บทความส่งเข้าประกวดชิงรางวัล “หนึ่งธันวา“ เรื่องที่ ๔ - บันทึกความทรงจำจากการต่อสู้ร่วมกับ พคท....“รัก” จากป่าสู่เมือง

โดย คุณมณฑา สังข์สุวรรณ

 

 ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนระอุของอากาศทางภาคเหนือ จังหวัดน่าน ภูเขาสูงชันเมื่อมองไปเบื้องหน้าโน้น คือศูนย์กลางฐานที่มั่น ป่าใหญ่ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเรา ทางเดินขรุขระ ฉันและสหายหนุน เป็นหน่วยงานในเมืองที่หนุนช่วยเขตงานต่าง ๆ ในชนบท เรามารายงานสถานการณ์ต่อสหายธาร (จางหย่วน) หรือวิรัช อังคาถาวร ฉันมีเป้ หรือที่เรียกว่า บาโล รองเท้าที่ผูกเชือกสองข้าง พร้อมข้าวห่อเป็นเสบียงเพื่อเดินทาง ระหว่างทางพบสหายชายคนหนึ่ง ร่างสันทัด ผิวขาว เดินตามหลังมาเรียกฉัน

“สหายครับ ผมจะช่วยแบกบาโลให้นะครับ” แน่นอน ฉันรีบให้เขาช่วยทันที เขาช่างมีน้ำใจงดงามจริงๆ
เขาแนะนำตัวเองว่า… “ผมชื่อ บรรจง มาจากจังหวัดตากครับ” เขามากับเพื่อนสหายอีกคนหนึ่ง เราทั้งหมดไปพบสหายเพื่อรายงานสถานการณ์ในเขตของเขาเอง
ศูนย์กลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย จังหวัดน่าน ถ้าไม่มีทฤษฎีปฏิวัติก็ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ปฏิวัติได้ บทบาทของนักรบ กองหน้า จะดำเนินการให้บรรลุได้ก็มีแต่โดยพรรค ซึ่งถูกชี้นำโดยทฤษฎีที่ก้าวหน้าที่สุดเท่านั้น
ฉันและสหายหนุนมารายงานสถานการณ์ เพื่อขอคำชี้แนะและเสนอข้อคิดเห็น ซึ่งได้ทำเป็นเทปมาแล้ว
ที่ศูนย์กลางของพรรค ฉันยังพบกับสหายอาวุโสหลายท่าน อีกทั้งสหายบา (ทรง นพคุณ) สหายไฟ (อัศนี พลจันทร) สหายโชน (เริง เมฆไพบูลย์) และ สหายนิลช้าง (เชาว์ พงษ์พิชิต) ผู้เขียนหนังสือ “ประวัติพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย” เล่มสุดท้ายขณะป่วย
ฉันประทับใจที่สุด เพราะท่านเหล่านี้ มีท่วงทำนองที่ดีงามมาก ร่าเริงแจ่มใสท่ามกลางความยากลำบาก อดมื้อกินมื้อ ไม่เหมือนพวกเราที่อยู่ในเมือง แม้จะกินแต่ถั่วงอกก็ยังสามารถกินอะไรได้ทั้งนั้น นี่คือคอมมิวนิสต์ที่แท้จริง
นอกจากนั้น ยังพบสหายเสริม และหมอตุ๋ย ซึ่งเป็นคนชลบุรี รู้สึกดีใจมาก เพราะฉันเองเป็นคนระยอง แต่เธอไม่รู้หรอกว่าฉันเป็นคนทำงานในเมือง ต้องปิดลับที่สุด
สถานการณ์พร้อมข้อเสนอแนะของงานในเมือง คือ ให้จัดตั้งสนใจงานมวลชนบนพื้นที่ราบ สำหรับฉันได้จัดตั้งหน่วยงานอยู่ใกล้ฐานที่มั่น เช่นที่คลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร มีหนึ่งครอบครัวคือ คุณพรหมและคุณจันทร์ และลูกสามคน ชื่อ หนึ่ง สอง สาม ในปี 2519 ฝ่ายทหารได้ฆ่านักศึกษา และประชาชน พร้อมคุณพรหมก็ถูกจับสูญหายไป
ส่วนที่ จ.ระยอง เราได้ให้กรรมกรหญิงคนหนึ่ง ฝังตัวอยู่ที่เขาชะเมา ซึ่งเป็นบ้านญาติคุณหนึ่ง มาเป็นกรรมกรรับจ้าง แต่อยู่ได้ไม่นานเธอไม่สบายจึงกลับกรุงเทพฯ เพื่อรักษาอาการที่โรงพยาบาลจิตเวช พระประแดง และเมื่อเธอหายแล้วก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
และที่ จ.จันทบุรี ซึ่งอยู่ติดถนนสุขุมวิท กิโลเมตรที่ 279 เป็นที่ดินผืนใหญ่ของคุณปาลชัย มีสุข บุตรชายของคุณบุญเยี่ยม และคุณหญิงอัมพร มีสุข ซึ่งอยู่ในขบวนการเสรีไทยสายอเมริกา ผู้ส่งข่าวสารถึงเสรีไทยในประเทศไทย
ภัยจากคนร่วมชาติ รัฐบาลไทย โหดร้ายยิ่งกว่าคนต่างชาตินะ ยิ่งกว่าผู้รุกรานต่างชาติ เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง ด้วยชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตร เสรีไทยที่ได้ปฏิบัติการทางทหารกับฝ่ายผู้ชนะ มีส่วนทำให้ชาติพ้นภัยจากการถูกยึดครองของต่างชาติ แต่เกือบกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายของการทำลายจากฝ่ายรัฐประหาร และพบข้อหาร้ายแรง ในที่สุด นายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ นายถวิล อุดล นายจำลอง ดาวเรือง และนายทองเปลว ชลภูมิ ถูกจับกุมและถูกฆ่า เสียชีวิตที่บางเขนในลักษณะถูกสวมกุญแจมือ และถูกกระสุนไปทั่วทั้งร่าง เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2492

 


ต้องบวชชี
ปี 2514 ฉันจำเป็นต้องบวชชี เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม ทางบ้านของฉันไม่ใช่คนก้าวหน้า อีกทั้งพี่ชายที่เป็นทหารอาชีพ ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้าม เขาไปเรียนโอกินา เพื่อมาปราบปราบคอมมิวนิสต์โดยตรง การรักษาความลับต้องถือเป็นชีวิต หากฝ่ายตรงข้ามรู้ถึงตาย
ฉันบวชชี ที่ จ.นครปฐม ไปจำพรรษา ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม
เมื่อปี 2512 ทางจัดตั้งส่งฉันไปเรียนผู้ปฏิบัติงานระดับกลางที่คุณหมิง ซึ่งขณะนั้นสามีคนแรก คุณสุวัฒน์ สุภาพวานิช เป็นอดีตรุ่นพี่นักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้สนับสนุนโดยการส่งจดหมายให้ทางครอบครัวของฉันว่า ฉันอยู่ภาคใต้ จ.ยะลา สบายดีไม่ต้องเป็นห่วง แต่เมื่อฉันไปพบเขาขณะที่บวชชี ด้วยสัญชาตญาณของความเป็นผู้หญิง ฉันรู้ว่าเขาไม่เหมือนเดิม ต้องมีผู้หญิงคนใหม่เพื่อสร้างครอบครัว เขาไม่ต้องการอุดมการณ์ที่พร่ำสอน เขารอฉันไม่ได้ ในที่สุด แน่นอนฉันรักเขา เขาต้องการสิ่งใด ฉันย่อมต้องให้เขาอย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะความรักคือ การให้
ฉันยังจำความตอนหนึ่งจากนวนิยายเรื่อง “จนกว่าจะพบกันอีก” กล่าวว่า “สิ่งที่เรียกว่าความรักนั้น ควรตั้งต้นจากจุดของความเสียสละให้ มิใช่จากจุดของการเรียกร้องเอา ถ้าเรามีความรักต่อคน ๆ หนึ่ง มันไม่ควรเป็นว่าเราควรจะได้อะไรจากคนรักของเรา แต่มันควรเป็นว่าเราคำนึงว่าจะให้อะไรแก่เธอ (เขา) เพราะเหตุแห่งความรักของเรา”
แต่ฉันยังมีความทรงจำดี ๆ ที่ประทับใจ ที่เขามอบให้ภายใต้ “จิตวิญญาณของการทำงานเพื่อมวลมนุษยชาติ จากความเป็นธรรมศาสตร์ ตามเจตนารมณ์ของ ศ.ดร.ปรีดี พนมยงค์”
ฉันย่อมต้องเสียสละ เพราะฉันรักเขาอย่างบริสุทธิ์ใจ สิ่งใดที่เขาต้องการ ฉันไม่ปฏิเสธ เขามีความสุข ฉันก็ย่อมยินดี เพราะ “ความรักคือ การสละให้ ไม่ใช่เรียกร้องว่า จะได้อะไร” จากเขา เขาเปลี่ยนแปลงไป รักเราก็สิ้นสุดลง
ฉันยังคิดถึงภาพที่เราสองคนเดินเกี่ยวก้อยกันร้องเพลง “รักชาติ” ซึ่งเป็นเพลงปลุกใจนักศึกษาที่รักชาติในขณะนั้น และเป็นบทเพลงประกอบละครเรื่อง "เจ้าหญิงแสนหวี" เมื่อ พ.ศ. 2481
ดังนั้นการบวชชีของฉันก็สอดคล้องกับการดำเนินชีวิต ไม่มีใครสงสัยว่าทำไมต้องบวชชี ขาดการติดต่อ แต่นักปฏิวัติจะไม่ยอมหยุดนิ่ง หลังกลับมาจากวัดปากช่อง พี่ชายมารับที่สถานีขนส่ง ฉันเขียนจดหมายถึงพี่สาวคนที่สามว่า...ฉันผิดหวังท้อแท้ใจ เพื่อไม่ให้พี่ชายมาสอบสวนเรื่องราวต่าง ๆ ในที่สุดคนในครอบครัวก็ไม่กล้าถามความเป็นมาของฉันที่หายไปสองปี ขณะเดียวกันฉันก็ทำงานไปด้วย โดยไปพักอาศัยบ้านบางกรวย เพราะจะจัดตั้งหลานสามคน เมื่อกลับไประยองก็ได้จัดตั้งพี่สาวคนที่สาม และหลานสาวสองคน เมื่อเขารู้ว่าฉันจำเป็นต้องบวชชีเพราะเหตุใด เขาได้เอาอาหารเย็นมาให้ด้วย
แม้ชีวิตฉันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ได้อยู่บนเวทีเต้นรำ แต่ฉันเลือกยืนบนเวทีของนักต่อสู้ ดังนั้น เส้นทางสายนี้ย่อมต้องมีขวากหนาม ต้องเสียสละเลือดเนื้อ ต้องมีความเจ็บปวด ขมขื่นเป็นธรรมดา ถ้าฉันร้องไห้ก็อย่าหลั่งน้ำตาให้ฉันเลย เพราะเป็นหนทางแห่งความศรัทธาและภาคภูมิใจแล้ว
ในปี 2516 ขณะที่บวชชี ฉันมีโอกาสทำงานกับพระภิกษุสงฆ์ด้วย ไปฟังการอภิปราย ทางการเมืองในธรรมศาสตร์ จากนั้นจึงสึกมาทำงานรับผิดชอบหน่วยจัดตั้งงานนักศึกษา เช่น ธรรมศาสตร์ มหิดล จุฬาลงกรณ์ และรามคำแหง สถานการณ์ขณะนั้นมีประชาธิปไตยบ้าง บรรยากาศคึกคัก
ปี 2518-2519 เป็นช่วงของสงครามอุดมการณ์ เข่น - ฆ่า ทารุณ โหดร้ายที่สุด ไม่มีใครปฏิเสธได้ รัฐบาลไทยใช้กระสุนยิงนักศึกษา ประชาชน อย่างโหดเหี้ยม แขวนคอกลางสนามหลวง ฯลฯ

 


รักครั้งใหม่
ระหว่างนั้นฉันทราบการแต่งงานใหม่ของอดีตสามี คุณสุวัฒน์ แต่ไม่ได้สนใจ เพราะงานการเมืองเพื่อประเทศชาติเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และสำคัญกว่าเรื่องใดทั้งสิ้น จัดตั้งแนะนำให้ฉันแต่งงานใหม่กับสหายคนหนึ่งคือ คุณบรรจง (อุดม ศรีสวัสดิ์) ที่เคยพบในป่า เมื่อครั้งที่ฉันไปรายงานสถานการณ์ที่ศูนย์กลาง เขาเป็นคนสูบบุหรี่จัด ใบหน้าซีดขาว ร่างเล็ก ฉันตัดสินใจไม่ได้ว่าสมควรจะแต่งงานกับเขาดีหรือไม่
วันหนึ่ง สหายสิน ก็เปิดโอกาสให้ฉันพูด และพวกเขาได้เสนอข้อคิดว่า ทำไม? ไม่ดูถึงจิตใจที่รับใช้ประชาชนและการเสียสละเพื่อประเทศชาติของเขาบ้าง ควรเปลี่ยนทัศนะใหม่ที่ถูกต้องของชนชั้นกรรมาชีพ
นี่คือประชาธิปไตยภายในพรรค จะเห็นได้จากการแสดงออกในการวิจารณ์ตนเอง การไม่มีการวิจารณ์หมายความว่าพรรคไม่สนใจความผิดพลาดของตนเอง หรือไม่กล้ายอมรับความผิดพลาดนั้นอย่างเปิดเผย การไม่มีการวิจารณ์หมายถึงการทำลายอำนาจของพรรค และความเชื่อมั่นของประชาชนคนภายในพรรค ภายใต้สภาวการณ์เช่นนี้ ทำให้พรรคแยกตัวออกห่างจากประชาชนอย่างสมบูรณ์ และสามารถเปลี่ยนพรรคให้เป็นหมู่คณะที่มีความเห็นแตกต่างกันได้...(ลัทธิเลนินว่าด้วยการจัดตั้งพรรค, นนทุ แปล)
ในที่สุดฉันก็มองเห็นถึงความงดงามภายในจิตใจของเขา และตัดสินใจจะร่วมทุกข์ ร่วมสุขภายใต้สถานการณ์ปฏิวัติ
ปี 2520 สหายหยัด ได้จัดการให้คุณอุดม ศรีสวัสดิ์ นำพ่อปฏิวัติคนหนึ่งไปสู่ขอกับพี่สาว (ลูกผู้พี่) ซึ่งเป็นแม่ของอาจารย์ชวลิต ธนะชานัน เคยเป็นอาจารย์สอนคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตผู้ว่าแบงก์ชาติ (พ.ศ. 2533 - 2535)
การมาสู่ขอและการแต่งงานครั้งนี้ ไม่มีกล้องถ่ายรูป ด้วยข้ออ้าง ฉันเคยแต่งงานมาแล้ว ไม่จำเป็น และสหายหยัดได้นำเตียง มีมุ้งสีนวล ๆ กางเพื่อแสดงให้เห็นเป็นเรื่องจริง พร้อมญาติฝ่ายเจ้าสาวมาส่งตัว หลังจากแต่งงานแล้ว คุณอุดม (หรือสหายบรรจง, สหายเหล่ายา) ก็กลับขึ้นไปที่เขตงาน จ.ตาก ต้องขอขอบคุณพ่อที่ปฏิวัติเป็นอย่างสูง (ในขณะที่ฉันป่วยและคุณอุดมป่วย พ่อก็ยังได้ส่งเงินมาช่วย) และขอขอบคุณสหายยศ สหายสิน สหายหยัด ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
เมื่อฉันเข้าป่าเขตงานจังหวัดตาก จำได้ว่าเดินทางมากับสหายรุ่นน้องหลายคน คุณหนึ่งชอบร้องเพลง เราให้กำลังใจซึ่งกันและกันในขณะที่เดินภูเขาสูงชัน เดินมาครึ่งทางได้พบสหายเสริม เธอให้ฉันไปนอนห้องหอพบกับคุณอุดม ห้องหอนี้ก็คือห้องครัวนั่นเอง (ฉันนึกขำอยู่ในใจ) อย่างน้อยเราก็ได้คุยกัน ฉันสามีภรรยา ด้วยความระลึกถึงในใจของเขา ฉันต้องมองเขาเหมือนรจนาได้เห็นเจ้างาะในป่าใหญ่ ภายในจิตใจของเขาแสนจะงดงาม เขายอมเสียสละเพื่อชาติและประชาชน แน่นอนเขาอยู่อย่างเรียบง่าย
หลังจากนั้นเราก็เดินต่อไปถึงหมู่บ้านแม่จันทะ ฉันจำได้ว่าพบเยาวชนผู้น่ารักคนหนึ่ง เธอเป็นนักเรียนแพทย์ชื่อสุพร มีลักยิ้มด้วยนะ เธอต้อนรับฉันอย่างดียิ่ง ฉันมาพักอยู่ที่นี่ มีสหายเกษมอยู่ด้วย มีส่วนงานอื่น ๆ ด้วย มีโรงเรียนการเมืองการทหาร มีต้นไม้สูง ๆ และมีลานกิจกรรมกว้างใหญ่ไม่เหมือนจังหวัดน่าน มีแม่น้ำไหลผ่าน อาบน้ำเย็นสบาย ยังมีหมอต้องประจำอยู่สำนักนี้ด้วย ฉันมีโอกาสไปเป้ข้าวพืชผักในสวน
ส่วนฉันทำงานในเมือง อยู่ในเขตขาว อยู่ภายใต้เผด็จการของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งโหดเหี้ยมมาก ดังนั้นการอยู่ในเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องเช่าหอพักอยู่และเปลี่ยนหอพักบ่อย ๆ หากสงสัยว่าคนข้างบ้านสงสัยเรา ดังนั้นบางทีฉันต้องเก็บอุปกรณ์ย้ายบ้านหอพักบ่อยที่สุดด้วยตัวเอง เตรียมพร้อมอยู่เสมอ ถ้าตำรวจสงสัย เราจะตอบอย่างไร มีอยู่ครั้งหนึ่งฉันขับรถเห็นตำรวจจะเรียก จึงจอดรถและเลี้ยวเข้าซอยอื่นทันที
อยู่ในเมือง เราก็คิดถึงแต่สหายที่อยู่แนวหน้า ฉันกินถั่วงอกผัดเกือบทุกวัน และซี่โครงไก่ต้มกับฟักเขียวเกือบทุกวัน ส่วนเงินที่มีอยู่ก็ส่งให้จัดตั้งเพื่อสหายในแนวหน้า เราอยู่กันอย่างมีความสุขยิ่ง เช้ามาก็ร้องเพลงปฏิวัติ เพลงที่ชอบร้องมากที่สุดก็คือ เพลงที่ลงท้ายด้วย “สู้ พ่ายแพ้ สู้ใหม่ พ่ายแพ้ สู้ใหม่ จนชัยได้มา”

“อุดม” จากไปด้วยรัก
“Do on the good you can
By all the means you can,
In on the ways you can
In on the places you can,
At all the times you can,
To all the people you can,
As long as ever you can”
“จงบำเพ็ญความดีทุกประการ
ด้วยวิธีทุกอย่าง
โดยวิถีทาง ทุกประการ
ในสถานที่ทุกแห่ง
ในเวลาทุกเมื่อ
แก่คนทุกคน
ตราบเท่าที่ ท่านจะบำเพ็ญความดีนั้นได้”
จาก John Wesley
หนังสือ “คำคมบ่มชีวิต”, ดร.กรุณา กุศลาสัย - นักเขียนรางวัลศรีบูรพา

 


อ่านคำคมนี้ทีไร หวนให้นึกถึงคุณอุดม ศรีสวัสดิ์ ทุกที ด้วยเขาก็เป็นคนเช่นนี้ ที่ผ่านมา เขาจะดูแลเอาใส่ใจสหายดีมาก สหายที่มาอยู่ด้วยกัน ไปไหนหากเจออาหารทางภาคใต้ ก็จะให้ฉันซื้อฝากป้าเหรียญทันที ทำนองเดียวกันหากพบร้านอาหารที่พี่อุมากินได้ เขาก็จะซื้อไปฝากเช่นกัน เมื่อครั้งเขายังอยู่ จะตื่นแต่เช้า หุงหาอาหารให้ทุกคนกิน เมื่อเขาไม่อยู่แล้ว เราต่างบ่นคิดถึงคุณอุดมกันอยู่เสมอ
คุณตาม่วง เคยทำงานอยู่ สวนสังข์สุวรรณ เมื่อรู้ว่าคุณอุดมจากไปแล้วรู้สึกเสียใจมาก พร้อมเล่าว่า…คุณอุดมเป็นคนมีน้ำใจมาก เอาใจใส่ตาอย่างดียิ่ง
ด้านป้าเหรียญ สหายเก่าจากแดนใต้ บอกว่า... คุณอุดมเป็นคนดีมาก ไม่ทิ้งมิตรสหาย ใครตกงานมา เขาก็ช่วยเหลือหางานให้ทำ ส่งให้ลูกของสหายเรียนจนจบปริญญาตรี ดูแลทุกคนด้วยความรักยิ่ง แม้คนขับรถตกถนนที่หน้าสวนสังข์สุวรรณ คุณอุดมก็พาไปส่งโรงพยาบาล ทำให้ผู้คนเหล่านั้นนำของขวัญมาให้ก็มี
มีเด็กคนหนึ่งชื่อ เมตตา หรือเต้ย จาก จ. อุบลราชธานี เธอพูดเสมอว่า...เต้ยไร้ที่อยู่อาศัย เหมือนลูกนกลูกกา ก็มาอาศัยคุณตา คุณอุดมให้เขาอยู่อาศัยเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง พร้อมบอกให้ดูแลเธอให้ดี เขาลำบากมา เรายิ่งต้องช่วยเหลือให้ความอบอุ่นเหมือนลูกหลาน
คุณกล้วย หรือคุณพงษ์ศักดิ์ สุรารักษ์ คนขับแท็กซี่ ที่เคยพบคุณอุดม เขียนคำอาลัยไว้ว่า...
“คุณลุงอุดม ผู้ให้กระติกน้ำร้อนและหม้อหุงข้าว ในความเป็นจิตอาสา ผู้ให้ อันเป็นนิสัยแท้จริง โดยปราศจากเงื่อนไข คุณลุงเป็นต้นบุญ ในชนกลุ่มน้อยและห่างไกลความเจริญ เป็นผู้มีประสบการณ์ด้านเกษตรเชิงพาณิชย์ เคยติดตามงานกับรัฐในกระทรวงต่าง ๆ เช่น กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตร เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและปลูกพืชเศรษฐกิจ
กระติกน้ำร้อนและหม้อหุงข้าว เป็นอุปกรณ์ที่ผมได้รับ เพื่อใช้ในการดำรงชีพ อีกทั้งองค์ความรู้ที่คุณลุงมี สามารถนำไปใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้ มีความมุ่งมั่น ไม่หวั่นต่อเรื่องใด ๆ ตอนน้ำท่วมแบบฉับพลันที่ กะเฉด อ.เมือง จ. ระยอง น้ำเชี่ยวกรากมาก คุณลุงในวัย 80 ขับรถฝ่าสายน้ำ ด้วยความเด็ดเดี่ยว
ทุกครั้งที่พบคุณลุง จะมีคำถามและคำตอบ ที่มีคติเตือนใจเรื่องการพัฒนาและให้กำลังใจในการใช้ชีวิตเสมอ คิดบวกและมีระบบคิดพัฒนาบ้านเมืองเชิงสร้างสรรค์ มีชีวิตเรียบง่าย ให้คุณค่าความเป็นมนุษย์เสมอภาค ปราศจากเงินตราที่เป็นดัชนีชี้ สุดท้ายผมจะเจริญรอยตาม คิดดี ทำดี และปฏิบัติดีแก่ทุกคน”
พี่ชาย พล.อ.ท.ดิเรก สังข์สุวรรณ ได้เขียนคำไว้อาลัยไว้ว่า “คุณอุดม ศรีสวัสดิ์ น้องเขยของผมเป็นผู้มีน้ำใจงามแก่คนทั้งปวง เขาชอบช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยากอยู่เสมอเท่าที่จะช่วยได้ จึงเป็นที่รักใคร่ของคนรอบข้างและคนในชุมชน ครั้นเมื่อเขาประสบอุบัติเหตุ ล้ม เส้นเลือดสมองแตกต้องเข้าโรงพยาบาลระยอง ผมไม่มีโอกาสไปเยี่ยมเลย ด้วยวัย 89 ปี พร้อมโรครุมเร้า ไม่สะดวกเดินทางได้ และเมื่อน้องมณฑา ได้โทรศัพท์ไปบอกว่า...คุณอุดมเสียชีวิตแล้ว ผมแทบช็อค แต่ต้องทำใจตามคำสอนของพระพุทธเจ้า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และ กัมมุนา วัตตติ โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม จึงขออาราธนาอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้โปรดดลบันดาลให้ดวงวิญญาณของคุณอุดม ศรีสวัสดิ์ จงไปสู่สุขคติ ในสัมปรายภพเถิด”

“อุดม” ไปด้วยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
งานด้านชุมชนและสิ่งแวดล้อม กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร งานวิสาหกิจชุมชน การอนุรักษ์ป่าไม้และลุ่มน้ำ คุณอุดมจะเป็นอีกคนหนึ่งที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงเสมอ
ที่ ต.ชากพง มีชาวบ้านมาร้องขอให้คุณอุดมและฉัน ช่วยอนุรักษ์บึงจำรุง พื้นที่ประมาณ 3,871 ไร่ เนื่องจากทางราชการต้องการสร้างมหาวิทยาลัยจำนวน 200 ไร่ แต่ชาวบ้านไม่เห็นด้วยเพราะเป็นที่อยู่อาศัย และในบึงมีสัตว์น้ำต่าง ๆ ที่ชาวบ้านเอามาเป็นอาหาร
“เครือข่ายบึงสำนักงานใหญ่” พื้นที่ 3,871 ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ชากพง อ.แกลง จ.ระยอง บึงแห่งนี้มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง เป็นแหล่งปลาน้ำจืด กก หรือกระจูด เป็นป่าสำเร็จ และที่อยู่อาศัยของนกนานาพันธุ์ ปัจจุบันชุมชนกว่า 7 หมู่บ้านในตำบลชากพง และที่อื่น ได้แก่ อ.บ้านค่าย อ.วังจันทน์ อ.เมือง จ.ระยอง อ.นายายอาม จ. จันทบุรี ได้อาศัยบึงนี้เป็นแหล่งอาหารและเครื่องจักสาน อาชีพเสริม อาชีพประมง พร้อมทัศนียภาพสวยงามเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ
ที่ผ่านมา คุณอุดมและฉัน รวมทั้งครอบครัวชากสิก และชาวบ้าน ได้คัดค้านการก่อสร้าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยใช้พื้นที่ 200 ไร่ ซึ่งจะทำให้ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมสูญเสีย ได้ส่งจดหมายถึงสำนักพระราชวัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง โดยให้ประชาคมทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม จัดอภิปราย โดยเชิญอาจารย์จรัล ดิษฐาอภิชัย มาให้ความรู้ความเข้าใจแก่ชุมชน โดยจัดขึ้นที่สำนักงานกลางจังหวัด โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัด คุณประชา เตรัช เป็นผู้ดำเนินการ
การเรียกร้องครั้งนี้บรรลุผลเป็นครั้งแรกในจังหวัดระยอง เพราะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำในระดับจังหวัด ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ให้ดำรงไว้สืบต่อไป
เมื่อมีความขัดแย้งต่าง ๆ ไม่ว่าจะทางการเมือง หรือเรื่องส่วนตัว เขากลับคิดเป็นเรื่องดี เพราะทำให้ได้พัฒนาไปสู่ทางออกที่ดีมากขึ้น จะเอาปรัชญาชาวบ้านของ ศักดิ์ สุริยะ ขึ้นมาพูดเสมอ และมีสหายคนหนึ่งยืมเงินและไม่ใช้คืน หนึ่งปีผ่านไปแล้ว แต่คุณอุดมจะกล่าวว่า “หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน” ไม่ควรตัดสินเขาง่ายเกินไป
เมื่อเกิดวิกฤติศรัทธา คุณอุดมเป็นคนแรกที่เสนอให้ได้มีการแลกเปลี่ยนกัน เพื่อให้มีเอกภาพภายในขบวนปฏิวัติ
เมื่อมีปัญหาภายในครอบครัว เขาจะให้การศึกษา “ว่าด้วยความขัดแย้ง” ยามเมื่อฉันเป็นโรคซึมเศร้า เขาก็เฝ้าดูแลอย่างดียิ่ง พร้อมเรียนรู้อยู่กับโลกและโรคซึมเศร้า ฉันอยากทำหรือเรียนรู้อะไร เขาก็คอยสนับสนุน แม้จะย้อมผมเขาก็มาช่วยดูว่าเรียบร้อยดีหรือยัง
ครั้นเมื่อหลังออกจากป่าแล้ว มิตรสหายชนชาติม้งและกะเหรี่ยง เขาก็ยังไปเยี่ยมเป็นประจำทุกปี เมื่อเขาเหล่านั้นเดือดร้อน เขาพร้อมช่วยเหลือทันที โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจ หาสถานที่ตลาดระยองให้ขายผัก
ในขณะที่ชนชาติอยากมีสิทธิ์มีเสียงในรัฐสภา เขาเตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองให้ แต่ต่อมาพรรคอนาคตใหม่ได้เสนอนโยบายเกี่ยวกับชนกลุ่มน้อย จึงเลิกล้มไป
คุณอุดมยังได้ประสานงานองค์กรมนุษยชน ได้ให้การศึกษากับมวลชนในหมู่บ้าน อ.พบพระ จ.ตาก ทุกปี ครั้งสุดท้ายที่นัดกับคุณพิชิต แต่ต้องยกเลิกกะทันหัน เพราะคุณอุดมเกิดอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาล จนวาระสุดท้ายของชีวิต

มณไม่มีโอกาสแก้ตัวเลย
ในคืนสุดท้ายที่คุณประสบอุบัติเหตุ
มณไปดูร่องรอยที่นอนของคุณ มีอาเจียน แสดงว่าคุณไม่สบาย
แต่มณไม่รู้เลย คุณนอนดึก แต่มณนอนหัวค่ำประมาณ 3 ทุ่ม
เรานอนคนละห้อง ความจริงหากนอนห้องเดียวกัน คนละเตียงก็ได้
คุณป่วย มณก็ดูแลได้
แต่มณไม่มีโอกาสเลย
คุณอุดมที่รัก มณเสียใจมาก ต้องขอโทษคุณด้วยนะ
รักคุณที่สุด
มณ

 

สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท.  โปรดคลิ๊ก  

 

 

whitebanner