# ศึกษาจาก อาสัมผัส พึ่งประดิษฐ์       

เขียนโดย ชาญวิทย์ อร่ามฤทธิ์

 

 17 กุมภาพันธ์ 2560

 

............                     

 

               ช่วงหลังพฤษภา 35 กว่ายี่สิบปีมาแล้ว ผมพบอาสัมผัส พึ่งประดิษฐ์ บ่อย  ครั้งหนึ่งผมถามอาว่า อาเคยท้อไหมครับ อาตอบว่าไม่เคย  ผมเชื่อ   ค่ำวานซืนผมพบอาอีกครั้ง หลังจากไม่ได้พบกันนานหลายปีมาก ๆ  ผมรื้อฟื้นเรื่องนี้คุยกับอาอีก อาพยักหน้ารับ แล้วเพิ่มว่า ถึงเดี๋ยวนี้ก็ไม่เคยท้อ   วันนี้อาอายุ 90 ปี 3 เดือนแล้วครับ

 

               จากหนังสือที่อาให้ผมเมื่อค่ำวานซืน  “80 ปี ชีวิต สัมผัส พึ่งประดิษฐ์” ซึ่งพิมพ์เมื่อ ตุลาคม 2550  อาสัมผัสเกิดเมื่อ พ.ศ.2469 ปีขาล วันอังคาร เดือน 12 อำเภอเมืองพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ พ่อแม่เป็นคนจังหวัดพิษณุโลก ตระกูลชาวนา   อาสัมผัสไม่เคยลืมความลำบากของชีวิตในอดีตที่แม่เคยสอนว่า อย่าลืมตัวนะลูก เป็นการปลูกฝังทัศนะทางชนชั้นที่อายึดมั่น ไม่เคยลืมความลำบากยากจน  

 

               เมื่อเข้าเรียนที่กรุงเทพฯ อยู่กับพี่ชายที่เป็นครู ตั้งแต่ 8 ขวบ อามีชีวิตที่ต้องพึ่งตนเองที่ต้องต่อสู้ ไม่มีอะไรที่เรียกได้ว่าเพียงพอ กินเพื่ออยู่ ทำทุกอย่างเพื่อดำรงชีวิต ตั้งแต่หุงต้ม ซักผ้า ถูบ้าน ทำสวนครัว ปลูกผัก จ่ายกับข้าว ห่อข้าวไปกินกลางวันที่โรงเรียน ใช้ลังไม้สบู่เป็นโต๊ะหนังสือ อาบน้ำคลอง ไม่มีรถเมล์ ต้องเดินไปโรงเรียน ตากแดด ตากฝน เจ็บป่วยก็ต้องดูแลตัวเอง ชีวิตเป็นเช่นนี้จนถึงชั้น ม.6 ซึ่งเป็นภาวะสงคราม

 

               ตั้งแต่ญี่ปุ่นได้ส่งกำลังทหารเข้ายึดครองประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2484 - 2487  จนสงครามโลกครั้งที่สองยุติลงด้วยการยอมแพ้ของญี่ปุ่น เป็นช่วงอาสัมผัสกำลังเรียนอยู่เตรียมธรรมศาสตร์ หรือ ต.ม.ธ.ก. รุ่น 7 เป็นยุคที่บ้านเมืองต้องประสบกับความลำบากยากเข็ญด้วยภัยสงคราม ผู้คนต้องอพยพหลบภัย อาคารบ้านเรือนถูกระเบิดทำลาย ชีวิตผู้คนต้องบาดเจ็บล้มตายจากการโจมตีทางอากาศแทบไม่เว้นวัน ของกินของใช้อัตคัดขาดแคลน ข้าวปลาอาหาร เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ข้าวสาร น้ำมัน น้ำตาล กระทั่งสบู่ ไม้ขีดไฟขาดแคลน  โรคภัยไข้เจ็บระบาด โจรกรรมคุกคาม ตกอยู่ในสภาพทุกขภิกขภัยอย่างสาหัส

 

               โรงเรียน ต.ม.ธ.ก. เปิดเรียนได้ 15 วันต้องปิดเรียน โดยเปลี่ยนเป็นเรียนทางไปรษณีย์ ถึงกำหนดสอบก็เข้ามาสอบในกรุงเทพฯ สอบเสร็จก็เดินทางกลับบ้าน ปรากฏว่าทางรถไฟและสพานรถไฟที่อาสัมผัสโดยสารกลับบ้านถูกเครื่องบินทิ้งระเบิดทำลาย  รถไฟแล่นต่อไปไม่ได้ ต้องเดินตากแดดตามทางรถไฟ ค่ำไหนนอนนั่น อาศัยชานชาลาเป็นที่หลับนอน ตั้งแต่สถานีปากน้ำโพ นครสวรรค์ จนถึงพิจิตร ระยะทางเกือบ 200 กิโลเมตร เดินทางถึง 3 วันกว่าจะถึงบ้าน แม่เห็นลูกผอมดำอิดโรยแทบจำไม่ได้ โผเข้ากอดด้วยน้ำตา ทำให้อาสัมผัสนึกถึงคำสอนของพระคุณเจ้าองค์หนึ่งที่เทศนาให้ฟังว่า  ความลำบากยากจนสอนให้คนเป็นคนได้ฉันใด ความสุขสบายเกินไปก็ทำลายคนได้ฉันนั้น

 

               ด้วยความภาคภูมิใจที่ได้เข้าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ในปี พ.ศ.2490  นักศึกษาสมัยนั้นส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัด มีฐานะยากจน ตามเจตนารมณ์ของอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย  เพื่อที่จะพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้เจริญก้าวหน้า

 

               8 พฤศจิกายน 2490 รัฐประหารยึดอำนาจการปกครองล้มล้างระบอบประชาธิปไตยด้วยอำนาจเผด็จการ เปลี่ยนชื่อมหาวิทยาลัยเป็น ธรรมศาสตร์ โดยตัดคำว่า“การเมือง”ออก เพื่อทำลายจิตวิญญาณประชาธิปไตยของนักศึกษา คุกคามจับกุมผู้นำนักศึกษา กระทั่งเข้ายึดมหาวิทยาลัยด้วยกำลังทหาร  และมีคำสั่งปิดมหาวิทยาลัย เพื่อใช้ประโยชน์ในราชการทหารในที่สุด

 

               อาสัมผัสได้เข้าร่วมการต่อสู้ตั้งแต่เป็นนักศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 4   ขบวนการนักศึกษาภายใต้คำขวัญ  “รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย” ซึ่งเป็นที่มาแห่งพลังความสามัคคีและความสำนึกที่ว่า  “ถ้าขาดโดม เจ้าพระยา ท่าพระจันทร์  ก็เหมือนขาดสัญลักษณ์พิทักษ์ธรรม“

 

               นักศึกษาและประชาชนได้รวมพลังต่อสู้เรียกร้องมหาวิทยาลัยคืนจากการยึดครองของทหาร โดยเดินขบวนกว่า 3,000 คน จากสนามหลวงไปพระที่นั่งอนันตสมาคม เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2494  ในที่สุด จอมพลป. พิบูลสงคราม จำต้องเอ่ยปากยอมคืนมหาวิทยาลัยให้ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2494

 

               10 พฤศจิกายน 2495 เกิดการจับกุมปราบปราม นักการเมือง นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ นักศึกษา ประชาชน ชาวนา ผู้รักสันติภาพ ครั้งใหญ่  ด้วยข้อหากบฏภายในภายนอกราชอาณาจักร หรือที่เรียกกันว่า ”กบฏสันติภาพ“

 

               ผู้นำนักศึกษาถูกจับไปเกือบหมด รวมทั้งอาสัมผัสซึ่งเป็นเลขานุการกรรมการนักศึกษา ที่เรียนจบได้ปริญญาธรรมศาสตร์บัณฑิตก่อนถูกจับ  อาสัมผัสถูกขังคุกหลายแห่งระหว่างพิจารณาคดีเป็นเวลา 3 ปีกว่าจึงถูกปล่อย

 

               อาสัมผัสเล่าว่า คุกเป็นสมรภูมิแห่งการต่อสู้ เป็นมหาวิทยาลัยแห่งการเรียนรู้ของชีวิต เป็นเบ้าหลอมชีวิตให้เข้มแข็ง ทรหด อดทน ไม่หวาดหวั่นต่ออำนาจอธรรม  นี่คือผลที่ได้จากการต่อสู้ในครั้งนั้น.

 

  

 

ปกหนังสือ 80 ปี ชีวิต สัมผัส พึ่งประดิษฐ์ พิมพ์เมื่อตุลาคม 2550  

 

http://bookstore.tu.ac.th/index.php?page=shop.product_details&flypage=&product_id=784&product_isbn=9789747051667&category_id=9900000&pf=lp&option=com_virtuemart&Itemid=74

 

 

สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท.  โปรดคลิ๊ก  

 

 

 

 

 

 

 

 

 

รำ