ผลงานชิ้นโบว์แดง หรือโบว์ดำของรัฐบาลแพทองธาร

 

ผลงานชิ้นโบว์แดง หรือโบว์ดำของรัฐบาลแพทองธาร


เช้ามืดตีสามของวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ศกนี้ รัฐบาลแพทองธารได้ส่งตัวผู้ต้องขังชาวจีน – อุยกูร์ 40 คน กลับประเทศจีน หลังจากคุมขังในคุกไทยอยู่สิบปีกว่า นับเป็นการแก้ไขปัญหาที่ยืดเยื้อมานับสิบปี.
ชาวจีน - อุยกูร์ เป็นคนกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน มีวัฒนธรรมศาสนาแบบอิสลามสไตล์เตอร์ก.
วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2557 ตำรวจไทยได้จับชาวอุยกูร์ที่หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายในสวนยางที่อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา จำนวน 230 คน ในจำนวนนี้มีทั้งหญิง-ชาย และเด็ก เป็นครอบครัวหลายครอบครัว รายงานข่าวแจ้งว่าทั้งหมดต้องการเดินทางผ่านไทยไปยังมาเลเซีย และต่อไปยังตุรกี แต่ถูกจับเสียก่อน.
รัฐบาลตุรกีได้ส่งเครื่องบินมารอรับผู้ถูกจับกุมทั้งหมด ไปยังตุรกี แต่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ขณะนั้นไม่อนุญาตให้เดินทาง และแยกคุมขังไว้ตามที่ต่าง ๆ.
ถึงยุคเผด็จการพลเอกประยุทธ ปี พ.ศ. 2558 ได้ส่งตัวชาวอุยกูร์ที่เป็นหญิงและเด็กไปตุรกี 173 คน ส่วนอีก 109 คน ส่งกลับไปจีน ข่าวต่างประเทศได้รายงานว่าทั้งหมดถูกคุมขัง ทรมาน และไม่ทราบชะตากรรมเป็นตายร้ายดีอย่างไร.
ต่อมาชาวอุยกูร์ลี้ภัยที่อาศัยในตุรกี ได้รวมพลบุกโจมตีสถานทูตไทยในกรุงอังกาลา เมืองหลวงตุรกี ทำลายวัตถุข้าวของเสียหายยับเยิน.
และได้มีการวางระเบิดศาลท้าวมหาพรหม 4 แยกราชประสงค์ ทำให้มีคนเสียชีวิตราว 20 คน บาดเจ็บอีกจำนวนมาก หลังจากนั้น คดีนี้เหมือนจะเงียบหายไป ผู้ถูกคุมขังที่เหลือถูกคุมขังต่อมารวมสิบปีกว่า มีคนตายในที่คุมขัง 5 คน.
จนสุดท้าย รัฐบาลแพทองธาร ได้ร่วมมือกับรัฐบาลจีน ส่งชาวจีน - อุยกูร์กลับจีน 40 คน เหลือค้าง 8 คน ด้วยข้ออ้างว่ามีความผิดทางคดีต้องถูกคุมขังต่ออีก 4 ปี จนถึงปี 2572 จึงจะได้รับการปล่อยตัว.
เรื่องดังกล่าว หากดำเนินการโดยเปิดเผย โปร่งใส บริสุทธิ์ ข้อวิพากษ์วิจารณ์อาจจะไม่มาก แต่กลับมีการดำเนินการอย่างมีเลศนัยไม่สุจริต.
เคลื่อนย้ายผู้ถูกคุมขังเวลาตีสามของเช้าวันที่ 26 กุมภา ด้วยรถบรรทุกปิดทึบทั้งคัน นายกรัฐมนตรีแพทองธารให้สัมภาษณ์ตอนแรกว่าไม่ทราบ จนบ่ายวันเดียวกัน รัฐบาลจีนได้เผยแพร่ข่าวพร้อมภาพว่าผู้คุมขังทั้ง 40 คนได้เดินทางถึงซินเจียงเรียบร้อยแล้ว โดยมีครอบครัวรอรับอย่างยินดี.
รัฐบาลสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, เยอรมนี และออสเตรเลีย ได้ประณามการกระทำของรัฐบาลไทยอย่างรุนแรง คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (UNHCR) ซึ่งประเทศไทยเป็นมนตรีในคณะนี้ด้วย ได้ออกแถลงแสดงความวิตกกังวลต่อชะตากรรมความปลอดภัยของผู้ถูกส่งกลับทั้ง 40 คน
สส. กัณวีร์ สืบแสง ซึ่งเคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติ ได้แถลงโจมตีการกระทำของรัฐบาลแพทองธาร และได้เปิดเผยจดหมาย 3 ฉบับที่เขียนโดยชาวอุยกูร์ว่า พวกเขาไม่ยินดีที่จะถูกส่งตัวกลับไปจีน.
จดหมายฉบับแรกลงวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2567 เขียนถึง UNHCR ขอให้ช่วยเหลืออย่าส่งตัวกลับจีน เพราะกลัวจะถูกจับกุมคุมขัง ถูกทรมาน และอาจถูกประหารชีวิต.
จดหมายฉบับที่สองลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 จากญาติผู้ถูกคุมขัง 43 คน ถึงนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ขอให้ส่งตัวชาวอุยกูร์ที่เป็นลูก ๆ และสามีของพวกเขาไปประเทศอื่นที่ไม่ใช่จีน.
จดหมายฉบับที่สาม เขียนโดยผู้ถูกคุมขัง ขอความช่วยเหลือฉุกเฉินจากประชาคมโลก ไม่ให้ถูกบังคับส่งกลับจีน เนื่องจากเป็นภัยอันตรายต่อชีวิต พวกเขาถึงกับรณรงค์อดอาหาร 19 วัน นับจากวันที่ 10 – 28 มกราคม 2568.
ภาพด้านกลับจากรัฐบาลไทย ที่แถลงโดยคุณภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และนางสาวแพทองธาร ยืนยันว่า ผู้ถูกคุมขังทั้ง 40 คน สมัครใจเดินทางกลับจีน โดยไม่มีการบังคับขู่เข็ญ และทางจีนได้ให้การรับรองอย่างแข็งขันที่จะดูแลผู้ถูกส่งตัวกลับอย่างดี ไม่มีการลงโทษ พร้อมเผยภาพที่ญาติมิตรครอบครัวรอรับที่สนามบิน และเลี้ยงต้อนรับคนที่กลับคืนสู่จีน.
คุณภูมิธรรมได้อ้างว่ารัฐบาลได้ติดต่อประเทศสหรัฐ ฯ และประเทศตะวันตกอื่น ๆ แล้ว ไม่มีประเทศไหนยินดีรับผู้ลี้ภัยอุยกูร์ทั้ง 40 คน และประเทศไทยคุมขังคนเหล่านี้มานาน เสียค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูมากมาย.
มิตรสหายฝ่ายก้าวหน้าได้ร่วมกันถกเถียงอย่างกว้างขวาง อาจารย์พวงทอง ภวัครพันธุ์ ได้ให้ข้อคิดว่าถ้าย้อนหลังกลับไปสมัยที่คุณทักษิณหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ หากประเทศเหล่านั้นส่งตัวคุณทักษิณกลับให้พลเอกประยุทธ และคณะ คสช. ดำเนินคดี ตระกูลชินวัตรจะรู้สึกอย่างไร ประยุทธเคยขอให้รัฐบาลอังกฤษส่งตัวคุณยิ่งลักษณ์กลับมาดำเนินคดี แต่รัฐบาลอังกฤษมิได้ดำเนินการ หากอังกฤษทำตามคำขอ ชะตาชีวิตคุณยิ่งลักษณ์จะเป็นอย่างไร.
หลายคนอ้างว่าจะสนใจแต่ปกป้องผู้คุมขังอุยกูร์ 40 คน แล้วทำไมไม่สนใจชาวมุสลิมในปาเลสไตน์ เลบานอน ซีเรียที่ถูกอิสราเอล โดยการสนับสนุนของสหรัฐอเมริกาทำลายล้างชีวิตรวมกันมากกว่า 50,000 คน และต้องอพยพลี้ภัยอีกนับล้านคน.
นี่มันน่าจะเป็นคนละประเด็นคนละบริบท หากเราเห็นเรื่องไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรม เลือดเราพลุ่งพล่านที่จะต่อต้านคัดค้านในเรื่องนั้น ย่อมไม่จำเป็นต้องพูดครอบคลุมไปกล่าวถึงเรื่องไม่เป็นธรรมอื่น ๆ ในโลก.
ปัญหานี้เป็นปัญหาการเมือง ไม่อาจนำแนวคิดมนุษยธรรมมาพิจารณา ปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ไม่ใช่ใช้มุมมองของมนุษยธรรมอย่างเดียว ต้องมองลึกลงไป อดีตนักปฏิวัติอย่างเราไม่ใช่เริ่มต้นจากความเป็นนักมนุษยธรรมที่ต้องการเห็นโลกที่สวยงาม ประชาชนกินดีอยู่ดี มีครอบครัวอบอุ่น มีสุขภาพดี มีความเท่าเทียมทางโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ หรอกหรือ เราลืมพื้นฐานความคิดของนักปฏิวัติเสียแล้วกระมัง.
หลายคนกลัวว่าถ้าเราไม่ร่วมมือกับจีนในการส่งผู้คุมขังกลับไป จีนอาจตอบโต้โดยไม่อนุญาตคนจีนมาเที่ยวไทย และหยุดซื้อสินค้าไทย เราจึงควรร่วมมือกับจีน ผมนึกถึงอดีตที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยถูกโจมตีว่าตามก้นจีน ตรรกะเดียวกัน คือถ้าเราไม่ตามก้นจีน แล้วใครจะมาช่วยเราทั้งด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และเงินทองค่าใช้จ่าย ความเป็นอิสระเป็นตัวตนของเราเอง อยู่ที่ไหน.
ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน หวาดกังวลว่า ไทยจะเผชิญกับการก่อการร้ายเหมือนปี 2558 ที่มีการวางระเบิดศาลท้าวมหาพรหม ชาวไทยที่อาศัยในตุรกี หรือประเทศมุสลิมอื่น อาจจะถูกทำร้ายหมายชีวิต รัฐบาลสหรัฐฯ และออสเตรเลียได้ออกคำเตือนคนชาติตนเองที่อาศัย และท่องเที่ยวอยู่ในไทยให้ระมัดระวังการก่อการร้าย.
ไทยจะเสียแต้มต่อในการเจรจาเรื่องภาษี และการค้ากับสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ทำให้เศรษฐกิจไทยถดถอยซบเซาหนักขึ้น ซ้ำรัฐบาลไทยอาจถูกฟ้องในศาลระหว่างประเทศหลายคดีความ ฯลฯ.
หลายคนให้แง่คิดว่า กรณีที่สหรัฐ ฯ และยุโรป ไม่ยอมรับชาวอุยกูร์ลี้ภัย รัฐบาลไทยได้ประสานไปยังสันนิบาตชาติอาหรับหรือไม่ ว่าจะมีประเทศใดรับได้บ้าง เราแก้ปัญหาโรฮิงญาไปได้ ทำไมเราจะแก้ปัญหาอุยกูร์ 40 คนไม่ได้ คุณกัณวีร์ยืนยันว่ามีหลายประเทศพร้อมรับผู้ลี้ภัยอุยกูร์ แต่รัฐบาลไทยไม่สนใจ.
ปัญหาทางออกของผู้ลี้ภัยต้องขัง 40 คน มีเงื่อนงำซับซ้อนที่ยังไม่ได้เปิดเผยออกมา ทำไมรัฐบาลไทยคุมขังคนเหล่านี้สิบกว่าปี โดยไม่ดำเนินการหาทางออกที่เหมาะสม ทำไมจีนยืนยันให้รัฐบาลไทยส่งตัวกลับประเทศจีน รัฐบาลไทยได้เลือกทางออกที่เหมาะสมกับผลประโยชน์ของประเทศหรือไม่ ฯ
ไทยมีทางออกอื่น ๆ ที่เหมาะสม สะท้อนถึงความเป็นประเทศที่มีเอกราช อธิปไตย และอิสระในการตัดสินนโยบายของตนเองไหม ?
อาทิเช่น รัฐบาลไทยได้พยายามติดต่อรัฐบาลตุรกี ให้รับผู้ลี้ภัยอุยกูร์ 40 คน ไปได้หรือไม่ ด้วยเหตุว่า ครอบครัวของคนเหล่านี้ ส่วนที่เป็นผู้หญิง และเด็ก 173 คน รัฐบาลไทยได้ส่งไปตุรกีแล้วเมื่อปี 2558 การรับมอบอีก 40 คน เท่ากับให้ครอบครัวได้ใช้ชีวิตร่วมกันต่อไป หากสำเร็จย่อมลดทอนปัญหาความไม่พอใจของจีน รวมทั้งสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปไปได้ และไทยสามารถยืนหยัดความเป็นอิสระเป็นตัวของตัวเองในเวทีสากลได้.
การดำเนินนโยบายของรัฐบาลแพทองธาร ไม่ว่าจะเลือกทางจีน หรือเลือกทางตะวันตก ล้วนส่งผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศในบริบทเศรษฐกิจ, การเมือง และความปลอดภัย เป็นภาวะที่อยู่ระหว่างเขาควาย กลืนไม่เข้าคายไม่ออก.
การตัดสินใจทำตามข้อเรียกร้องส่งตัวกลับของรัฐบาลจีน จะเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง หรือโบว์ดำ ย่อมต้องให้สถานการณ์คลี่คลาย เพื่อตอบปัญหานี้ ส่วนตอนนี้ไทยต้องเตรียมพร้อมรับสถานกาณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต.

 

สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก