ลุงขาบ  ผู้ปฏิวัติตลอดกาล

 

“ขาบ” เป็นชื่อจัดตั้งของ ไวฑูรย์ สินธุวณิชย์ อดีตกรรมการกรมการเมือง ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ในสมัยประชุมสมัชชา ๔ ปี ๒๕๒๕ ในบางเขตงาน ใช้ชื่อจัดตั้งว่า “กรด” และยังมีบางที่ที่เรียกท่านว่า “ดำรง” แต่ใครๆ มักเรียกท่านว่า “ลุงขาบ”

 


ชื่อไวฑูรย์ สินธุวณิชย์ ปรากฏให้เราเห็นในฐานะนักต่อสู้เพื่อประชาชน เป็นครั้งแรกในรายชื่อ กรรมการเจ็ดคนขององค์กรสันนิบาตเยาวชนแห่งประเทศไทย หรือ สยท. ที่จัดตั้งโดยกลุ่มนักศึกษาก้าวหน้าในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง เมื่อปลายปี พ.ศ.๒๔๙๒ ต่อ ๒๔๙๓

 

(กรรมการ ๗ คน มี ไวฑูรย์ สินธุวณิชย์, ผิน บัวอ่อน, อุดม เจริญรัตน์, อดุลภมรานนท์, ฝังโพธิ์ บุญเลี้ยง, ประจวบ อัมพะเศวต, ปาล พนมยงค์ โดยมี อดุล ภมรานนท์ ซึ่งใช้ชื่อจัดตั้งว่า “กำปั่น” เป็นเลขาธิการ)

 


สยท.เป็นองค์กรลับ แต่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีนักศึกษาที่เอาการเอางานแต่ไม่ต้องการเปิดตัว มาเข้าร่วมจำนวนมาก การเคลื่อนไหวสำคัญๆ ที่ สยท.มีบทบาทเช่น กรณีกฏ ก.พ.ที่ ๑๑๐, กรณี ร.ร.เนติบัณฑิตยสภา, การเรียกร้องสันติภาพคัดค้านสงคราม, การเคลื่อนไหวเรียกร้องมหาวิทยาลัยคืน, การเดินขบวนคัดค้านนักเรียนนายร้อยทหารบกที่รุมซ้อมนักศึกษา ม.ธ.ก., การคัดค้านการขึ้นค่าเรียนสมัย จอมพล ป.เป็นอธิการบดี, รวมทั้งการเดินขบวนขับไล่ขุนประเสริฐเมื่อ วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๔๙๘

 


ที่มากไปกว่านั้น ก็คือ สยท.เป็นแหล่งกำเนิดผู้ปฏิบัติงานสายปัญญาชนที่เอาการเอางาน ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หรือ พคท.จำนวนมาก เช่น เสถียร พงษ์เจิรญ, สุพร อ่อนเรือง, ถาวร จุฬเสวก ฯลฯ เยาวชนจำนวนมากถูกปลุกให้ตื่น และถึงแม้จะมีจำนวนหนึ่งไม่ได้เข้าร่วมงานกับพคท. แต่ก็เติบโตเป็นบุคคลคุณภาพของประเทศในเวลาต่อมา

 

จนกระทั่ง เกิด “กบฏสันติภาพ” ในปี ๒๔๙๕ นักศึกษาถูกจับกุมและคุมขังหลายสิบคน สยท.ต้องกระจัดกระจาย บางคนถึงกับวางมือ แต่ก็มีบางคนที่โถมตัวเองเข้าสู่การต่อสู้มากขึ้น หนึ่งในจำนวนนั้นคือ ไวฑูรย์ สินธุวณิชย์ พร้อมๆกับ ผิน บัวอ่อน และสัมผัส พึ่งประดิษฐ์

 


ก่อนหน้านั้น ในการเคลื่อนไหวสันติภาพ ไวฑูรย์ สินธุวณิชย์ ก็เป็นคนหนึ่งในกลุ่มนักศึกษาที่ถูกลงโทษ “ไม่ให้เข้าฟังการสอน ๑ ปี”

 


(นักศึกษา ๙ คนที่ถูกลงโทษในข้อหา “ดำเนินการเล่นการเมืองประชุมเกี่ยวกับสันติภาพ” “เคลื่อนไหวติเตียนมหาวิทยาลัยและเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาล” มี ประจวบ อัมพะเศวต, ลิ่วละล่อง บุนนาค, มารุต บุนนาค, อาทร พุทธิสมบูรณ์, ทวีป วรดิลก, ปริญญา ลีละศร, อารีย์ อิ่มสมบัติ, พรชัย แสงชัจจ์ และไวฑูรย์ สินธุวณิชย์)

 

วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๔๙๕ ไวฑูรย์ สินธุวณิชย์ ออกเดินทางจากท่าเรือคลองเตยโดยเรือบรรทุกสินค้าไปฮ่องกง และปักกิ่ง เพื่อเข้าศึกษาในสถาบันลัทธิมาร์กซ-เลนิน ที่ปักกิ่ง พร้อมกับ เสนาะ พาณิชย์เจริญ, สุนันทา กุลเวียงชัย, ฝังโพธิ์ บุญเลี้ยง และปักษ์ โดยใช้ชื่อจีนว่า จางซิ่น และได้สมรสกับ สุนันทา กุลเวียงชัย

 

ปี ๒๕๐๑ พคท.ต้องการปรับปรุงงานชนบท ไวฑูรย์ สินธุวณิชย์ รับหน้าที่ขยายงานที่จังหวัดระยอง แต่ครอบครัวเป็นที่รู้จักของคนที่นั่น บิดาเป็นคหบดีมีชื่อเสียง สุดท้ายถูกผู้ว่าราชการจังหวัดในเวลานั้นซึ่งคุ้นเคยกับบิดาเรียกไปตักเตือน จึงถูกย้ายไปรับผิดชอบงานภาคใต้ ในชื่อ “คุณขาบ”

 

คุณขาบถูกส่งไปเบตง เพื่อประสานงานกับพรรคมลายาที่กำลังต้องการผู้รู้ภาษาไทย แล้วได้รับมอบหมายงานให้ทำงานในหาดใหญ่ ทำหน้าที่นำสหายมลายาที่บาดเจ็บมารักษาตัว แต่คุณขาบฟังภาษาใต้ไม่ออก เป็นอุปสรรคต่อการทำงานเป็นอย่างมาก พอดีกับสฤษดิ์ทำรัฐประหาร มีการกวาดล้างจับกุมครั้งใหญ่ คุณขาบจึงไปเป็นกรรมกรกรีดยางอยู่ที่อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช

ปี ๒๕๐๔ พคท.จัดประชุมสมัชชาครั้งที่ ๓ ไวฑูรย์ สินธุวณิชย์ ร่วมกับประสิทธิ์ เทียนศิริ, สิน เติมลิ่ม และยุพิน ศรีสังวาล ได้รับมอบหมายให้สร้างงานที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี

 

ปี ๒๕๒๕ เมื่อพคท.จัดประชุมสมัชชา ๔ โดยแยกประชุมในที่ต่างๆ ๔ แห่ง ภาคอีสานจัดประชุมที่จังหวัดนครพนมนำโดย ประจวบ เรืองรัตน์ ภาคเหนือประชุมที่จังหวัดตากนำโดย ไวฑูรย์ สินธุวณิชย์ ภาคใต้ประชุมที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นำโดย สิน เติมลิ่ม ประเทศจีนประชุมที่คุนหมิง โดยมีกองอำนวยการประชุมอยู่ที่ศูนย์กลางพรรค ภายใต้ความรับผิดชอบของวิรัช อังคถาวร และธง แจ่มศรี

 

ในการประชุมครั้งนี้ ไวฑูรย์ สิธุวณิชย์ได้รับเลือกเป็นหนึ่งในคณะกรรมการกรมการเมือง

 

(รายชื่อคณะกรรมการกรมการเมือง สมัชชา ๔ จำนวน ๗ คน มี ธง แจ่มศรี, วิรัช อังคถาวร, ไวฑูรย์ สินธุวณิชย์, ประจวบ เรืองรัตน์, สิน เติมลิ่ม, วินัย เพิ่มพูนทรัพย์, นพ ประเสริฐสม)

 

ปี ๒๕๓๐ คณะกรรมการกลางพยายามที่จะเปิดประชุมครั้งที่ ๓ แต่เสียลับ ไวฑูรย์ สินธุวณิชย์ถูกตำรวจจับกุม

 


(วันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๓๐ ผู้ปฏิบัติงานถูกจับ ๑๖ คน มี ไวฑูรย์ สินธุวณิชย์, นพ ประเสริฐสม, สิน เติมลิ่ม, ประจวบ เรืองรัตน์, วิบูลย์ เจนไชยวัฒน์, ชำนาญ บรรจงเกลี้ยง, ชิดชนก โสภณปาน, อ่อนศรี อินวุฒิไชย, ประเสิรฐ ท้าวธงไชย, สมบัติ ไชยเส, ปุ่น แก้วหานาม, นิภาพรรณ พัฒนไพบูลย์, วิโรจน์ บุญเพ็ชร, หนก บุณโยดม, สมพงษ์ วิจิตรใจพันธ์, นภดล ภักดี)

 

หลังจากได้รับการปล่อยตัวในปี ๒๕๓๑ ลุงขาบก็ยังร่วมเคลื่อนไหวในขบวนการต่อสู้ของประชาชนอยู่ตลอดเวลา ท่านมักจะไปปรากฏตัวในงานต่างๆ ของชาว พคท.ด้วยท่วงท่า เรียบง่าย สุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน และพูดเท่าที่จำเป็น ทำให้มิตรสหายไม่น้อยไม่รู้จักท่าน ไม่รู้ว่าท่านผู้เฒ่าผิวขาวรูปร่างบอบบางเดินหลังตรงสีหน้าอ่อนโยนผู้นี้คือ นักปฏิวัติที่มีปณิธานแน่วแน่ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์สูงส่งมาทั้งชีวิต

 

ลุงขาบเสียชีวิตเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๘ ในขณะที่มีอายุ ๙๗ ปี นับเป็นคนสุดท้ายของนักศึกษาสถาบันลัทธิมาร์กซ-เลนิน ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยที่จากไป

 

วีรภาพที่ยิ่งใหญ่ของท่านจะประทับอยู่ในประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชนไปตลอดกาล

 

ด้วยคารวะ
สหายฟืน

 

 

สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก  

whitebanner