6 ตุลาฯ สู่สายธารปฏิวัติ ตอนที่ 4: ต่อสายสำคัญ พรรคสังคมนิยมฯเตรียมเข้าป่าขบวนใหญ่
พิรุณ ฉัตรวนิชกุล
อาชีพนักข่าวสายการเมืองประจำหน้า 1 หนังสือพิมพ์ “ไทยรัฐ” ของ “สำเร็จ” ช่วยผมตามหาบรรดาผู้นำพรรค และอดีต ส.ส.ของพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยได้สะดวกขึ้นมาก
เริ่มจากบ้านเช่าที่ชุมนุมศูนย์กลางของ “แสงธรรม” ที่ขาประจำส่วนหนึ่งเคยอาศัยอยู่สำนักงานทนายความ “ธรรมรังสี” ของลุงฟัก ณ สงขลา ทนายความที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากการว่าความให้จำเลยกรณีสวรรคตล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 8 และมีพี่ไขแสง สุกใส อดีต ส.ส.นครพนมหลายสมัย อีกทั้งเป็นรองหัวหน้าพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยเป็นผู้อุปถัมภ์สำคัญ
“แสงธรรม” เป็นนักเคลื่อนไหวการเมืองที่ก้าวหน้าตั้งแต่เป็นตัวตั้งตัวตีที่มีบทบาทแหลมคมใน “สภาหน้าโดม” ของธรรมศาสตร์ เป็นคนร่วมทำหนังสือ “ภัยขาว” วิพากษ์จักรวรรดินิยมตะวันตก ที่ตำรวจสันติบาลสนใจถึงขนาดเข้ามาตามเก็บหนังสือในมหาวิทยาลัย เคยทำวารสาร “วรรณกรรมเพื่อชีวิต” และเป็น “1 ใน 13 กบฏรัฐธรรมนูญ” ร่วมกับธีรยุทธ บุญมี ไขแสง สุกใส ฯลฯ คุณสมบัติพิเศษของ “แสงธรรม” ประการหนึ่งคือ เป็นผู้ประสานสิบทิศ เข้ากับคนหลายระดับได้ง่าย ผู้หลักผู้ใหญ่ฝ่ายก้าวหน้าก็เอ็นดู เช่น คุณสุวัฒน์ วรดิลก หรือ “รพีพร” กับพี่โจ๊ว เพ็ญศรี พุ่มชูศรี นักเขียนกับนักร้อง แถวหน้าสุดของเมืองไทย “แสงธรรม” ยังมีความสัมพันธ์อันดีกับนักหนังสือพิมพ์หลายค่าย อย่าง ปรีชา สามัคคีธรรม แห่ง “มหาราษฎร์” เพื่อนรุ่นหนุ่มด้วยกันก็มี ปรีดี บุญซื่อ จรัล ดิษฐาอภิชัย วิสา คัญทัพ บุญส่ง ชเลธร และกลุ่มเพื่อนจากรามคำแหง
จุดเพ่งเล็งที่สำคัญสำหรับบ้านเช่าหลังนี้คือ สุธรรม แสงประทุม เลขาธิการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาในขณะนั้น พักผ่อนหลับนอนในบ้านหลังนี้เป็นประจำ สุธรรมถูกจับกุมตัวไปแล้ว คนที่เคยไปมาหาสู่กับผู้คนในบ้านหลังนี้แตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง
“สำเร็จ” ทำใจดีสู้เสือ ใช้ฐานะนักข่าวไปกดออดบ้านหลังนี้ เผื่อจะพบคนของเจ้าของบ้านเช่ามาดูแล จะได้สอบถามรายละเอียดที่พอเป็นเบาะแสได้บ้าง ปรากฏว่าไม่มีเสียงตอบรับ ผมจึงแนะว่าน่าจะโฉบไปแถวซอยอารีย์สัมพันธ์ ที่ทำการของพรรคสังคมนิยมฯ อาจมีสมาชิกและมวลชนบางระดับที่เคยทำงานในพรรคและไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะถูกทางการจับกุม ยังแวะเวียนมาพบปะปรับทุกข์กันบ้าง
ได้ผลครับ ที่ทำการพรรคสังคมนิยมฯมีคนผ่านมาให้สบตาทักทายกันบ้างแบบไว ๆ มีกลุ่มที่ขับแท็กซี่ก้าวหน้าเคยร่วมกิจกรรมกับนักศึกษาประชาชนหลายคนขับรถมาสังเกตการณ์บริเวณหน้าพรรคเนือง ๆ พบคนรู้จักไว้ใจได้ก็ติดรถไปถามไถ่ข่าวคราวกันต่อ ด้วยวิธีนี้ ทำให้ผมได้ข่าวความเป็นไปของบรรดาน้อง ๆ ผู้ปฏิบัติงานพรรคสังคมนิยมพอให้สืบสาวเส้นสายต่อไปได้ และรับทราบว่า มีกลุ่มคนขับแท็กซี่อาวุโสบางคน ที่เคยเคลื่อนไหวกับแนวร่วมต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ มีความสัมพันธ์กับหน่วยเมล์สายงานขนส่งของสหายในป่า พร้อมที่จะพาคนที่ตัดสินใจเข้าสู่เขตแนวหลังที่ไว้วางใจให้ได้ และก็มีบางส่วนกำลังนัดแนะเตรียมการกัน
คนที่เป็นหลักเป็นแกนในหมู่ผู้ปฏิบ้ติงานของพรรคสังคมนิยมฯชนิดกินอยู่หลับนอนในที่ทำการพรรค ทั้งจัดศึกษาสถานการณ์ ยกระดับความรู้ด้านสังคมนิยม ทำความเข้าใจปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนของกรรมกรชาวนา วางยุทธศาสตร์ยุทธวิธีการต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับสมาชิกระดับต่าง ๆ นั้น มีหลายคนที่ไม่ค่อยปรากฏนามตามหน้าสื่อเท่าใด แต่ที่สังคมทั่วไปรู้จักหน้าค่าตาเพราะเป็นผู้นำการต่อสู้ในปัญหาต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เป็นอดีตนายกองค์การนักศึกษาธรรมศาสตร์สมัย 14 ตุลาฯ 16 และเป็นประธานแนวร่วมต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ คือพีรพล ตริยะเกษม ซึ่งทำหน้าที่เสมือน “แม่บ้าน” เป็นหัวรถจักรของพรรคสังคมนิยมฯ แนวบริหารจัดการสร้างพรรคให้เข้มแข็งเติบใหญ่ พีรพลจึงเป็นบุคคลคุมกำลังสำคัญคนหนึ่งที่ติดต่อสายงานต่าง ๆ ของพรรคอย่างกว้างขวาง และในที่สุดผมก็ติดต่อนัดพบกับเขาได้สำเร็จ
เนื่องจากพีรพลกับผมมีการประสานงานเชิงลึกจนไว้วางใจกันมาก่อน จึงรายงานสภาพของบุคคลและปัญหาที่จะต้องแก้ไขโดยด่วน นั่นคือ ผู้ปฏิบัติงานที่หลบหนีรอดตายจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หลายสิบคนมีความเคียดแค้นรุนแรงมาก บางคนเกิดประสาทหลอน ภาพของเพื่อน ๆ ที่ถูกไล่ล่าประหัตประหารจนบาดเจ็บล้มตายยังติดตาจนสลัดไม่ออก ต้องติดตามใกล้ชิด ปลุกปลอบให้กำลังใจ เกรงว่าปล่อยไว้คนเดียวอาจหักห้ามใจไม่ได้ จนไปกระทำการในสิ่งที่ไม่คาดคิด และเกือบทั้งหมดที่เคยร่วมงานกันมา ต่างเรียกร้องที่จะเข้าป่าไปร่วมต่อสู้ด้วยอาวุธตามกระแสข่าวที่ครึกโครมในขณะนั้น ถ้าทางฝ่ายนำพรรคสังคมนิยมฯ จัดสนองข้อเรียกร้องไม่ได้ ก็จะไปติดต่อขอเข้าป่ากับทางสายนักศึกษา เพราะมีข่าวเล่าลือว่า แค่เดินทางด้วยรถไฟสายใต้ ถึงสถานีที่เป็นเขตเคลื่อนไหวของ ทปท. พนักงานขับรถไฟก็ชะลอรถให้นักศึกษาโดดลงจากโบกี้ได้แล้ว ทางผมจะมีวิธีติดต่อให้ผู้ปฏิบัติงานของพรรคสังคมนิยมฯกลุ่มนี้เข้าป่าให้ทันใจที่รุ่มร้อนได้อย่างไร ?
ผมบอกพวกเขาไปว่า นโยบายศูนย์กลางคือให้เตรียมตั้งองค์กรแนวร่วมที่ทางเหนือ และขณะนี้ คณะที่เดินทางเข้าป่าไปก่อน 6 ตุลาฯ เช่นคุณไขแสง สุกใส ก็เดินทางไปรอท่าแล้ว แต่ทางเหนือการเดินทางไปลำบาก มีด่านตรวจชุกชุมมาก ถ้าจะมีคนไปกันเป็นกลุ่มใหญ่ และต้องรอนาน คงจะเรียกร้องให้ใจเย็น ๆ ไม่ไหว ผมจะลองปรึกษาทางฝ่ายนำให้หาทางพลิกแพลงสถานการณ์โดยเร็ว
ที่น่าสะเทือนใจคือ พีรพลจะขอเข้าป่าร่วมกันกับบรรดาน้อง ๆ ผู้ปฏิบัติงานพรรคสังคมนิยมฯด้วย จิตใจมีทั้งด้านที่ผูกพันห่วงใยผู้ร่วมงาน และพิเคราะห์สถานะของตนเองว่าคงจะอยู่ในเมืองลำบาก เพราะเคลื่อนไหวต่อต้านฝ่ายเผด็จการโดยเปิดเผยมายาวนานตั้งแต่ก่อน 14 ตุลาฯ อดีตนายกองค์การนักศึกษาธรรมศาสตร์รุ่นใกล้กัน คือ นายสมาน เลือดวงศ์รัฐ ก็เข้าป่าไปก่อนแล้วกับกลุ่มเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ถ้าเขาอยู่ต่อก็อาจถูกเพ่งเล็ง ถูกจับกุมข้อหาเป็นภัยสังคมก็ได้ ผมถามถึงเรื่องลูกเมีย เพราะพีรพลเพิ่งมีลูกอ่อน ภรรยาเป็นนักกิจกรรมเคลื่อนไหวทางสังคมมาก่อน มีความตื่นตัวทางการเมืองเพื่อประโยชน์ประชาชน แต่จะให้จากสามี เลี้ยงลูกอยู่คนเดียวจะเหมาะหรือ เขายืนยันว่า ตกลงกันล่วงหน้าแล้ว ให้เขาเข้าป่าไปก่อน ถ้ามีที่ทางในป่าพออาศัยใช้ชีวิตครอบครัวได้แน่นอนแล้ว ภรรยาค่อยพาลูกตามไป นับเป็นครอบครัวปฏิวัติที่มีจิตใจเข้มแข็ง เสียสละอย่างที่สุด
มีข่าวดีเพิ่มเติมจากทางพีรพลคือ รู้ที่อยู่กบดานของ “แสงธรรม” กับคนใกล้ชิดว่าอยู่ที่ห้องเช่าเล็ก ๆ แห่งหนึ่งแถวฝั่งธนบุรี เบื้องแรก “แสงธรรม” คิดว่า ไม่น่าจะมีเหตุสุดวิสัยถึงขนาดหลบหนีออกต่างจังหวัดไม่ได้ เพราะเขาใกล้ชิดสนิทกันมากกับ จัตุรงค์ คชสีห์ อดีต ส.ส.หลังสวน จังหวัดชุมพร ซึ่งรู้จัก “สหายทหาร ทปท.” เขตงานแถวบ้านดี ตอนออกตระเวนหาเสียงก็พบปะตามบ้านมวลชนด้วยกันบ่อย ๆ คุยอวดได้เลยว่า ส.ส.จัตุรงค์มี “สหาย” เป็นเพื่อน เกิดปุบปับ ทหารรัฐประหาร จัตุรงค์อาสาพาเข้าป่าเอง แต่วันเกิดเหตุ 6 ตุลาฯ จัตุรงค์ ไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ อยู่ชุมพร เลยหลบภัยเข้าไปร่วมกิน ร่วมอยู่ ร่วมสู้รบ กับสหาย ทปท. ไม่มีจังหวะมารับเพื่อน “แสงธรรม” ไปด้วยกัน
ภารกิจรับ “แสงธรรม” กรรมการพรรคสังคมนิยมฯ อดีต “13 กบฏรัฐธรรมนูญ” เพื่อนในแดนตะรางกับไขแสง สุกใส และคณะ จึงตกแก่ผมอย่างหลีกเลื่ยงไม่ได้
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก