ป.ป.ช. : องค์กรอิสระที่บิดเบี้ยว

สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ได้เชิญสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกลในอดีต และเป็นพรรคประชาชนในปัจจุบัน จำนวน 44 คน เข้ารับทราบข้อกล่าวหาว่า “กระทำการอันเป็นการจงใจฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง” กรณีเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112.
ป.ป.ช. อ้างว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนว่าข้อกล่าวหามีมูลความผิด จึงอาศัยกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 แจ้งข้อกล่าวหา เพื่อให้ ส.ส. ทั้ง 44 ท่านได้ชี้แจงข้อกล่าวหา.
ชัดเจนว่า ส.ส. ทั้ง 44 คน ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ตามอำนาจของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้รับเลือกตั้งจากประชาชนไทย เสนอร่างกฎหมายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ตามวิถีทางรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย.
ทั้งที่ผ่านมา ไม่เคยมีบทบัญญัติกฎหมายใด ระบุห้ามแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และในอดีตที่ผ่านมา ได้มีการแก้ไขมาตรา 112 มาแล้วถึง 2 ครั้ง ยิ่งกว่านั้นข้อเสนอแก้ไขมาตรา 112 เป็นนโยบายข้อ 1 ใน 300 นโยบายของพรรคก้าวไกล ในการโฆษณาหาเสียงรับเลือกตั้งจากประชาชน และนโยบายทั้ง 300 ข้อ ได้แจ้งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ก.ก.ต.) รับทราบและตรวจสอบตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยที่ ก.ก.ต. ไม่ได้ทักท้วงแต่ประการใด ว่าเป็นนโยบายที่ผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง สรุปได้ไหมว่า ก.ก.ต. มีส่วนร่วมในการกระทำผิด และต้องรับโทษเช่นกัน.
คุณอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต ส.ส. พรรคก้าวไกล ได้ตั้งคำถามว่า ข้อกล่าวหา ส.ส. บางท่านได้ใช้สิทธิ์การเป็น ส.ส. ประกันตัวผู้ต้องหาคดี 112 ล้วนต้องให้ศาลเป็นผู้อนุมัติ การให้ประกันตัว หมายถึงศาลมีส่วนสมรู้ร่วมคิดกับ ส.ส. และผู้ต้องหาคดี 112 เซาะกร่อนบ่อนทำลายและล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภายใต้รัฐธรรมนูญ หรือไม่ นักวิชาการหลายท่านก็ได้ใช้สถานะความเป็นครูบาอาจารย์ประกันตัวนักเรียนนักศึกษาให้สามารถกลับไปเรียนหนังสือตามปกติได้ เช่นนี้ถือเป็นความผิดหรือ ?
พร้อมไปกับข่าวการแจ้งข้อกล่าวหา ส.ส. พรรคประชาชน 44 คน ได้มีคลิปเผยแพร่สู่โซเชียลว่าพลเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ได้พานายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ซึ่งต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้าพบคุณวัน มูหะมัดนอร์มะทา ประธานรัฐสภา พูดคุยในเชิงขอให้นายวันนอร์มะทาช่วยเหลือ กรณีที่นายสุชาติถูกประชาชนลงชื่อมากกว่า 20,000 คน ถอดถอนจากตำแหน่ง ในช่วงใกล้ปีใหม่ 2568 และหลังจากนั้นไม่นาน คือราววันที่ 23 ธันวาคม 2567 คดีร้องเรียนได้ถูกปัดตกไป และนายสุชาติได้รับการแต่งตั้งเป็นประธาน ป.ป.ช. คนใหม่.
ยิ่งกว่านั้น นายวีระ สมความคิด ได้ให้สัมภาษณ์ว่าตนเองได้ฟ้องนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ซึ่งเป็น 1 ใน 12 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อศาลอาญาทุจริตภาค 1 กรณีปกปิดข้อมูล ไม่ยอมให้เอกสารเกี่ยวกับนาฬิกา 22 เรือนของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ทั้ง ๆ ที่ศาลมีคำสั่งให้ ป.ป.ช. ส่งมอบข้อมูล.
รวมทั้งกรณีนายสุชาติมีคุณสมบัติต้องห้ามตามกฎหมายที่ว่า ผู้จะสมัครเป็นกรรมการ ป.ป.ช. ต้องพ้นจากการเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มากกว่า 5 ปี แต่นายสุชาติพ้นจากตำแหน่งไม่นาน ก็สมัครเป็นกรรมการ ป.ป.ช. ในเดือนพฤษภาคม 2562 .
นายวีระ และ ดร. ณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้เปิดเผยว่านายสุชาติมีพฤติกรรมเสื่อมเสีย และถูกร้องเรียนเรื่องทุจริต คนใกล้ชิดเรียกรับผลประโยชน์ รวมทั้งเรื่องชู้สาว แต่คณะกรรมการสรรหา ป.ป.ช. และ คณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติ รวมทั้งสมาชิกวุฒิสภาที่ลงคะแนนสนับสนุนนายสุชาติ และประธานวุฒิสภาที่นำรายชื่อนายสุชาติขึ้นทูลเกล้าถวายพระมหากษัตริย์ให้ลงนามแต่งตั้ง ล้วนผิดจริยธรรม และกฎหมายอย่างร้ายแรง.
ข้อกล่าวหาของ ดร. ณฐพร ที่จะยื่นฎีกาในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ศกนี้ สะท้อนพฤติกรรมของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และนายสุชาติ ที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ และละเมิดหลักจริยธรรมอย่างร้ายแรง กระทบความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระที่สมาชิกองค์กรอิสระควรได้รับการแต่งตั้งตามหลักคุณธรรม ไม่ใช่การวิ่งเต้นใช้เส้นสายฝากเข้าดำรงตำแหน่ง ทำให้ระบบการตรวจสอบเกิดข้อกังขาว่าเมื่อคณะกรรมการอิสระได้ตำแหน่งโดยมิชอบแล้ว จะสามารถปฏิบัติหน้าที่โดยซื่อสัตย์ สุจริต เป็นมืออาชีพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ตามคำขวัญของ ป.ป.ช. หรือ ?
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนได้สรุปไว้เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ศกนี้ว่า “ปัจจุบัน ประเทศเราขาดความเป็นนิติรัฐ ไม่ได้ปกครองภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุด”
ประชาชนไทยจะแสดงความไม่พอใจและไม่ยอมรับบุคคลเหล่านี้อย่างไร หรือเราจะต้องอดทนก้มหน้าฝืน ให้บุคคลเหล่านี้บิดเบือนเจตนารมณ์กฎหมาย กอบโกยผลประโยชน์ ตำแหน่ง หน้าที่เพื่อตนเองและพวกพ้องต่อไป.