สัมผัส พึ่งประดิษฐ์ : ผู้นำคนหนึ่งของเขตภาคกลางตะวันตก
โดย “ศรีธงไชย”
ขอแสดงความคาระวะและอาลัยต่อการจากไปของคุณลุง สัมผัส พึ่งประดิษฐ์ สหายนักปฏิวัติอาวุโสและผู้นำคนหนึ่งของเขตภาคกลางตะวันตก
ข้าพเจ้าไม่เคยรู้จักกับท่านมาก่อนในด้านส่วนตัว เพียงแต่เห็นชื่อของท่านในหนังสือพิมพ์ ปิตุภูมิ
หนังสือพิมพ์ปิตุภูมิ เป็นวารสารที่ออกรายสัปดาห์ มีเนื้อหาสาระที่ก้าวหน้าโดยมีนักเขียนนักประพันธ์ นักวิจารณ์การเมืองมากมายเต็มรูปแบบ แต่ข้าพเจ้ารู้จักป้านง (ป้าแกะ)ภรรยาของท่าน ในช่วงนั้นท่านทั้งสองยังเป็นเพียงคู่รักกัน
ป้านงไปเป็นผู้นำกรรมกรอยู่ที่โรงงานทอผ้า วัดสร้อยทองและยังมี ป้าอีกหลายคนรุ่นเดียวกับ ป้านง ไปเป็นผู้นำกรรมกรอยู่ที่นั่น
ข้าพเจ้ายังเป็นเด็กวัยรุ่นและเข้าไปทำงานด้านการบัญชีร้านคัาของสหกรณ์ร้านค้าและขายของให้สหกรณ์ไปด้วย
สหกรณ์ร้านค้า เป็นการรวมหุ้นกันของกรรมกรเพื่อจำหน่ายสินค้าเอง หลีกเลี่ยงการขูดรีดจากนายทุน ซึ่งชี้นำโดยการจัดตั้งของเรา
และยังมีการเปิดสอน กวดวิชาฟรีให้กับผู้สนใจจะเรียนต่อโดย อาจารย์ เอื้อ พลจันทร ผู้นำกรรมกรอยู่ที่นี่
อาจารย์ เอื้อ พลจันทร อดีตเคยเป็น ส.ส.จังหวัดเพชรบุรี ก่อนหน้า ลุงคำตัน(พโยม จุลานนท์) หนึ่งสมัย
ในปี 2504รัฐบาล จอมพล สฤษดิ์ ทำการปราบปรามฝ่ายปฏิวัติ และผู้รักชาติรักประชาธิปไตยขนานใหญ่ จับกุม สหายรวม วงษ์พันธ์ ครอง จันดาวงศ์ ทองพันธ์ สุทธิมาศ และประหารชีวิต
พรรคได้เรียกร้องให้สหาย ลงสู่ชนบทเพื่อปลุกระดมจัดตั้งมวลชนและเตรียมการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธ ลุงสัมผัสกับป้านงได้ปฏิบัติตามคำเรียกร้องของพรรค ได้ลงสู่ชนบทไปฝังตัวอยู่กับมวลชน เดินแนวทางมวลชน แนวทางชนชั้น และใช้ “สี่ดี ห้าร่วม” อย่างเข้มงวดจริงจัง
ข้าพเจ้าเดินทางออกจาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เข้าสู่โรงเรียนการเมืองการทหารและได้ไปพบกับเพื่อนนักศึกษาที่ได้ออกกันมาหลายคนอาทิเช่น สหายชัด ตะนาวศรี สหายสงวน กรรมการกลางชุดที่สี่ สหายไสว (กา) ลุงวินัย แม่ทัพยุทธ (ผู้นำสหภาพแรงงานกรรมกร) เป็นต้น
ข้าพเจ้ากลับเข้ามาต้นปี 2506 เข้าสู่เขตงานซึ่งเป็นเขตงานเดียวกับ ลุงสัมผัส กับ ป้านง แต่ท่านฝังตัวอยู่กับมวลชนในที่ราบใกล้ตัวเมือง ส่านข้าพเจ้าขึ้นมาฝังตัวอยู่กับมวลชนที่ชายป่าเขาซึ่งเป็นมวลชนที่ อาจารย์สง่า ทัพมงคล มาสร้างเอาไว้ให้สมัยที่มาสอนหนังสืออยู่ในตัวอำเภอและย้ายออกไปไม่นานนัก
เขตงานนี้นำโดย ลุงผิน บัวอ่อน เป็นตัวแทนของจัดตั้ง ลุงทับ (ลุงมั่น) เป็นเลขาของเขตงาน
ข้าพเจ้าได้พบกับลุงสัมผัสครั้งหนึ่งในป่าที่เป็นที่ตั้งของหน่วยทหารที่ลุงผิน บัวอ่อนพาเข้าไปตรวจเยี่ยมและศึกษาสภาพแล้วไม่ได้เจอกันอีกเลย ได้ฟังและรับรู้ข่าวว่าท่านมานำงานอยู่ที่ในเมืองหลังจาก ลุงผิน บัวอ่อน ถูกจับไป ท่านเองก็ถูกจับไปอีกในเวลาต่อมา
เราออกกันมาต่างคนต่างไปเหมือนแพแตก ไม่มีใครช่วยเหลือใครได้ ทั้งฝ่ายนำและฝ่ายถูกนำอยู่ในสภาพเช่นเดียวกัน ต้องพึ่งตนเองฝ่าฟันอุปสรรคในการประกอบอาชีพ บางคนก็ได้รับผลสำเร็จ บางคนก็พอจะยืนอยู่ได้
เป็นเวลายาวนานพอสมควรที่เราออกกันมา ข้าพเจ้าได้มาพบกับลุงสัมผัส และได้ติดตามร่วมทำงานกับท่านในช่วงบั้นปลายของชีวิตนับเป็นเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา
ลุงสัมผัส แบกรับหน้าที่ไปฟื้นฟูการจัดตั้งที่ภาคเหนือ ความยากลำบากของเราก็คือไม่รู้ว่า ใครอยู่ที่ไหนกันบ้าง ต้องไปงมหาบางครั้งต้องอาศัยแนวร่วมนักเคลื่อนไหวภาคประชาชน เพราะพวกเขารู้จักคนมาก ต้องไปเคลื่อนไหวเรื่องกองทุนต่างๆ จึงเข้าใจสภาพได้ดี
ข้าพเจัารู้จักสหายบางคนทางภาคอิสาน จากสมัชชาเกษตรกรแต่ก็ห่วงจะไปทับเส้นการจัดตั้ง จึงได้ลงไปสืบและรู้ว่าไม่เคยมีใครหรือทางจัดตั้งเข้าไปติดต่อพวกเขาเลย
ลุงสัมผัส ตัดสินใจพากันเข้าเขตภาคอิสาน เพราะสถานการณ์ปัจจุบันไม่มีเส้นแบ่งแล้ว
ในภาคอิสาน โดยเฉพาะเขตอิสานเหนือ มีนักเรียนการเมืองการทหารรุ่นเดียวกันรับผิดอยู่ แต่ส่วนใหญ่ก็ล้มหายตายจากไปกับสงครามสมัยที่มีการสู้รบหนัก
ตอนที่เราเข้าไป สหายแม่ทัพยุทธก็เสียชีวิตไปก่อนหน้า ได้ไปพบลุงเผด็จ จังหวัดนครพนม ไม่นานท่านก็เสียชีวิตไปอีก ได้ไปพบ ลุงศึก ที่นำอยู่ภูสระดอกบัว ประมาณสองปีก็เสียชีวิตไป แต่สหายที่ขึ้นมารับผิดชอบแทนก็ประสานงานต่อได้ดี
เนื่องจากความชราภาพ ร่างกายของลุงไม่ค่อยจะไหว เมื่อนั่งรถเวลานานๆย่อมปวดระบมและเมื่อยล้า แต่ลุงก็ไม่เคยบ่นพยามพยุงกันไป
มีครั้งหนึ่งข้าพเจ้าพาลุงเดินข้ามสะพานไม้ผุ ความจริงก็มีคนใช้เดินข้ามกันอยู่ ข้าพเจ้าเดินข้ามมาพ้นแล้ว ลุงเดินข้ามมาทีหลัง สะพานเกิดรับน้ำหนักไม่ไหวหักที่ตรงกลาง ลุงร่วงลงไปในคูน้ำ
ถูกของแข็งที่มีคม ทิ่มที่หน้าแข้งจนเลือดไหลอาบ เมื่อลากกันขึ้นมาบนฝั่งลุงยิ้มและพูดว่า ไม่เป็นไร นิดหน่อย
ลุงสัมผัสมีท่วงทำนองพูดคุยกับมวลชนหรือกับสหายใช้ภาษาแบบชาวบ้าน เป็นกันเอง การให้การศึกษาก็เป็นเรื่องราวหรือปัณหาพื้นๆไม่ใช่ทฤฎีท่วมทุ่ง เราจะสังเกตได้ว่ามวลชนหรือสหายที่เห็นลุงเข้าไปหาจะรู้สึกยินดีต้อนรับ
สิ่งที่น่าศึกษาแบบอย่างของลุงสัมผัสก็คือ จิตวิญญาณที่ยืนหยัดอยู่กับชนชั้นที่ถูกกดขี่ แม้ว่าตนเองจะได้พลิกผันขึ้นมาเป็นปัญญาชนชั้นสูง แต่กลับปลดเสื้อครุยแห่งเกียรติยศ ลงมาใช้ชีวิตอยู่กับมวลชนที่ทุกข์ยาก สร้างตำนานและผลงานให้กับพรรคให้สหายได้ศึกษา สิ่งเหล่านี้สืบเนื่องมาจากการฝึกฝนหล่อหลอมตนเองจากการต่อสู้ทางชนชั้นที่แหลมคม
สมัยที่ลุงสัมผัสเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชนชั้นปกครองมุ่งที่จะแย่งยึดเอามหาวิทยาลัยแห่งนี้ไปยุบทิ้งเพราะเห็นว่าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองเกินไป ลุงสัมผัสได้ทุ่มตัวเองร่วมขบวนการต่อสู้ จนได้มหาวิทยาลัยกลับคืนมา แต่ถูกตัดคำว่าและการเมืองออกไปคงเหลือแต่คำว่ามหาวิทยลัยธรรมศาสตร์
ต่อมายังถูกจับกุมคุมขังในข้อหากบฏสันติภาพ ร่วมกับขบวนการคัดค้านสงคราม และขบวนการสัมพันธไมตรีกับประเทศสังคมนิยมที่มีทั้งนักการเมือง นักหนังสือพิมพ์ นักเขียน และศิลปิน รวมทั้งมวลชนหมู่บ้านคูซอด จังหวัด ศรีสะเกษ
การล้มหายตายจากกัน หรือการล่วงลับดับสูญ ไม่มีใครต้องการ แต่ก็ไม่มีใครหลีกเลี่ยงกฏ เกณฑ์แห่งธรรมชาตินี้ไปได้ มีอย่างเดียวก็คือผู้ทื่ยังมีชีวิตอยู่ ต้องรับช่วงสืบต่อไปตราบจนชั่วลูกชั่วหลานด้วยความอดทนและเชื่อมั่นว่า ประชาชนจะต้องมีชัยชนะในที่สุด.
โปรดติดตามและมีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก