“สหายผู้เฒ่าเล่าความหลัง”.........“เขต ทปท.ห้ามเข้า” ภาค 2 งานมวลชน ตอนที่ 9 (ตอนจบ)
โดย….“เฒ่าตะวัน”
คุณรักธรรม ที่ทำงานมวลชนในเขตงานสตูล เป็นเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนการเมืองการทหาร ค่ายบ้านตระนั้น พื้นเพเป็นคนจังหวัดเชียงราย อดีตนักศึกษารามคำแหง ที่เข้าป่าจากผลกระทบทางจิตใจในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519
คุณรักธรรม เป็นนักกิจกรรมที่เอาการเอางาน ศึกษาแนวคิดทางการเมือง จนมีอุดมการณ์แน่วแน่ ที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมให้เป็นสังคมที่เป็นธรรม จึงมีการดัดแปลงตนเองอย่างเข้มข้น มีลักษณะบุคลิกภาพที่อ่อนน้อมถ่อมตน สุภาพ ให้เกียรติมิตรสหาย เคารพความคิดเห็นผู้อื่น โต้แย้งความคิด ความเห็นต่างอย่างสุภาพ นุ่มนวล
จากการมุ่งมั่นต่อภารกิจปฎิวัติ คงด้วยผลจากการตื่นตัวทางการเมืองของนักศึกษา จากบริบทสังคมมหาวิทยาลัย ช่วงหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ผนวกกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ที่ปิดกั้นแนวทางสันติวิธีทางการเมือง การเรียกร้องเพื่อความเป็นธรรมด้วยมือเปล่าของนักศึกษา ชาวนา กรรมกร นักการเมือง จะถูกตั้งข้อหานานา หลายคนถูกจับกุม รุนแรงถึงขั้นฝ่ายผู้เรียกร้องความเป็นธรรมถูกฆ่า จนฟางเส้นสุดท้ายขาดลงสู่การตัดสินใจต่อสู้ด้วยอาวุธ เมื่อเพื่อนๆ ร่วมชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถูกยิง ถูกฆ่า ทำร้ายอย่างทารุณ เหี้ยมโหด และถูกจับกุม ต่อหน้าต่อตา..
ในโรงเรียนการเมืองการทหาร คุณรักธรรม เป็นนายหมู่ที่รับผิดชอบ พูดน้อย ยิ้มแย้มใจดี สร้างบรรยากาศที่ดีในการศึกษาแบบเสวนา เปิดโอกาสการแสดงความมีส่วนร่วมให้สมาชิกในหมู่ที่มีทั้งนักศึกษาปัญญาชน ชาวนาชนบท และมาจากสังคมเมือง
จากโรงเรียนการเมืองการทหาร ค่ายบ้านตระ ภูบรรทัด ส่วนใหญ่ถูกส่งลงไปปฎิบัติงานมวลชน สำหรับที่เขตงานมะนัง ทุ่งนางแก้ว สตูลนั้น รุ่นๆ เดียวกัน ก็มีคุณฉ่ำ คุณรักธรรม คุณริน และผม (ตะวัน)
ที่เขตงาน คุณฉ่ำ คุณรักธรรม ผม ทำแคร่นอนด้วยกัน คุณเผียน คุณเวช คุณชำนิ จะทำแคร่หรือไม่ก็ตอกไม้ง่ามเป็นเสาสี่เสา สำหรับขึงผ้าเปลนอน ให้ออกตึงๆ เป็นเตียงผ้าใบ ไม่ต้องใช้ไม้ไผ่ปูนอน
ในค่ายนี้มีสองคนที่สูบบุหรี่ ทุกค่ำก่อนนอนคุณฉ่ำ คุณรักธรรมจะพากันมวนยาสูบ พ่นควัน คุยกันเพลิน ยิ้มร่าอารมณ์ดี
พอดึกๆ หรือเช้ามืดคุณฉ่ำ ก็จะไปยามเบ็ด ดูเบ็ดที่นำไปปักไว้แต่หัวค่ำ หิ้วปลากลับมา.. ให้สหายทำอาหาร
หลังรับทานอาหารเช้า เราก็จะแยกกันไปทำงานตามภาระกิจ ส่วนใหญ่ผมก็จะได้ติดตามคุณเผียน ที่เป็นสหายนำ บ้างก็ไปกับคุณเรือง คุณเรืองมักนำพามวลชนทำจิตอาสาพัฒนาชุมชนในด้านต่างๆ ไม่ว่าถนน สะพาน ลงแขกเกี่ยวข้าว .. และหลายครั้งก็ไปกับ คุณระเบียบ คุณรินที่ปฎิบัติงานหมอมวลชน ทำนองเป็นบอดี้การ์ด และโฆษณางานการเมือง ไปพร้อมๆกัน
คุณชำนิ คุณเวช คุณฉ่ำ คุณรักธรรม สี่เสือจรยุทธของเขตงาน ก็จะจับคู่ บางวันก็ไปพร้อมกันทั้งสี่คน บางวันก็ไปสามคน จรยุทธชายเขตงาน จนถึงขอบเขตขาวของศัตรู
ย้อนถึง วันคืนที่เศร้าโศก..
วันที่คุณฉ่ำ มีภารกิจที่บ้านหนองราโพ หมู่บ้านที่อยู่ในเส้นทางถัดจากบ้านทุ่งนางแก้วลงไป อำเภอละงู มีคุณเวช คุณรักธรรม ร่วมเดินทาง ..สามสหายแต่งกายแบบชาวบ้าน ผ้าขาวม้าคลุมปืนเอ็ม 16 เดินทางออกจากค่ายพัก ลัดเลาะไปตามชายป่าของหมู่บ้านทุ่งนางแก้ว.. มุ่งไปบ้านหนองราโพ
สายวันนั้น เราได้ข่าวอันแสนเศร้า เพื่อนเราทั้งสาม คุณเวช คุณฉ่ำ คุณรักธรรม ได้เสียสละ พลีชีพ กลางทุ่งนา บ้านหนองราโพ
เหตุการณ์ที่ชาวบ้านเล่า
..เช้าวันนั้น มีทหารและ อส.ลาดตระเวณเข้ามายังหมู่บ้าน และขณะที่อยู่ในหมู่บ้าน นั่งพักกันอยู่ใต้ถุนบ้านริมนา กำลังจะเดินทางออกไปต่อ เขาได้เห็นสหายเราเดินออกมาจากชายป่า ลงมายังทุ่งนา ตรงมายังหมู่บ้าน แรกๆ พวกทหารก็เข้าใจว่าเป็นชาวบ้านธรรมดา
ชาวบ้าน รู้ว่าเป็นสหาย มีบางคนถึงกับโบกมือให้ถอยกลับไปๆ หนีไปๆ ต่างภาวนาให้สหาย รู้ตัวว่ามีศัตรู ต่างภาวนาให้สหายถอยไป และปลอดภัย
คงด้วยสหายเรา ลงไปอยู่กลางทุ่งนาโล่ง แสงสว่างแยงตา มองไปที่หมู่บ้าน ใต้ถุนบ้านจะเป็นเงาๆ ภาพที่เห็นไม่ชัดเจน และสหายไม่เข้าใจความหมาย เห็นการโบกมือที่ให้ถอยกลับของมวลชน คือการทักทาย
มวลชนเล่าว่า สหายโบกมือทักทาย ผ้าขาวม้าที่คลุมปืน เผยออกให้เห็นปืนที่สหายถืออยู่ ทหารที่มาลาดตระเวนเห็น จึงรู้ว่าเป็นคอม เป็นสหาย ..
ฝ่ายสหายเรา อยู่ในพื้นที่โล่งแจ้ง กลางทุ่งนาแห้งหลังการเก็บเกี่ยว สามสหาย จรยุทธเข้าไปถึงกลางทุ่งนาโล่ง ถึงได้รู้ตัว
หน่วยลาดตระเวนของอีกฝ่าย ที่มีทั้งทหารและอส. ได้อาศัยเสาบ้าน เนินดินเป็นเกราะกำบัง พร้อมระดมกันยิงปืน เข้าใส่
นอกจากภาพของการยิงต่อสู้ปะทะกันแล้ว ที่มวลชนได้รับรู้ คือเสียงประกาศของสหาย.. "อยู่อย่างยิ่งใหญ่ ตายอย่างมีเกียรติ ".. "การปฎิวัติจงเจริญ" ที่เปล่งออกมา อำลา เป็นครั้งสุดท้ายจากสหาย
เราสูญเสียสหาย นักรบปฎิวัติที่ดีเลิศทั้งสามคน คุณเวช คุณฉ่ำ คุณรักธรรม ..
ที่ค่ายงานมวลชน เราได้ทราบข่าว ด้วยความเศร้า มิตรสหายที่กิน นอน พูดจาสนทนากันตลอดมาต้องพลีชีพ ..
แม้จะโศกเศร้า ก็ได้แต่แปรความโศก ความเศร้าให้เป็นพลังปฎิวัติ ..
อีกไม่กี่เดือนต่อมา การสานต่อกับเพื่อนที่อยู่ฐานที่มั่นภาคเหนือ ผ่านเพื่อนที่ กทม. ผมได้รับหนังสือให้ไปปฎิบัติงานกับเพื่อน มิตรสหายภาคเหนือ เป็นภารกิจขยายเขตงานมวลชนที่ราบภาคเหนือ เชื่อมต่อทางยุทธศาสตร์กับเขตงานต่างๆ ..
สหายนำในกองทัพรับทราบ ผมได้เดินทางออกจากเขตพัทลุง ตรัง สตูล ลงมาเขตงานคุณศรี บ้านช่องเขา ลิพัง.. เดินทางเข้าจังหวัดตรัง เดินทางโดยรถไฟเข้า กทม.
และแล้วได้แค่ประจำการที่ กทม. วนเวียนอยู่ตามสำนักพิมพ์กับมิตรสหายที่ทำวารสารการเมือง ด้วยสถานการณ์ ป่าแตก ผมไม่ได้ไปต่อ จึงบ๊ายบายไทยแลนด์ ไปสมัครเป็นล่ามเรือประมงที่ได้สัมปทานในมหาสมุทรอินเดีย ..มีหน้าที่ด้านเอกสาร และสอนการเดินทะเล สอนประมงให้คนอินเดียที่มาฝึกงานบนเรีอสองคน .. พึ่งลงเรือครั้งแรกของชีวิต เมาคลื่นเมาทะเลเป็นอาทิตย์ แถมภาษาอังกฤษก็งูๆ ปลาๆ
จึงได้แต่บอก แขกอินเดีย สองคนนั้นว่า You.. learning by doing.. . OK.
……..
บทส่งท้าย
สหายผู้เฒ่าเล่าความหลัง "เขต ทปท. ห้ามเข้า" หลายผู้คนคงสงสัย ทำไมเรื่องเล่า จึง.. ชื่อว่า "เขต ทปท. ห้ามเข้า"
เพราะเขต ทปท. เป็นเขตหวงห้าม ผู้คนภายนอก ยากนักที่จะได้เห็น ได้ทราบเรื่องราว ภาพภายใน.. มันเสมือน ทวิภพ .. ภพหนึ่ง โลกหนึ่งที่คู่ขนานกับสังคมไทยในขณะนั้น
โลกภายนอก ที่แข่งขัน แย่งชิง แสวงหาเพื่อผลประโยชน์ตนเอง กับโลกของผู้คนที่มีอุดมการณ์ มีอุดมคติเดียวกัน มาอยู่ร่วมกัน มีแต่ความรัก เกื้อกูล เอื้ออาทร แบ่งปันต่อกัน ร่วมกันทำภารกิจปฎิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงโลก เปลี่ยนแปลงสังคม ใช้ชีวิตรับใช้สังคม
ท่ามกลางการต่อสู้ ท่ามกลางความทุกข์ยาก ด้วยแสงดาวแห่งศรัทธา เราอยู่อย่างใจเป็นสุข
คนที่ไม่มีอุดมการณ์ ไม่มีอุดมคติ ย่อมยากจะเชื่อ ว่าโลกนี้มีผู้คนที่พลีตน พลีกาย เพื่อเพื่อนมนุษย์ เพื่อประชาชนโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน อยู่จริง ..
แต่เรื่องราวของผู้คนเช่นนั้น มีอยู่จริง ใน "เขต ทปท. ห้ามเข้า"
จบเรื่องเล่า "เฒ่าตะวัน"
…………………………….
To banish the trace of a tear from eyes;
A thousand deaths would I gladly die;
If one more life were granted me;
I’d spend that life in serving thee.”
By Awetik Issaakjan
เพื่อลบรอย คราบน้ำตา ประชาราษฎร์
สักพันชาติ จักสู้ม้วย ด้วยหฤหรรษ์
แม้นชีพใหม่ มีเหมือนหวัง อีกครั้งครัน
จักน้อมพลี ชีพนั้น เพื่อมวลชน.
แปลโดย ศรีนาคร
จิตร ภูมิศักดิ์
……………
โปรดติดตามและมีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก