คำประกาศในงานวันพรรค 1 ธันวาคม 2567 ณ อนุสรณ์สถานวีรชนประชาชนแห่งตะนาวศรี
เนื่องในวาระวันก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยครบรอบ 82 ปี
โดย มิตร สหาย
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นภายหลังการประชุมสมัชชาครั้งที่หนึ่ง เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2485 วันเดือนเคลื่อนผ่านมาถึงวันนี้ -วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2567 นับเป็นเวลา 82 ปี
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย คือ องค์กรที่หลอมรวมผู้มีอุดมการณ์ทางการเมืองเดียวกัน เข้ารณรงค์ต่อสู้เพื่อนำแนวทาง นโยบายของพรรคฯไปบริหารปกครองประเทศ
พรรคฯได้ประกาศจุดยืนอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา โดยมุ่งเปลี่ยนแปลงประเทศให้มีเอกราช ประชาธิปไตย หลุดพ้นจากความยากจน ล้าหลัง มีความมั่งคั่งไพบูลย์ นำประเทศไปสู่สังคมนิยม พลเมืองมีสิทธิความเท่าเทียม และผลักดันให้สังคมคอมมิวนิสต์ปรากฏเป็นจริง
พรรคฯถูกใส่ร้ายป้ายสี และถูกคุกคามจากชนชั้นที่สูญเสียอำนาจและผลประโยชน์ พวกเขาใช้ อำนาจรัฐเผด็จการเป็นเครื่องมือเข้าจับกุมคุมขัง ทรมาน ลอบทำร้าย และได้ประหารชีวิตลูกหลานที่ดีเลิศไปจำนวนมาก
ด้วยคำสั่งของสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2504 ก่อนครูครอง จันดาวงศ์ กับครูทองพันธ์ สุทธิมาศ จะถูกปิดตา ผูกมัดมือสองข้างเข้ากับหลักประหาร ครูครอง จันดาวงศ์ ได้ชูกำปั้นขึ้นพร้อมเปล่งคำพูดอมตะไว้ว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ”
วันที่ 24 เมษายน พ.ศ.2505 คุณรวม วงษ์พันธ์ สหายรุ่นบุกเบิกถูกคำสั่งประหารชีวิต โดยมาตรา 17 ได้ตะโกนก้องก่อนเพชฌฆาตจะลั่นไกปืนว่า “คอมมิวนิสต์เป็นคนดี เขาทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชนที่ถูกกดขี่… จักรวรรดินิยมอเมริกาจงพินาศ เผด็จการสฤษดิ์จงพินาศ ประชาชนไทยจงเจริญ พรรคคอมมิวนิสต์จงเจริญ"
ผ่านความเจ็บปวด การสูญเสีย จนในที่สุดพรรคฯต้องมีมติใช้แนวทางการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธ ปลุกระดมมวลชนในชนบท มุ่งขยายงานและสร้างฐานที่มั่นในเขตป่าเขา แล้วเสียงปืนปฏิวัติได้แผดกัมปนาทขึ้นเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2508 ต่อมาได้จัดตั้ง “กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย” อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2512
บรรยากาศสังคมการเมืองไทยขณะนั้น ไม่มีประชาธิปไตย ไม่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จนกระทั่งขบวนการนักเรียน นิสิตนักศึกษา ประชาชน ได้รณรงค์ลุกขึ้นมาประท้วงเรียกร้องให้มีรัฐบาลพลเรือนจากการเลือกตั้ง กระทั่งเกิดเหตุการณ์วันประชาธิปไตยเบ่งบาน 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 ตามมาด้วยเหตุการณ์ปราบปรามยิงทิ้ง แขวนคอ และเผาทั้งเป็นอย่างโหดเหี้ยมกลางกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519
ในช่วงปลายปี พ.ศ.2519 ถึงต้นปี พ.ศ.2520 นักเรียน นิสิตนักศึกษา ประชาชนผู้ชาติหลายพันคน ได้เดินทางเข้าสมทบกับกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย ในเขตป่าเขาทั่วทุกภาคของประเทศ เสริมสร้างพลังการสู้รบ เร่งไฟสงครามเพื่อความเป็นธรรมให้โหมแรงยิ่งขึ้น
การปลุกคนให้ตื่นรู้ลุกขึ้นสู้สักคน การแผ้วถางป่าดงรกชัฏให้เกิดทางเดินแต่ละก้าว ล้วนเกิดจากหยาดเหงื่อแรงกาย หยดเลือด และชีวิตของผู้พลีอุทิศคนแล้วคนเล่า เช่นเดียวกัน การต่อสู้ของพรรคฯที่ผลักรุนให้เกิดการเคลื่อนไหวมวลชน มีการจัดตั้งกรรมกร ปลุกปั้นชาวนา เกิดการหล่อหลอมดัดแปลงตนของปัญญาชน ชนชั้นนายทุนน้อย นายทุนชาติ ซึ่งทำให้มวลชนคนระดับล่างมีบทบาทปลดปล่อยตนเอง และผู้รักชาติได้อุทิศตนเพื่อเสรีภาพ ความเท่าเทียมกัน นับเป็นผลงานของพรรคฯที่สั่นสะเทือนประวัติศาสตร์การเมืองไทย
แล้วอุดมการณ์ คุณธรรมของพรรคปฏิวัติก็ได้สร้างศรัทธาสูงเด่น มวลชนเปรียบพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยดั่งดวงตะวัน ที่ส่องแสงสว่างให้เห็นอนาคตที่สดใสงดงาม เปรียบพรรคฯดั่งพ่อแม่ ที่สั่งสอนให้ตระหนักถึงคุณค่า ศักดิ์ศรีตน ให้มีโลกทัศน์ - ชีวทัศน์ที่ถูกต้อง มีปณิธานชีวิตที่ให้ “อยู่อย่างยิ่งใหญ่ ตายอย่างมีเกียรติ”
สถานการณ์ตั้งแต่ พ.ศ.2522 เริ่มเกิดความขัดแย้ง มีการล่มสลายของขบวนการคอมมิวนิสต์สากล สหภาพโซเวียตพังทลาย สังคมนิยมจีนต้องปฏิรูปประเทศรอบด้าน ฯลฯ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่เพิ่งชูปืนประกาศสงครามปฏิวัติ ยังต้องการมวลชนเข้าร่วม ยังต้องการพลพรรคเข้ากองทัพฯอีกมาก บวกรวมกับปัญหาภายในของพรรคฯที่สั่งสมมา และมีความเห็นต่างกันในประเด็นวิเคราะห์สภาพสังคมไทย ส่งผลให้เกิดวิกฤต“ป่าแตก” และต้องยุติการต่อสู้เมื่อ พ.ศ.2537
เวลาผ่านมาถึงวันนี้ บทเรียนของพรรคฯ แบบอย่างที่ไม่ยอมจำนนจากผู้อาวุโส รอยเลือดวีรชนคนกล้าที่ได้ถมตนไปบนเส้นทางปฏิวัติ มีให้เรียนรู้เทิดทูนอย่างอุดมสมบูรณ์ พรรคภาพแห่งพรรคฯที่ผ่านการต่อสู้มายาวนาน นับจากปีก่อตั้งจนถึงวันนี้ 82 ปีแล้ว ยังปรากฏ ยังมีลมหายใจ ยังผลิบานสานเผ่าพันธุ์เมล็ดพืชสีแดงไม่มีสิ้นสุด อุดมการณ์ของพรรคฯยังปักมั่นดั่งหลักศิลากลางน้ำเชี่ยว และเคลื่อนไหวดุจธารธรรมที่ไหลล่วงสู่มหาทะเลหลวง
โลกในรอบร้อยปีที่ผ่านมา มีความเปลี่ยนแปลงที่ก้าวหน้าและล้าหลัง ก้าวหน้าในด้านวิทยาการแทบทุกด้าน เรียนรู้กำเนิดโลกลึกล้ำขึ้น ค้นคว้าอนาคตศาสตร์กว้างไกลไปในเวิ้งจักรวาล สร้างเครื่องมือเครื่องใช้สิ่งอำนวยความสะดวกให้ชีวิต เนรมิตปัญญาประดิษฐ์ขึ้นมาคิด มาทำงานช่วยมนุษย์
ขณะเดียวกันโลกก็ยังเต็มด้วยการแก่งแย่งแข่งขัน ครอบครอง การกดขี่ขูดรีด ผูกขาด คอร์รัปชั่น มีการปกครองในแบบรัฐจารีตโบราณ แบบรัฐเผด็จการ ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมถูกทำลาย ที่สำคัญมหาอำนาจยิ่งเพิ่มศักยภาพผลิตขีปนาวุธที่พร้อมกดปุ่มทำลายล้างกันให้แหลกสลายในชั่วพริบตา
ภายใต้สภาพการณ์เช่นนี้ การสานสร้างมิตรภาพแห่งมิตรสหายและเพื่อนใหม่ให้แนบแน่น ร่วมกันใช้ชีวิตรวมหมู่ ถนอมรักซึ่งกันและกัน ถกแถลงถึงปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในทุกมิติ ที่รอบด้านด้วยมีหลักคิดทฤษฎีกำกับ เคารพในความหลากหลายทางวัฒนธรรม การนับถือศาสนา เสมอภาคกันในทุกชาติพันธุ์ จึงควรเป็นวิถีปฏิบัติสืบไป
ปฏิบัติบูชาผู้อาวุโสที่มาก่อนกาล ปฏิบัติบูชาวีรชนคนกล้า อ่อนน้อมถ่อมตนลงสู่รากหญ้า เชิดหน้าทะนงตนสร้างสรรค์ผลงานให้เติบใหญ่ เกรียงไกร
เชื่อมั่น สนับสนุน ส่งเสริม เยาวชนคนรุ่นหลัง อนาคตอยู่ในมือพวกเขา โลกใหม่เป็นของเยาวชนและมหาประชาชนทั้งมวล.
ด้วยความเชื่อมั่น และคารวะปฏิวัติ
โปรดติดตามและมีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก