บันทึก :- คิดถึงป่า ตอน...ถอดเสื้อค่าง
โดย…”วันดี”
มีมากมายหลายอย่างในชีวิตเราที่อยากจำแต่กลับลืม และที่อยากลืมแต่กลับจำ
คลองโต๊ะหังเป็นลำธารสายหนึ่งที่ไหลคดเคี้ยวผ่านเขตป่าเขาบริเวณรอยต่อของจังหวัดพัทลุง-ตรัง-สตูล
พื้นที่ริมลำธารบริเวณรอยต่อสามจังหวัดนี้เองคืออดีตที่ตั้งของค่ายเขต 2 และริมฝั่งธารสายนี้เช่นกันที่ฉันได้ประกอบกิจการถอดเสื้อค่างอย่างเป็นล่ำเป็นสันอยู่ระยะหนึ่ง
ปีนั้นเรากำลังสร้างค่ายใหม่ กำลังของเราถูกแบ่งเป็นส่วน ๆ ตามความจำเป็นของงาน ฉันเองได้รับมอบหมายให้มาร่วมงานสร้างค่ายครั้งนี้ ในตำแหน่งแม่ครัวพร้อมกับสหายหญิงอีกคน
งานสร้างค่ายเป็นงานหนัก สหายทุกคนทุ่มเทกำลังกันหามรุ่งหามค่ำ เนรมิตป่าสูงตรงรอยต่อสามจังหวัดให้เป็นค่าย หรือต่อมาเรียกกันภายในว่า "องค์การ" ซึ่งมีทุกอย่างเกือบสมบูรณ์ในความเป็นศูนย์กลางอำนาจของเขต 2
ที่นี่เราได้สร้างทั้งโรงพยาบาล โรงครัว เรือนพลาธิการ บ้านพักสหายหญิงชาย บ้านพักสหายครอบครัว โรงพิมพ์ สำนักพิมพ์ โรงเหล็ก สนามบาสเก็ตบอล โรงเรียนหรือที่บางทีเราเรียกกันตามหน้าที่ว่า "ห้องประชุม"
องค์การมีพื้นที่กว้างขวางทอดตัวไปตามลำน้ำคลองโต๊ะหัง ที่ราบเล็กๆ บนไหล่เขาด้านหนึ่งของฝั่งคลองถูกปรับให้เรียบลดหลั่นเป็นชั้น ๆ สวยงามด้วยน้ำมือของสหาย เรือนแต่ละหลังสร้างด้วยไม้ไผ่บนเสาไม้เนื้อแข็ง หลังคามุงด้วยใบจากภูเขา และแน่นอนว่าพวกเขาทำงานเหล่านั้นโดยมีฉันและสหายหญิงอีกคนหนึ่งปรนนิบัติด้วยอาหารวันละ 2 มื้อ
โรงครัวชั่วคราวของเราปลูกอยู่ริมคลอง ทุกบ่ายคุณพฤกษ์ สหายชาวซาไกผู้ถือปืนลูกกรดยาวเป็นอาวุธประจำกาย จะหาบค่างคราวละ 4-5 ตัวมาทิ้งไว้ให้เราริมคลอง หลังจากเก็บล้างอุปกรณ์ทำครัวของมื้อเช้ากันแล้ว เราสองคนก็จะมาช่วยกันจัดการกับค่างกองนั้น ซึ่งแต่ละตัวยังอ้าปากค้างเห็นฟันขาวโพลน จะเรียกว่าแสยะหรือยิงฟันก็แล้วแต่ แต่พอจะเดาได้ว่ามันคงจะเจ็บปวดแสนสาหัสขณะโดนกระสุน
ใหม่ ๆ ฉันไม่มีกะจิตกะใจที่จะจัดการกับซากของสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ผอม ๆ เหล่านี้เลย แต่ด้วยการปลุกระดมของสหายร่วมรบในโรงครัว เธอบอกให้ฉันเห็นถึงความจำเป็นที่สหายส่วนใหญ่ต้องได้โปรตีนเพื่อชดเชยกับพลังงานที่ใช้ไปในการสร้างค่ายให้กับงานปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่ ในที่สุดฉันก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำอาหารมื้อเย็นจากค่างหลายตัวให้กับสหายที่ตรากตรำงานหนักจนได้
วันดี ๆ บางวัน สหายที่กลับมาจากทำงานนอกค่ายผ่านลำธารมาทางโรงครัว จะได้เห็นร่างของค่างที่ถูกถอดเสื้อล่อนจ้อนแขวนกับต้นไม้ริมลำธารเป็นแถว พวกเขาล้อเลียนฉันว่า “วันนี้คุณวันดีฆ่าเด็กอีกแล้ว” คำพูดเล่น ๆ เช่นนี้ทำให้ฉันสะเทือนอยู่ในใจแต่ไม่กล้าบอกใคร
กรรมวิธีการถอดเสื้อค่างนั้นฉันจะเล่าให้ฟังว่าทำกันอย่างไร เอาแบบเรียบ ๆ ไม่บรรยายรายละเอียด จะได้ไม่ต้องคิดอะไรมาก คิดแค่ว่าเรากำลังทำอาหารก็แล้วกัน นะสหายนะ
ก่อนอื่นเอาซากค่างมาผูกคอแขวนกับกิ่งไม้ริมลำธารเพื่อให้ล้างเลือดออกได้ทันทีเมื่อเสร็จงาน จากนั้นก็เอามีดมาควั่นคอ ตัดข้อมือข้อเท้าออก แล้วผ่าหนังด้านหน้าแบบเดียวกับเสื้อกระดุมหน้า ใช้มือดึงหนังจากส่วนคอออกตามแบบถอดเสื้อที่เราทำกันทุกวัน ใช้แรงให้พอดี ๆ หนังก็จะหลุดออกจากร่างทั้งตัว ที่เหลือคือร่างที่ไม่ผิดไปจากคนเลยแม้สักนิดเดียว ต่อจากนั้นก็ผ่าเอาเครื่องในออกทิ้ง ก่อนจะเอามาหลับหูหลับตาสับ ๆ ให้เป็นชิ้น เทลงไปในกระทะใบใหญ่ที่เครื่องแกงกำลังเดือด
ฉันทำงานนี้อยู่นานเป็นเดือนจนค่ายแห่งนี้สร้างเสร็จ โดยไม่เคยกินเนื้อค่างในแกงเลยแม้สักคำเดียว เสื้อผ้าเนื้อตัวของฉันสหายบางคนบอกว่าเป็นกลิ่นเดียวกับพวกมัน และจนบัดนี้ภาพร่างอันเปลือยเปล่าของสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ เหล่านั้นก็ยังติดตาติดใจไม่เคยลืม เป็นอะไรที่อยากลืมแต่กลับจำฝังใจเรื่องหนึ่งของชีวิต
โปรดติดตามและมีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก