ไทยได้ ไทยเสียในกรณีส่งชาวอุยกูร์กลับจีน

 

ไทยได้  ไทยเสียในกรณีส่งชาวอุยกูร์กลับจีน

 

 

          ควันหลงหลังจากรัฐบาลแพทองธารส่งชาวอุยกูร์ 40 คน กลับเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ประเทศจีน ยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันไม่แล้วจบ.

 

          นายกรัฐมนตรีแพทองธารยืนยันว่า รัฐบาลไทยได้ตัดสินใจดีที่สุดแล้วในการส่งตัวชาวอุยกูร์ให้จีน นำกลับประเทศจีน  เพราะคนเหล่านี้เป็นคนจีน ไม่ได้บังคับฉุดกระชากลากถู  แต่เป็นความสมัครใจ.

 

          รัฐบาลไทย และรัฐบาลจีน ได้แถลงชัดเจนว่า เป็นการปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายของสองประเทศ และถูกต้องตามระเบียบปฏิบัติของกฎหมายระหว่างประเทศ.

 

          ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย คือคุณรัศมิ์  ชาลีจันทร์ ยืนยันว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด  แม้จะยอมรับว่ามีบางประเทศเสนอตัวขอรับชาวอุยกูร์ 48 คน ไปลี้ภัยยังประเทศตน  แต่ไทยยังต้องเจรจากับจีนในฐานะที่คนเหล่านี้ถือสัญชาติจีน.

 

          คุณภูมิธรรม  เวชชยชัย  รองนายกรัฐมนตรีกำกับงานความมั่นคง  แถลงว่าไม่มีประเทศที่สามใดจริงจังที่จะรับชาวอุยกูร์ทั้ง 48 คน ไปพักอาศัย.

 

          ขณะที่องค์การสิทธิมนุษยชน และองค์การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ได้วิพากษ์วิจารณ์ไทยอย่างรุนแรง  และยืนยันว่ามีบางประเทศพร้อมรับตัวชาวอุยกูร์ไปพักอาศัย เช่นสหรัฐอเมริกา,  ออสเตรเลีย  และสวีเดน.

 

          สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มีอย่างน้อย 3 ประเทศ เสนอตัวขอรับชาวอุยกูร์ คือสหรัฐฯ, แคนาดา และออสเตรเลีย  แต่รัฐบาลไทยตัดสินใจทำตามคำร้องขอของรัฐบาลจีน.

 

          สำนักข่าวกระบอกเสียงอเมริกา (VOA) อ้างทีมโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ให้ข้อมูลเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ศกนี้ว่า กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯได้ติดต่อประสานงานกับรัฐบาลไทยหลายครั้ง เพื่อเลี่ยงการส่งชาวอุยกูร์กลับจีน รวมถึงการรับตัวไปพักอาศัยในสหรัฐฯ.

 

          เรื่องข้างต้นสะท้อนประเด็นสำคัญว่ารัฐบาลไทย โดยคุณแพทองธาร และคุณภูมิธรรม ไม่มีข้อมูลในมืออย่างถูกต้องชัดเจนเพียงพอ  จึงให้สัมภาษณ์ว่าไม่มีประเทศใดเสนอตัวขอรับชาวอุยกูร์  เมื่อถูกหลายฝ่ายยืนยันข้อมูลโต้แย้ง  ท้ายที่สุดคุณรัศมิ์  ชาลีจันทร์ ต้องออกมายอมรับว่ามีบ้างบางประเทศ แต่ไม่ได้ดำเนินการจริงจัง.

 

ประเทศไหนได้ประโยชน์อะไร  ?

 

  1. ประเทศจีน  แน่นอนว่ารัฐบาลจีนได้แสดงอิทธิพลบารมีของประเทศใหญ่  ต่อประเทศเล็กในภูมิภาคเอเซียอาคเนย์  สามารถยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลไทยปฏิบัติตามคำร้องขอส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน 

 

ประการต่อมาคือการแสดงให้ชาวอุยกูร์ หรือกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนน้อยในจีนได้ตระหนักว่า ไม่ว่าคุณจะหลบหนีไปยังประเทศไหน  รัฐบาลจีนยังสามารถนำตัวกลับประเทศจีนได้   เป็นตัวอย่างที่ดีในการกำราบกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนน้อยที่กระด้างกระเดื่อง.

 

  1. สหรัฐอเมริกาใช้กรณีนี้ประณามรัฐบาลไทยอย่างรุนแรง  ขณะเดียวกันได้ถือโอกาสโฆษณาชวนเชื่อโจมตีจีนละเมิดสิทธิมนุษยชน ชาวอุยกูร์สุ่มเสี่ยงที่จะถูกจับกุมคุมขัง ทรมาน  กระทั่งประหารชีวิต สร้างกระแสต่อต้านจีน ร่วมกับประเทศยุโรปตะวันตกหลายประเทศที่แสดงความห่วงใยต่อชีวิตและความปลอดภัยของชาวอุยกูร์.
  2. การเดินทางของนายกรัฐมนตรีแพทองธารไปพบปะเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงของจีน ย่อมต้องมีการเจรจาขอรับประโยชน์จากการส่งตัวชาวอุยกูร์ให้จีน  ข้อแรกน่าจะเป็นผลประโยชน์ทางการค้า คือขอให้จีนซื้อสินค้าจากไทยมากขึ้น  เพราะปีที่แล้ว  2024  ไทยขาดดุลการค้ากับจีนมากถึง 45,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ.

 

ประการต่อมาคือการขอให้จีนมาลงทุนในธุรกิจและอุตสาหกรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นการผลิตชิบ (เซมิคอนดัคเตอร์),  แบตเตอรี่ไฟฟ้า, ศูนย์ข้อมูล  ตลอดจนการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ เช่นทางรถไฟความเร็วสูง เชื่อมไทย, ลาว สู่จีน  รวมทั้งโครงการแลนด์บริดจ์.

 

ด้านกลับ  กรณีนี้ทำให้ไทยเสียเกียรติภูมิความสง่างามของประเทศอธิปไตยที่มีอิสระเสรี นานาอารยะประเทศมองว่าไทยมีนโยบายขึ้นต่ออิทธิพลของจีน  เอาอกเอาใจจีน จนขาดความเป็นตัวของตัวเอง.

 

ส่วนสหรัฐฯ จะเร็วช้าต้องตอบโต้ประเทศไทย  ระยะใกล้คือการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากไทย  เพราะปีที่ผ่านมา  สหรัฐฯ เสียเปรียบดุลการค้ากับไทยจำนวน 35,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ.

 

ตามข้อมูลของคุณพิธา  ลิ้มเจริญรัตน์  ขณะนี้ดูเหมือนสหรัฐฯจะให้ความสำคัญทางการค้ากับไทย รองจากอินโดนีเซีย, เวียดนาม และฟิลิปปินส์.

 

ไทยจะถูกเล่นงานจากสหรัฐฯ อย่างไร  หนักหรือเบาเพียงใด  ต้องรอดูต่อไป.

 

ข้อพิจารณาจากผลประโยชน์ของไทย

 

          พิจารณาจากผลประโยชน์เฉพาะหน้า  ไทยจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนทั้งการค้า, การลงทุน และการสนับสนุนทางการเมืองจากจีนเพิ่มมากขึ้น  ถือเป็นประเทศพันธมิตรที่ใกล้ชิดไว้วางใจพูดคุยกันได้.

 

          การตัดสินใจของรัฐบาลแพทองธารมุ่งประโยชน์เฉพาะหน้าต่อเศรษฐกิจของไทย  ถือนโยบายที่ประโยชน์ของประเทศไทยมาก่อน   เป็นนโยบายที่กินได้ เห็นผลได้  ส่วนการสูญเสียเกียรติภูมิในเวทีสากล ขาดความสง่างามในฐานะประเทศอธิปไตย อิสระเสรี เป็นเรื่องรองลงไป เพราะเป็นเรื่องที่กินไม่ได้ ไม่เห็นผล.

 

          การดำเนินนโยบายต่างประเทศที่เน้นผลประโยชน์ของประเทศ โดยไม่คำนึงถึงหลักการด้านมนุษยธรรม และสิทธิมนุษยชน แม้ทราบดีว่ามีประเทศที่เสนอตัวรับชาวอุยกูร์อพยพ  แต่รัฐบาลไทยตั้งแต่สมัยพลเอกประยุทธ  ไม่ยอมดำเนินการสานต่อกับประเทศที่เสนอตัว  ใช้วิธีปัดขยะเข้าใต้พรม ขังลืมชาวอุยกูร์อพยพ  ถึงสมัยรัฐบาลแพทองธารก็ขายผ้าเอาหน้ารอดด้วยการอ้างว่าไม่มีประเทศที่สามแสดงเจตจำนงรับตัวชาวอุยกูร์ ทั้งที่ทราบดีเช่นกันว่ามีประเทศเสนอตัว  แต่รัฐบาลไม่ได้เป็นฝ่ายกระทำให้ข้อเสนอรับตัวปรากฏเป็นจริง.

 

          นกที่พาครอบครัวบินหนีหลายพันกิโลเมตร เพื่อแสวงหาอิสระเสรี  กลับถูกจับส่งคืนกรงไม้ไผ่อีกคำรบหนึ่ง สร้างความสะเทือนใจแก่วิญญูชนที่รักเสรีภาพ มนุษยชน จนยากที่จะยอมรับได้.

 

          อย่างไรก็ดี  ในฐานะประเทศเล็ก ที่ต้องดิ้นรนต่อสู้เอาตัวรอดท่ามกลางการต่อสู้แย่งชิงอิทธิพลบารมีของประเทศใหญ่  รัฐบาลแพทองธารมีทางเลือกที่ดีกว่านี้ไหม ?

 

          นักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ได้เน้นย้ำเสมอว่า ประเทศไทยควรมีนโยบายไผ่ลู่ลม  ประเทศมหาอำนาจไหนให้ประโยชน์แก่ไทยมาก  ไทยจะลู่ลมตามกระแส.

 

          แต่ถึงจะลู่ลมอย่างไร  ต้นไผ่ก็ต้องไม่หักตามกระแสลม  นั่นคือยังรักษาสถานะสมดุลระหว่างประเทศมหาอำนาจในโลกหลายขั้วนี้ต่อไปได้อย่างไร  จะรักษาความเป็นตัวของตัวเองบนพื้นฐานผลประโยชน์ ที่มีหลักการคุณธรรม และมนุษยธรรมได้อย่างไร   เราชาวไทยย่อมต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และวิพากษ์วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ตลอดไป.    

 

 

 

สนใจสมัครสมาชิกผู้มีส่วนร่วมกับสถานีข่าว สปท. โปรดคลิ๊ก