ มุงดูเหตุการณ์ปอบเข้าสิงคน ..
เคยฝึกละคร เล่นละครมาก่อน ก็สวมวิญญาณคนไล่ปอบ เดินอาด ๆ เข้าไป ย่างขึ้นบันไดแบบกระทืบเท้า เสียงดัง .. : "ใคร มันมาจากไหน บังอาจมารังแกคนที่นี่ "
พร้อมกับถีบประตูห้องที่เปิดแง้มอยู่ ..ภาพผู้หญิงแก่ หน้าตาน่ากลัว นั่งบนแคร่มุมห้อง ปากขมุบขมิบ ตาเขียวปัดเป็นประกายจ้องมาทางผม..
ผมยกปืนคาร์บินขึ้นขู่ มือตบด้ามปืนแรง ๆ ให้เกิดเสียงดัง.. จ้องไปที่ร่างแม่เฒ่า.. ตวาด .. "จะไปรึไม่ไป ถ้าไม่ไป ยิงทิ้งทั้งผีและคน " .. พร้อมทำตาถมึงทึงวับวาวใส่แม่เฒ่าที่ปอบเข้าสิง..
แม่เฒ่า ..ก้มหน้า ตัวสั่น ทรุดลงนอนเหมือนคนเป็นลม .. ชาวบ้านผู้ชายบางคนเข้าไปดูแล ..
แม่เฒ่าค่อย ๆ งัวเงียรู้ตัวขึ้นมา ท่าทางแบบคนปกติ ..มองไปทางลูกหลาน พูดเบา ๆ ว่า.. แม่หิวข้าว ..ลูกหลานดีใจ จากที่กลัว ๆ แอบ ๆ ดูอยู่ห่าง ๆ ก็เข้ามาล้อมแม่เฒ่า นวดตัว พัดวี หาข้าวมาให้กิน
.. ปอบ จริง ปลอม ไม่รู้ .. ?
ถ้าปอบไม่ออก ไม่ไป ปอบสู้ล่ะ.. จะทำยังไง ?
ผมจะอยู่ทำไม ผมก็ใช้วิชาเสือเผ่นสิครับ !!
กลับที่พัก มีหมูป่าที่สหายยิงมาได้ มื้อเย็นจึงมีเมนูหมูป่าผัดเผ็ด ที่เหลือแม่ครัวผัดรวนเก็บไว้ได้เต็มหม้อ
รุ่งเช้า ผมตื่นแต่เช้ามืดด้วยมีธุระกับมวลชน จึงเดินลัดเลาะป่าออกไปด้านข้าง ๆ โรงเรียนทุ่งนางแก้ว ไปพบมวลชน.. ขากลับได้มอเตอร์ไซค์กลับเพื่อให้ทันกินข้าว แต่ด้วยขี่มอเตอร์ไซค์ไม่คล่องนัก เจอสะพานไม้แผ่นเดียวที่วางพาดทางน้ำไหลผ่านถนน จึงต้องจอดเพื่อจะจูงรถมอเตอร์ไซค์ข้ามสะพาน..
ชาวบ้านอยู่ใกล้วิ่งกระหืดกระหอบมา..บอก.
"โค้งข้างหน้า นายมาเต็มไปหมด"
ผมทิ้งรถไว้ให้ชาวบ้าน.. ตนเองวิ่งหลบเข้าป่าข้างทาง.. ไปค่ายที่พัก..
ในที่พักสหายกำลังรวมตัวกัน เรารู้ตัวแล้ว ทุกคนยืนถือปืนประจำกาย สะพายเป้เพื่อที่จะเคลื่อนย้ายหลบหลีก ด้วยเราเป็นเพียงสหายงานมวลชนที่มีกำลังด้อยกว่า
ฝ่ายนำกำหนดแผนการ รหัส จุดนัดพบ หากมีการปะทะให้ฝ่ายทหารระวังหลัง และยิงสกัด
คำสั่งรหัสโจมตี ปีกซ้าย ปีกขวาตีโอบ คือให้ถอย
การวางแผนยังไม่เสร็จดี มีเสียงเคลื่อนไหวในแนวป่าด้านหน้าค่ายที่พัก
คุณเวช คุณชำนิ คว้าปืนวิ่งไปอยู่แนวป้องกัน คอยยิงสกัด
ไม่นานก็มีเสียงปืนยิงปะทะ เสียงสนั่น ติดต่อกันตลอด
พวกเราที่เหลือต้องทิ้งฐาน ค่ายที่พัก.. พากันวิ่งไปป่าด้านหลังที่พัก ท่ามกลางห่ากระสุนไม่ทราบทิศทางใด ตัวผมวิ่งก้ม ๆ ฝ่าป่าหญ้าคาที่สูงท่วมหัวตามสหายไป
วิ่งไปได้ไม่นาน ผมตามสหายไม่ทัน และก็หลงทิศ ได้แต่วิ่งก้ม ๆ หมอบ ๆ ไปต่อ เจอสหายอีกคน ขณะเดียวกันเสียงปืนระรัวเป็นชุด กระสุนว่อนไปทั่ว จึงต้องหมอบหลบ นิ่ง ไม่เคลื่อนไหว เพราะหากเคลื่อนไหวจะเป็นที่สังเกต หากเราหลบอยู่นิ่ง ๆ เขายากที่จะค้นหา เพราะจุดที่เราอยู่เป็นป่าทุ่งหญ้าคากว้างใหญ่
เมื่อเหตุการณ์สงบ ผมและสหายจึงออกไปยังจุดนัดพบ สหายเราทุกคนปลอดภัย..ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
ความดีใจที่ผ่านวิกฤตกันมาได้ สหายเยาวชนเราพากันร้องเพลง "เสือกระดาษ" ด้วยความครื้นเครง
"เสือ เสือกระดาษ
สำแดงอำนาจขี้ขลาดตาขาว
มีเรื่องตลกอันแสนเกรียวกราว
จะเล่าเรื่องราวให้พี่น้องฟัง
วันหนึ่งเดินชนกันเข้า
ถูกพวกเรายิงเอาตั้งหลายคน..”
"อ้าว.. แล้วพวกนาย.. ไม่ยิงเอาบ้างนิ"..
"อ้อ.. ยิง .. แต่”..
“หลับหู หลับตายิงกราด
ต้นไม้ใบขาดเกลื่อนกลาดเต็มดิน”
555 555
บรรยากาศหลังพายุร้าย ท้องฟ้ากลับมาดูแจ่มใส..
ทว่าสังเกตเห็นคุณญา ดูเศร้า ๆ .. เลยถามคุณญาเป็นอะไร ?
คุณญา.. แม่ครัวใหญ่ของหน่วย ตอบว่า..
"ฉันดายของหมูเถื่อนที่ผัดรวนไว้ ตั้งหม้อใหญ่.. ไม่ได้เอามาที.."
โถคุณญา นึกว่าเศร้าเรื่องอะไร .. เศร้าพราะเสียดายหมูป่าที่ผัดไว้เตรียมทำครัวนี่เอง.. !!??
โปรดติดตามและมีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก